นายสุทัศน์ เงินหมื่น รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ ส.ส.ภาคอีสาน แสดงความไม่เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเลือกที่จะลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ประเดิมการเดินสายพบประชาชนในภาคอีสานเป็นจังหวัดแรก เนื่องจากเห็นว่านายกรัฐมนตรีสามารถที่จะเดินทางไปในทุกจังหวัดของภาคอีสานโดยไม่มีความจำเป็นต้องไปอาศัยบารมีของใคร เพราะตนเองเชื่อว่าคนอีสานส่วนใหญ่มีความรักใคร่ในตัวนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ นายสุทัศน์ ยอมรับว่าการตัดสินใจดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับตนเอง หรือ ส.ส.ภาคอีสานในพรรคคนอื่นๆ แม้แต่น้อย ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีปรึกษาหารือกับบรรดา ส.ส.ภาคอีสานของพรรคก่อน ตนเองก็จะแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความเห็นดังกล่าวไม่ถือเป็นความขัดแย้งครั้งใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายสุทัศน์ ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะมอบหมายภารกิจ รวมทั้งทุ่มงบประมาณให้พรรคภูมิใจไทยดูแลพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ตนเองไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และหากเป็นเช่นนั้นจริงตนเองก็จะขอลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ทันที เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และมีหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วหลายท่าน หากจะให้ไปฮั้วกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อหลีกทางกันเองก็ไม่เหมาะสม เพราะอย่างไรเสียการเป็นพรรคการเมืองก็ต้องส่งผู้สมัครลงสู้กับพรรคอื่นๆ ในทุกสนามเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นความไม่ชอบธรรมทางการเมือง
ทั้งนี้ นายสุทัศน์ ยอมรับว่าการตัดสินใจดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับตนเอง หรือ ส.ส.ภาคอีสานในพรรคคนอื่นๆ แม้แต่น้อย ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีปรึกษาหารือกับบรรดา ส.ส.ภาคอีสานของพรรคก่อน ตนเองก็จะแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความเห็นดังกล่าวไม่ถือเป็นความขัดแย้งครั้งใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายสุทัศน์ ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะมอบหมายภารกิจ รวมทั้งทุ่มงบประมาณให้พรรคภูมิใจไทยดูแลพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ตนเองไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และหากเป็นเช่นนั้นจริงตนเองก็จะขอลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ทันที เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และมีหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วหลายท่าน หากจะให้ไปฮั้วกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อหลีกทางกันเองก็ไม่เหมาะสม เพราะอย่างไรเสียการเป็นพรรคการเมืองก็ต้องส่งผู้สมัครลงสู้กับพรรคอื่นๆ ในทุกสนามเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นความไม่ชอบธรรมทางการเมือง
