นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลเดือนพฤษภาคม 2552 ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 217,056 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2552
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ในเดือนพฤษภาคมต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 59,914 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.6 โดยภาษีสำคัญที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้ 85,744 ล้านบาท และ 45,759 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 53,848 และ 9,138 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.6 และ 16.6 ตามลำดับ เนื่องจากวันสุดท้ายของการยื่นชำระภาษีจากผลกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชีปี 2551 ตรงกับวันหยุด จึงได้มีการเลื่อนระยะเวลาการยื่นชำระภาษีวันสุดท้ายเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ทำให้มีรายได้ส่วนหนึ่งเหลื่อมไปอยู่ในเดือนมิถุนายน 2552 ประกอบกับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2551 ซึ่งเป็นฐานในการคำนวณภาษีชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงด้วย
ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 32,539 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 8,141 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.0 โดยเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสินค้าที่จัดเก็บได้ต่ำกว่า เดือนเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 39.2 เป็นสำคัญ เพราะได้รับผลกระทบจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่หดตัวลง โดยภาษีนำเข้าจัดเก็บได้ 4,897 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 2,728 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.8 เนื่องจากการหดตัวลงของมูลค่าการนำเข้า แต่ การจัดเก็บภาษีน้ำมัน ภาษีสุรา ละภาษีเบียร์ สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 56.8 25.9 และ 10.0 ตามลำดับ เนื่องจากผลของการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตของสินค้าดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ในเดือนพฤษภาคมต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 59,914 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.6 โดยภาษีสำคัญที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้ 85,744 ล้านบาท และ 45,759 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 53,848 และ 9,138 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.6 และ 16.6 ตามลำดับ เนื่องจากวันสุดท้ายของการยื่นชำระภาษีจากผลกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชีปี 2551 ตรงกับวันหยุด จึงได้มีการเลื่อนระยะเวลาการยื่นชำระภาษีวันสุดท้ายเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ทำให้มีรายได้ส่วนหนึ่งเหลื่อมไปอยู่ในเดือนมิถุนายน 2552 ประกอบกับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2551 ซึ่งเป็นฐานในการคำนวณภาษีชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงด้วย
ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 32,539 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 8,141 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.0 โดยเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสินค้าที่จัดเก็บได้ต่ำกว่า เดือนเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 39.2 เป็นสำคัญ เพราะได้รับผลกระทบจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่หดตัวลง โดยภาษีนำเข้าจัดเก็บได้ 4,897 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 2,728 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.8 เนื่องจากการหดตัวลงของมูลค่าการนำเข้า แต่ การจัดเก็บภาษีน้ำมัน ภาษีสุรา ละภาษีเบียร์ สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 56.8 25.9 และ 10.0 ตามลำดับ เนื่องจากผลของการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตของสินค้าดังกล่าว
