นายทวีจิตร จันทรสาขา นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งสามารถติดต่อกันทางอากาศได้ จึงขอเรียกร้องให้เจ้าของอาคารใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ปรับมาตรการดูแลระบบปรับอากาศภายในอาคารเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ อย่างน้อยในช่วง 4 เดือนนี้ โดยเพิ่มความถี่ในการถอดล้างแผ่นกรองอากาศที่ติดตั้งอยู่กับหน่วยเป่าลมของระบบปรับอากาศ หรือแฟนคอยล์ จากมาตรฐานปกติล้างทุก 6 เดือน เป็นการล้างทุก 2 เดือน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่าอาคารส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทำความสะอาดแผ่นกรองตามมาตรฐานแต่อย่างใด ส่วนอาคารที่ใช้ระบบปรับอากาศแบบเก่า แผ่นกรองยังเป็นแผงอะลูมิเนียมรุ่นเดิม ซึ่งไม่มีความสามารถในการกรอง ขอให้เปลี่ยนเป็นใยสังเคราะห์ร้อยละ 20 ซึ่งมีต้นทุนแผ่นละ 500 บาท และขอให้ปรับเพิ่มการดูดอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกอาคารเข้ามามากขึ้น เพื่อให้เกิดการถ่ายเท และเปิดให้แสงธรรมชาติเข้ามาในอาคารเพิ่ม แม้จะทำให้เปลืองค่าไฟฟ้ามากขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ขอให้ตรวจสอบมาตรฐานการดักกรองฝุ่นละออง โดยเฉพาะการวางแผ่นพรมเช็ดเท้าสังเคราะห์ดักฝุ่นไว้หน้าประตูทางเข้า
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่าอาคารส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทำความสะอาดแผ่นกรองตามมาตรฐานแต่อย่างใด ส่วนอาคารที่ใช้ระบบปรับอากาศแบบเก่า แผ่นกรองยังเป็นแผงอะลูมิเนียมรุ่นเดิม ซึ่งไม่มีความสามารถในการกรอง ขอให้เปลี่ยนเป็นใยสังเคราะห์ร้อยละ 20 ซึ่งมีต้นทุนแผ่นละ 500 บาท และขอให้ปรับเพิ่มการดูดอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกอาคารเข้ามามากขึ้น เพื่อให้เกิดการถ่ายเท และเปิดให้แสงธรรมชาติเข้ามาในอาคารเพิ่ม แม้จะทำให้เปลืองค่าไฟฟ้ามากขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ขอให้ตรวจสอบมาตรฐานการดักกรองฝุ่นละออง โดยเฉพาะการวางแผ่นพรมเช็ดเท้าสังเคราะห์ดักฝุ่นไว้หน้าประตูทางเข้า