องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ระยอง เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการลด และขจัดมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด ขณะที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยังคงเดินหน้าขยายโครงการ ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลโครงการถมทะเล เพื่อทำท่าเรือ และคลังเก็บสารเคมีเพิ่มกว่าพันไร่
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชายหาดของ จ.ระยอง หลังจากนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศถมทะเล เมื่อปี 2543 เพื่อเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ปัจจุบันเป็นพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โดยชาวบ้านได้ยื่นฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศาลปกครองระยอง และศาลมีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย ประมาณ 400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์
ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เร่งดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการลด และขจัดมลพิษ แต่ผู้ประกอบการทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน ต่างเดินหน้าโครงการถมทะเลใหม่ เพื่อสร้างเป็นท่าเทียบเรือ และคลังเก็บสารเคมีประมาณ 1,400 ไร่ ประกอบด้วย พีทีทีแทงค์ พื้นที่กว่า 300ไร่ ท่าเรือเอเชียเทอร์มินอล 121 ไร่ มาบตาพุดแทงค์ 136 ไร่ ไทยแทงค์ในพื้นที่เดียว 181 ไร่ และพีทีทีแอลเอ็นจีอีก 575 ไร่ ในจำนวนนี้มี 3 โครงการ ที่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านการพิจารณาแล้ว คือ พีทีทีแอลเอ็นจี มาบตาพุดแทงค์ และไทยแทงค์ ซึ่งชาวบ้านจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้ระงับโครงการ เนื่องจากยังไม่ผ่านการพิจารณาขององค์กรอิสระด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67
นอกจากนี้ชาวบ้านเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับโครงการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุดอีก 42 โครงการ แม้ว่ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะผ่านการพิจารณาแล้วก็ตาม ขณะที่รัฐบาลกำลังส่งเรื่องนี้ ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า การเดินหน้าโครงการจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากยังไม่มีการดำเนินการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกับให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าโครงการอุตสาหกรรมที่รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากผ่านการพิจารณาแล้ว อยู่ให้อยู่ในการเป็นเขตควบคุมมลพิษ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชายหาดของ จ.ระยอง หลังจากนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศถมทะเล เมื่อปี 2543 เพื่อเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ปัจจุบันเป็นพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โดยชาวบ้านได้ยื่นฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศาลปกครองระยอง และศาลมีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย ประมาณ 400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์
ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เร่งดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการลด และขจัดมลพิษ แต่ผู้ประกอบการทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน ต่างเดินหน้าโครงการถมทะเลใหม่ เพื่อสร้างเป็นท่าเทียบเรือ และคลังเก็บสารเคมีประมาณ 1,400 ไร่ ประกอบด้วย พีทีทีแทงค์ พื้นที่กว่า 300ไร่ ท่าเรือเอเชียเทอร์มินอล 121 ไร่ มาบตาพุดแทงค์ 136 ไร่ ไทยแทงค์ในพื้นที่เดียว 181 ไร่ และพีทีทีแอลเอ็นจีอีก 575 ไร่ ในจำนวนนี้มี 3 โครงการ ที่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านการพิจารณาแล้ว คือ พีทีทีแอลเอ็นจี มาบตาพุดแทงค์ และไทยแทงค์ ซึ่งชาวบ้านจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้ระงับโครงการ เนื่องจากยังไม่ผ่านการพิจารณาขององค์กรอิสระด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67
นอกจากนี้ชาวบ้านเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับโครงการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษมาบตาพุดอีก 42 โครงการ แม้ว่ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะผ่านการพิจารณาแล้วก็ตาม ขณะที่รัฐบาลกำลังส่งเรื่องนี้ ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า การเดินหน้าโครงการจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากยังไม่มีการดำเนินการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกับให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าโครงการอุตสาหกรรมที่รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากผ่านการพิจารณาแล้ว อยู่ให้อยู่ในการเป็นเขตควบคุมมลพิษ
