ระยอง-ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ประชุมชี้แจงผู้ประกอบการอุตสาหกรรม แผนลดและขจัดมลพิษ
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่โรงแรมระยองโกลเด้นซิตี้ อ.เมืองระยอง นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.ระยอง เดินทางไปเป็นประธานการประชุมชี้แจงเขตควบคุมมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด โดยมีผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและองค์กรปกครองท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟังกว่า 150 คน
นายสยุมพร กล่าวว่า พื้นที่ 6 ตำบลของ อ.บ้านฉาง อ.นิคมพัฒนา และอำเภอเมืองระยอง ที่ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษนั้น น่าจะส่งผลดีในทุกด้าน พื้นที่จ.ระยองมีการลงทุนภาคอุตสาหกรรมโครงการอิสเทิร์นซีบอร์ดมาตั้งแต่ พ.ศ.2525 เป็นเวลา 27 ปี ถูกกำหนดให้เป็นที่ตั้งฐานเศรษฐกิจโดยรวมให้กับประเทศคิดเป็นมูลค่ามหาศาล
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า เวลาที่ผ่านมา 27 ปี ก่อปัญหาเรื่องมลพิษให้กับประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเช่นกัน เป็นผลพวงของการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องมลพิษทั้งทางอากาศ น้ำ และพื้นดินที่สะสมมานาน รวมทั้งปัญหาทางด้านสังคมสิ่งสำคัญคือปัญหาเรื่องประชากรแฝงที่เข้ามาทำมาหากิน มาใช้ทรัพยากรใน จ.ระยอง
องค์กรปกครองท้องถิ่นต้องจัดสรรหางบประมาณมาดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ โดยไม่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากภาครัฐเพิ่มขึ้น การประกาศเขตควบคุมมลพิษ หากมองในแง่ดีน่าจะกลับไปมองปัญหาแต่ละฝ่าย คนระยองไม่ขัดข้องที่จะให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อไป แต่ว่าลูกหลานชาวระยองต้องได้รับการดูแลในเรื่องของสุขภาพอนามัยและปัญหาเรื่องมลภาวะเป็นพิษ ก็ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีกว่านี้ ย่อมส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน และต่อไปนี้การขยายตัวการลงทุนภาคอุตสาหกรรมต้องเป็นอุตสาหกรรมสะอาด เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่
นายสยุมพร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่องค์กรปกครองท้องถิ่น กำลังเร่งจัดทำแผน ลด และขจัดมลพิษให้เสร็จภายในระยะเวลา 120 วัน จนกว่าจะมีการประกาศใช้แผนลดและขจัดมลพิษคาดว่าจะใช้ได้ในปีงบประมาณ 2554
สำหรับภาคการลงทุนที่มีการวิตกกัน ว่า แผนลดและขจัดมลพิษที่ทำขึ้นมาใหม่นั้น จะมีอะไรที่เกินความจำเป็นหรือเกินมาตรฐานไปนั้น จะไม่มีสิ่งใดที่เกินมาตรฐานที่กำหนด และไม่สามารถกำหนดให้เกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่โรงแรมระยองโกลเด้นซิตี้ อ.เมืองระยอง นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.ระยอง เดินทางไปเป็นประธานการประชุมชี้แจงเขตควบคุมมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด โดยมีผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและองค์กรปกครองท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟังกว่า 150 คน
นายสยุมพร กล่าวว่า พื้นที่ 6 ตำบลของ อ.บ้านฉาง อ.นิคมพัฒนา และอำเภอเมืองระยอง ที่ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษนั้น น่าจะส่งผลดีในทุกด้าน พื้นที่จ.ระยองมีการลงทุนภาคอุตสาหกรรมโครงการอิสเทิร์นซีบอร์ดมาตั้งแต่ พ.ศ.2525 เป็นเวลา 27 ปี ถูกกำหนดให้เป็นที่ตั้งฐานเศรษฐกิจโดยรวมให้กับประเทศคิดเป็นมูลค่ามหาศาล
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า เวลาที่ผ่านมา 27 ปี ก่อปัญหาเรื่องมลพิษให้กับประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเช่นกัน เป็นผลพวงของการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องมลพิษทั้งทางอากาศ น้ำ และพื้นดินที่สะสมมานาน รวมทั้งปัญหาทางด้านสังคมสิ่งสำคัญคือปัญหาเรื่องประชากรแฝงที่เข้ามาทำมาหากิน มาใช้ทรัพยากรใน จ.ระยอง
องค์กรปกครองท้องถิ่นต้องจัดสรรหางบประมาณมาดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ โดยไม่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากภาครัฐเพิ่มขึ้น การประกาศเขตควบคุมมลพิษ หากมองในแง่ดีน่าจะกลับไปมองปัญหาแต่ละฝ่าย คนระยองไม่ขัดข้องที่จะให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อไป แต่ว่าลูกหลานชาวระยองต้องได้รับการดูแลในเรื่องของสุขภาพอนามัยและปัญหาเรื่องมลภาวะเป็นพิษ ก็ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีกว่านี้ ย่อมส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน และต่อไปนี้การขยายตัวการลงทุนภาคอุตสาหกรรมต้องเป็นอุตสาหกรรมสะอาด เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่
นายสยุมพร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่องค์กรปกครองท้องถิ่น กำลังเร่งจัดทำแผน ลด และขจัดมลพิษให้เสร็จภายในระยะเวลา 120 วัน จนกว่าจะมีการประกาศใช้แผนลดและขจัดมลพิษคาดว่าจะใช้ได้ในปีงบประมาณ 2554
สำหรับภาคการลงทุนที่มีการวิตกกัน ว่า แผนลดและขจัดมลพิษที่ทำขึ้นมาใหม่นั้น จะมีอะไรที่เกินความจำเป็นหรือเกินมาตรฐานไปนั้น จะไม่มีสิ่งใดที่เกินมาตรฐานที่กำหนด และไม่สามารถกำหนดให้เกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้