ไอเอ็มเอฟและเวิลด์แบงก์ระบุเมื่อวันจันทร์(8)ว่า เส้นทางสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกนั้นยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงนานานัปการ และหน้าที่ของบรรดาผู้วางนโยบายก็คือ จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่ถลำลงสู่ภาวะเงินเฟ้อที่สูงลิ่ว ตลอดจนหลุมพรางอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้กระบวนการฟื้นตัวต้องเสียหายไป
ในการประชุมสัมมนาที่นครมอนทรีล ประเทศแคนาดาเมื่อวันจันทร์ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) โดมินิก สเตราส์-คาห์น และประธานธนาคารโลก รอเบิร์ต เซลลิก ต่างก็หันมาให้ความสนใจกับช่วงเวลาภายหลังวิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว โดยพวกเขาให้คำแนะนำสำหรับรัฐบาลต่าง ๆว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไรบ้าง ในขณะที่พยายามประคองให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง
สเตราส์-คาห์น ยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2010 โดยที่จะเริ่มเห็นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นจากช่วงติดลบอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนกันยายนและตุลาคมปีนี้
"เรายังคงเชื่อเหมือนที่เคยพูดก่อนหน้านี้หลายเดือนว่า การฟื้นตัวอย่างชัดเจนน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2010 โดยที่จะมีจุดพลิกเปลี่ยนในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมของปีนี้ เราจะได้เห็นอัตราการเติบโตเป็นบวกในช่วงสิ้นปีนี้ และก็จะเริ่มขยายตัวแรงขึ้นในช่วงไตรมาสหนึ่งและสองของปี 2010" เขากล่าว
แต่เขาก็เตือนด้วยว่า ความเสี่ยงใหญ่โตที่สุดที่จะทำให้ภาพทิศทางอนาคตที่เขามองเห็นนี้ไม่อาจกลายเป็นจริงขึ้นมา ได้แก่การที่หลายประเทศที่ใช้เวลานานเกินไปในการสะสางปัญหาสินทรัพย์เน่าเสียออกจากภาคการธนาคาร
ในการประชุมสัมมนาที่นครมอนทรีล ประเทศแคนาดาเมื่อวันจันทร์ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) โดมินิก สเตราส์-คาห์น และประธานธนาคารโลก รอเบิร์ต เซลลิก ต่างก็หันมาให้ความสนใจกับช่วงเวลาภายหลังวิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว โดยพวกเขาให้คำแนะนำสำหรับรัฐบาลต่าง ๆว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไรบ้าง ในขณะที่พยายามประคองให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง
สเตราส์-คาห์น ยังคงเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2010 โดยที่จะเริ่มเห็นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นจากช่วงติดลบอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนกันยายนและตุลาคมปีนี้
"เรายังคงเชื่อเหมือนที่เคยพูดก่อนหน้านี้หลายเดือนว่า การฟื้นตัวอย่างชัดเจนน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2010 โดยที่จะมีจุดพลิกเปลี่ยนในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมของปีนี้ เราจะได้เห็นอัตราการเติบโตเป็นบวกในช่วงสิ้นปีนี้ และก็จะเริ่มขยายตัวแรงขึ้นในช่วงไตรมาสหนึ่งและสองของปี 2010" เขากล่าว
แต่เขาก็เตือนด้วยว่า ความเสี่ยงใหญ่โตที่สุดที่จะทำให้ภาพทิศทางอนาคตที่เขามองเห็นนี้ไม่อาจกลายเป็นจริงขึ้นมา ได้แก่การที่หลายประเทศที่ใช้เวลานานเกินไปในการสะสางปัญหาสินทรัพย์เน่าเสียออกจากภาคการธนาคาร
