นายสักรินทร์ สังข์แดง แกนนำชาวบ้าน ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบการดำเนินงานขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำแม่รำพึง เปิดเผยว่า ชาวบ้านกำลังพิจารณาที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือต่อคณะทำงานวิชาการพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ที่สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงหลังจากที่มีความพยายามรวบรัดเร่งประกาศพื้นที่ชุ่มน้ำแม่รำพึง โดยอ้างว่ามีการประชุมรับฟังความเห็นจากชาวบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามสร้างข่าวเพื่อลดความน่าเชื่อถือของกลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งตนยืนยันว่า เป็นคนในชุมชน มีสิทธิชอบธรรมที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น รวมทั้งกลุ่มชาวบ้านก็ได้ตั้งให้ตนเป็นผู้นำในกิจกรรมนี้ เพราะอย่างน้อยก็ไม่เคยมีประวัติเป็นนักทำลายสิ่งแวดล้อม เหมือนบางกลุ่มคนที่ปลูกบ้านรุกที่สาธารณะ หรือบางคนมีประวัติแอบดักนก หาของป่า
ขณะที่นายสุเทพ สุขเกษม ประธานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่รำพึง กล่าวว่า การอ้างผลประชุมวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 เป็นข้อสรุปของการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในการประกาศพื้นที่ชุ่มน้ำพรุแม่รำพึงนั้น จากร่างรายงานของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ระบุไว้ชัดเจนว่ายังมีความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่ง สผ. จะต้องนำไปพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปตามขั้นตอน ดังนั้นการจะมาบอกว่ามีข้อสรุปแล้วคงไม่ใช่ เพราะตามขั้นตอนจะต้องมีการติดประกาศแนวเขตพร้อมแผนที่ประกาศแนวเขตให้ชัดเจน โดยแจ้งให้ชุมชนโดยรอบรับทราบและเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร้องเรียนได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการประกาศดังกล่าว หรือแจ้งให้ชาวบ้านได้รับรู้
ทางด้านนายสมบูรณ์ ภู่งาม กำนันตำบลแม่รำพึง กล่าวว่า การอ้างผลประชุมรับฟังความคิดเห็น โดยผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คนนั้น อยากตั้งข้อสังเกตว่า หลายคนไม่ใช่คนในพื้นที่ เป็นการประชุมจัดตั้งหรือไม่ อยากให้ สผ.คิดถึงชาวบ้านส่วนใหญ่ด้วย อย่าดำเนินการแบบรวบรัด เพราะชาวบ้านมาทราบเรื่องก็ต่อเมื่อเป็นข่าวว่าได้มีการกำหนดขอบเขตแล้ว รวมถึงการจัดประชุมกันตามโรงแรมต่างๆ ที่กรุงเทพฯ ชาวบ้านก็ไม่ได้รับรู้ ซึ่งคิดว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ในแต่ละจังหวัดที่มีความรู้สึกคล้ายๆ กลุ่มชาวบ้านแม่รำพึง
นายเชาว์ เหลืองสุริยา ชาวบ้านตำบลกำเนิดนพคุณ กล่าวว่า ได้เข้าร่วมประชุมในเวทีดังกล่าว แต่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นการประชุมรับฟังความคิดเห็นได้หรือไม่ เพราะในขณะที่พูดหรือแสดงความคิดเห็นก็จะมีเสียงโห่ไล่จากอีกกลุ่ม
นายธีรยุทธ เจริญยิ่ง ชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลแม่รำพึง กล่าวว่า การที่กลุ่มอนุรักษ์ติดป้ายประกาศห้ามชาวบ้านเข้าไปเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าพรุแม่รำพึง โดยอ้างว่ามีการลักลอบเบื่อปลาและเผาป่านั้น ในความเป็นจริงทุกวันนี้คนในชุมชนแทบไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ป่าพรุได้เลย เนื่องจากกลุ่มอนุรักษ์เข้าไปใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ ของกลุ่ม
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามสร้างข่าวเพื่อลดความน่าเชื่อถือของกลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งตนยืนยันว่า เป็นคนในชุมชน มีสิทธิชอบธรรมที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น รวมทั้งกลุ่มชาวบ้านก็ได้ตั้งให้ตนเป็นผู้นำในกิจกรรมนี้ เพราะอย่างน้อยก็ไม่เคยมีประวัติเป็นนักทำลายสิ่งแวดล้อม เหมือนบางกลุ่มคนที่ปลูกบ้านรุกที่สาธารณะ หรือบางคนมีประวัติแอบดักนก หาของป่า
ขณะที่นายสุเทพ สุขเกษม ประธานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่รำพึง กล่าวว่า การอ้างผลประชุมวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 เป็นข้อสรุปของการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในการประกาศพื้นที่ชุ่มน้ำพรุแม่รำพึงนั้น จากร่างรายงานของสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ระบุไว้ชัดเจนว่ายังมีความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่ง สผ. จะต้องนำไปพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปตามขั้นตอน ดังนั้นการจะมาบอกว่ามีข้อสรุปแล้วคงไม่ใช่ เพราะตามขั้นตอนจะต้องมีการติดประกาศแนวเขตพร้อมแผนที่ประกาศแนวเขตให้ชัดเจน โดยแจ้งให้ชุมชนโดยรอบรับทราบและเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร้องเรียนได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการประกาศดังกล่าว หรือแจ้งให้ชาวบ้านได้รับรู้
ทางด้านนายสมบูรณ์ ภู่งาม กำนันตำบลแม่รำพึง กล่าวว่า การอ้างผลประชุมรับฟังความคิดเห็น โดยผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คนนั้น อยากตั้งข้อสังเกตว่า หลายคนไม่ใช่คนในพื้นที่ เป็นการประชุมจัดตั้งหรือไม่ อยากให้ สผ.คิดถึงชาวบ้านส่วนใหญ่ด้วย อย่าดำเนินการแบบรวบรัด เพราะชาวบ้านมาทราบเรื่องก็ต่อเมื่อเป็นข่าวว่าได้มีการกำหนดขอบเขตแล้ว รวมถึงการจัดประชุมกันตามโรงแรมต่างๆ ที่กรุงเทพฯ ชาวบ้านก็ไม่ได้รับรู้ ซึ่งคิดว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ในแต่ละจังหวัดที่มีความรู้สึกคล้ายๆ กลุ่มชาวบ้านแม่รำพึง
นายเชาว์ เหลืองสุริยา ชาวบ้านตำบลกำเนิดนพคุณ กล่าวว่า ได้เข้าร่วมประชุมในเวทีดังกล่าว แต่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นการประชุมรับฟังความคิดเห็นได้หรือไม่ เพราะในขณะที่พูดหรือแสดงความคิดเห็นก็จะมีเสียงโห่ไล่จากอีกกลุ่ม
นายธีรยุทธ เจริญยิ่ง ชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลแม่รำพึง กล่าวว่า การที่กลุ่มอนุรักษ์ติดป้ายประกาศห้ามชาวบ้านเข้าไปเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าพรุแม่รำพึง โดยอ้างว่ามีการลักลอบเบื่อปลาและเผาป่านั้น ในความเป็นจริงทุกวันนี้คนในชุมชนแทบไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ป่าพรุได้เลย เนื่องจากกลุ่มอนุรักษ์เข้าไปใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ ของกลุ่ม