“กำนันใหญ่เชียงราย” ขู่ฟ้องหลังถูกกล่าวหาฮุบที่สาธารณะ

เชียงราย - ประธานกำนัน-ผญบ.17 จังหวัดเหนือนอตหลุด ยันไม่มีเอี่ยวรุกที่สาธารณะ 800 ไร่ที่เชียงราย เตรียมฟ้องคนประท้วง พร้อมเผยเบื้องหน้าเบื้องหลังการซื้อที่เจ้าปัญหา ตั้งแต่เกือบ 20 ปีก่อน

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จากกรณีที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีชาวบ้านจากพื้นที่หมู่บ้านห้วยอ้ม หมู่ 8 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ประมาณ 100 คนพากันเดินทางไปเรียกร้องต่อนายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อขอให้ช่วยจัดการกับกลุ่มทุนที่เข้าไปบุกรุกที่สาธารณะของหมู่บ้านประมาณ 800 ไร่ โดยในหนังสือที่ยื่นต่อทางอำเภอระบุในทำนองที่ว่า มีกำนันและผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งอยู่เบื้องหลังการบุกรุกที่ดินดังกล่าวนั้น ได้ทำให้ทางอำเภออยู่ระหว่างเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยยังไม่มีการตัดสินให้ดำเนินการใดๆ

นายอินหวัน บั้งเงิน อุปนายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.เชียงราย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า กรณีการกล่าวหาว่ามีกำนันคนหนึ่งเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังปัญหาครั้งนี้ทำให้ตนได้รับความเสียหาย เพราะเมื่อมองทั่ว ต.แม่ข้าวต้ม แล้วก็มีตนซึ่งเป็นกำนันอยู่คนเดียวและทำหน้าที่ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่บ้านจนมาเป็นกำนันยาวนานกว่า 26 ปีแล้ว ดังนั้น จึงอยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อเตรียมจะฟ้องร้องต่อแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหากเห็นว่ามีความจำเป็นต่อไป

นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าตนไม่เคยเข้าไปมีผลประโยชน์กับการซื้อขายที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด และปัจจุบันการซื้อขายที่ดินก็แล้วเสร็จไปหมดแล้วถึง 2 รอบ จึงสงสัยว่าเหตุใดจึงมากล่าวหากันเช่นนี้อีก

นายอินหวัน กล่าวอีกว่า เมื่อตนถูกพาดพิงก็จะขอแจ้งถึงที่มาของปัญหาดังกล่าวว่าที่ดินดังกล่าวเดิมมีชาวบ้านเข้าไปจับจองอยู่กินกันมานนแล้ว และไม่ได้เป็นพื้นป่าสงวนแต่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า กระทั่งปี 2535 ชาวบ้านได้รวมตัวกันขายที่ดินให้กับนายทุนคนหนึ่งเป็นเงิน 9 ล้านบาท แต่มีการจ่ายเงินกันไม่ครบจึงถูกริบเงินมัดจำไป กระทั่งต่อมาปี 2547 นายทุนคนเดิมเข้าไปขอซื้อที่ดินผืนเดียวกันนี้อีกเป็นเงิน 11 ล้านบาท โดยครั้งนี้มีตัวแทนชาวบ้านซึ่งก็เป็นแกนนำที่ไปชุมนุมประท้วงกันเป็นผู้นำเงินที่นายทุนไปซื้อไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านจนครบถ้วนตามสัญญา ขณะที่ตนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการซื้อขายเลยแต่ยอมรับว่าเป็นคนคอยประสานงานให้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเพื่อไม่ให้มีปัญหาเหมือนครั้งแรก

“ผมเองก็สงสัยว่าเมื่อมีการซื้อขายกันไปแล้วและได้รับเงินกันไปนานแล้ว เหตุใดจึงมาเรียกร้องกันอีกซ้ำยังมาพาดพิงถึงผมซึ่งไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมกับพวกเขาด้วย ผมจึงอยากจะถามหาคุณธรรมและจริยธรรมในเรื่องนี้ด้วย” นายอินหวัน กล่าว และว่า

เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับซื้อขายที่ดินครั้งแรกก็เคยมีการพาดพิงว่าตนอยู่เบื้องหลังมาครั้งหนึ่งแล้วโดยครั้งนั้นเป็นเรื่องการเมืองและเงียบหายไป แต่ครั้งนี้แม้ตนจะพยายามเข้าไปประสานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาก็กลับมากระทำลักษณะคล้ายกันอีก จึงสงสัยว่าเป็นลักษณะของการอยากได้ที่ดินคืนและอยากได้เงินฟรีไปพร้อมๆ กันหรือไม่