เชียงราย – ชาวบ้านฮือร้องจังหวัดนายทุนรุกป่า ฮุบที่สาธารณะ 800 ไร่ ทั้งที่ชาวบ้านขอขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนตั้งแต่ปี 47-48 แถมขอเป็นที่สาธารณะปี 48 แต่กลับถูกผู้มีอำนาจออกใบจองโดยมิชอบ ห้ามคนในชุมชนเข้าใช้ประโยชน์
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (10 ก.พ.) ได้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านห้วยอ้ม หมู่ที่ 8 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ประมาณ 50 คน เดินทางไปชุมนุมกันที่ศาลากลาง จ.เชียงราย เพื่อขอยื่นหนังสือถึง นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ว่า มีกลุ่มนายทุนบุกรุกที่สาธารณะของชาวบ้านเป็นเนื้อที่กว้างขวาง ทำให้ นายไตรสิทธิ์ ได้มอบหมายให้ นายญาณวุฒิ สุดพิมพ์ศรี ปลัดปกครองอำเภอเมืองเชียงรายผู้ดูแลพื้นที่ ได้รับหนังสือเรียกร้องจากชาวบ้านแทน
เนื้อหาของหนังสือที่ชาวบ้านเรียกร้อง ระบุว่า ปัจจุบันได้มีผู้อิทธิพลคนหนึ่งได้เข้าทำครอบครองที่ดินสาธารณะของชาวบ้านเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ โดยไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปทักท้วงเพราะกลัวอิทธิพล จากนั้นผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวได้นำไปขายใหักับนายทุนทั้งๆ ที่ชาวบ้านอยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชุนตั้งแต่ปี พ.ศ.2547-2548 และขอเป็นที่ดินสาธารณะเมื่อ พ.ศ.2548 ที่องค์การบริหารส่วนตำบล
ภายหลังชาวบ้านทราบว่า มีการหาวิธีออกใบจองที่ดินดังกล่าวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และห้ามชาวบ้านเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยเด็ดขาด ทำให้ชาวบ้านไร้ที่ทำกิน และเกิดปัญหาความยากจนตามมา
นายสุรพงษ์ ชาวลี้แสน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่บ้านห้วยอ้ม ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า การมาเรียกร้องวันนี้เพื่อขอความเป็นธรรม ให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน และให้ทำการตรวจสอบการกระทำผิดดังกล่าวของผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐถ้าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้ยกเลิกการออกใบจองที่ดินโดยมิชอบ จากนั้นจึงขอให้มีการประกาศประกาศให้ที่ดินดังกล่าวเป็นของหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปใช้การทำกินต่อไป
“พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้สร้างปัญหา และเป็นที่เอือมระอา รวมทั้งมีการประพฤติผิดกฎหมาย แต่ก็ลอยนวลมามาจนถึงขณะนี้ และเนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทำให้ชาวบ้านกลัว จึงขอให้เร่งตรวจสอบ และดำเนินการตรวจสอบความประพฤติของบุคคลผู้นี้และพวกให้โดยเร็ว” นายสุรพงษ์ กล่าว
ต่อมา นายญาณวุฒิ สุดพิมพ์ศรี ปลัดปกครองอำเภอเมืองเชียงราย ได้รับเรื่องจากชาวบ้านพร้อมระบุว่า เบื้องต้นคงให้คำตอบกับชาวบ้านทันทีไม่ได้ เพราะต้องนำเอกสารไปตรวจสอบและไปดูพื้นที่รวมทั้งดูหลักฐานข้อมูลอื่นๆ ที่มีอยู่เดิม แต่จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นเบื้องต้นจึงจะรับเรื่องไว้ก่อน จากนั้นจะเร่งรัดตรวจสอบทำให้ชาวบ้านพอใจและแยกย้ายกันกลับ