น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางมาสมัครเรียนหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่น 1 ประจำปี พ.ศ .2552 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) น.ส.สุณีย์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมือง ต้องการสนับสนุนหลักสูตรที่ กกต. จัดทำขึ้น ซึ่งเนื้อหาในหลักสูตรเป็นการบูรณาการ การบริหารงานภาครัฐและการเมืองเข้าไว้ด้วยกัน ส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์ อยากเชิญชวนนักการเมืองทุกพรรคให้เข้ามาสมัครเรียน เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมความรู้แล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความสมานฉันท์
ด้านนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การเรียนหลักสูตรนี้หวังว่าจะได้รับความรู้ความเข้าใจในการเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใบเหลืองใบแดง สร้างความสมานฉันท์ จึงอยากเชิญชวน ส.ส.รัฐบาล โดยเฉพาะนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนพ.บูรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้ เพื่อจะได้เพิ่มพูนความรู้ทางการเมือง และจะได้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า นักการเมืองมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของบ้านเมือง ซึ่งที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งกันมาก เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน กกต.จึงมีแนวความคิดที่จะจัดหลักสูตรดังกล่าวขึ้น โดยผู้ที่เข้ามาเรียนจะไม่มีการแบ่งสีเสื้อ สำหรับเนื้อหาในหลักสูตรจะเป็นการนำจุดเด่นในองค์ความรู้ต่างๆ มาประยุกต์ใช้ อาทิ ความรู้ในการเลือกตั้ง การบริหารเมืองการปกครอง และหลักธรรมาภิบาล นอกจากนี้จะมีการยกตัวอย่างนักการเมืองที่ดีทั้งภายในและต่างประเทศด้วย ซึ่งเชื่อว่าหลักสูตรดังกล่าวจะให้ประโยชน์กับผู้เข้าอบรม ทั้งนี้เบื้องต้นพอใจกับยอดผู้สมัคร โดยเฉพาะนักการเมืองที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เริ่มทยอยเข้ามาสมัครอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การเรียนหลักสูตรนี้หวังว่าจะได้รับความรู้ความเข้าใจในการเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใบเหลืองใบแดง สร้างความสมานฉันท์ จึงอยากเชิญชวน ส.ส.รัฐบาล โดยเฉพาะนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนพ.บูรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้ เพื่อจะได้เพิ่มพูนความรู้ทางการเมือง และจะได้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า นักการเมืองมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของบ้านเมือง ซึ่งที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งกันมาก เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน กกต.จึงมีแนวความคิดที่จะจัดหลักสูตรดังกล่าวขึ้น โดยผู้ที่เข้ามาเรียนจะไม่มีการแบ่งสีเสื้อ สำหรับเนื้อหาในหลักสูตรจะเป็นการนำจุดเด่นในองค์ความรู้ต่างๆ มาประยุกต์ใช้ อาทิ ความรู้ในการเลือกตั้ง การบริหารเมืองการปกครอง และหลักธรรมาภิบาล นอกจากนี้จะมีการยกตัวอย่างนักการเมืองที่ดีทั้งภายในและต่างประเทศด้วย ซึ่งเชื่อว่าหลักสูตรดังกล่าวจะให้ประโยชน์กับผู้เข้าอบรม ทั้งนี้เบื้องต้นพอใจกับยอดผู้สมัคร โดยเฉพาะนักการเมืองที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เริ่มทยอยเข้ามาสมัครอย่างต่อเนื่อง
