นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ เอแบคเรียลไทม์โพลล์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัด 1,271 ครัวเรือน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 80.1 รับรู้ต่อข่าวเกี่ยวกับการกู้เงิน 400,000 ล้านบาท ของรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 19.9 ยังไม่ทราบข่าวนี้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 65.2 ต้องการให้รัฐบาลชี้แจงเพิ่มเติมในเรื่องการกู้เงินดังกล่าว ขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุไม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ขณะที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใช้เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงด้านการรักษาพยาบาลให้กับประชาชน ร้อยละ 91 ร้อยละ 90.9 ต้องการให้นำไปใช้ในด้านการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน ร้อยละ 88.4 ระบุกระตุ้นธุรกิจและอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ในประเทศ ร้อยละ 67.6 ระบุให้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ ขณะที่ร้อยละ 35.1 ระบุให้ปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชน
ผลการสำรวจพบว่าธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประชาชนคิดว่า รัฐบาลควรกระตุ้นหรือให้การส่งเสริม ร้อยละ 98.4 ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมด้านการศึกษา รองลงมาคือ ร้อยละ 96.5 ระบุด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน ร้อยละ 96.4 ระบุการประกอบอาชีพของประชาชนโดยตรง ร้อยละ 91.4 ระบุการท่องเที่ยว ร้อยละ 89.1 ระบุธุรกิจนำเข้าส่งออก ร้อยละ 81.1 ระบุธุรกิจหรืออุตสาหกรรมด้านอาหาร ซึ่งประชาชนยังต้องการให้รัฐบาลกระตุ้นหรือส่งเสริมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมด้านอื่นๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนกรณีที่รัฐบาลขอออก พ.ร.ก.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท พบว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.3 ระบุเห็นด้วย ขณะที่ประมาณร้อยละ 37.7 ระบุไม่เห็นด้วย โดยร้อยละ 47.4 ระบุรัฐบาลควรกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ ขณะที่ร้อยละ 10.2 ระบุเป็นแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ และร้อยละ 42.4 ระบุควรกู้จากทั้งสองแหล่งดังกล่าว และเมื่อสอบถามต่อไปว่ารัฐบาลควรต้องนำเงินกู้ 400,000 ล้านบาทมาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจระดับใด พบว่าร้อยละ 17.6 ระบุต้องการให้รัฐบาลเน้นการแก้ไขเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนเป็นหลัก ขณะที่ร้อยละ 15.3 ระบุเน้นการแก้ไขเศรษฐกิจในระดับประเทศเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 67.1 ระบุต้องการให้เน้นการแก้ไขเศรษฐกิจทั้งระดับครัวเรือนและระดับประเทศ ซึ่งประชาชนร้อยละ 57.4 ระบุค่อนข้างเชื่อมั่นและเชื่อมั่นมากต่อรัฐบาลในการนำเงินกู้มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 65.2 ต้องการให้รัฐบาลชี้แจงเพิ่มเติมในเรื่องการกู้เงินดังกล่าว ขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุไม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ขณะที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใช้เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงด้านการรักษาพยาบาลให้กับประชาชน ร้อยละ 91 ร้อยละ 90.9 ต้องการให้นำไปใช้ในด้านการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน ร้อยละ 88.4 ระบุกระตุ้นธุรกิจและอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ในประเทศ ร้อยละ 67.6 ระบุให้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ ขณะที่ร้อยละ 35.1 ระบุให้ปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชน
ผลการสำรวจพบว่าธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประชาชนคิดว่า รัฐบาลควรกระตุ้นหรือให้การส่งเสริม ร้อยละ 98.4 ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมด้านการศึกษา รองลงมาคือ ร้อยละ 96.5 ระบุด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน ร้อยละ 96.4 ระบุการประกอบอาชีพของประชาชนโดยตรง ร้อยละ 91.4 ระบุการท่องเที่ยว ร้อยละ 89.1 ระบุธุรกิจนำเข้าส่งออก ร้อยละ 81.1 ระบุธุรกิจหรืออุตสาหกรรมด้านอาหาร ซึ่งประชาชนยังต้องการให้รัฐบาลกระตุ้นหรือส่งเสริมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมด้านอื่นๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนกรณีที่รัฐบาลขอออก พ.ร.ก.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท พบว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.3 ระบุเห็นด้วย ขณะที่ประมาณร้อยละ 37.7 ระบุไม่เห็นด้วย โดยร้อยละ 47.4 ระบุรัฐบาลควรกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ ขณะที่ร้อยละ 10.2 ระบุเป็นแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ และร้อยละ 42.4 ระบุควรกู้จากทั้งสองแหล่งดังกล่าว และเมื่อสอบถามต่อไปว่ารัฐบาลควรต้องนำเงินกู้ 400,000 ล้านบาทมาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจระดับใด พบว่าร้อยละ 17.6 ระบุต้องการให้รัฐบาลเน้นการแก้ไขเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนเป็นหลัก ขณะที่ร้อยละ 15.3 ระบุเน้นการแก้ไขเศรษฐกิจในระดับประเทศเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 67.1 ระบุต้องการให้เน้นการแก้ไขเศรษฐกิจทั้งระดับครัวเรือนและระดับประเทศ ซึ่งประชาชนร้อยละ 57.4 ระบุค่อนข้างเชื่อมั่นและเชื่อมั่นมากต่อรัฐบาลในการนำเงินกู้มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
