วันนี้ (3 พ.ค.) ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะเอกอัครราชทูต จากกลุ่มสหภาพยุโรป รวม 14 คน เดินทางเยี่ยมชมศูนย์ดังกล่าว พร้อมทั้งร่วมหารือ และรับฟังการบรรยายสรุป เกี่ยวกับสถานการณ์ และการดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาค 4 คอยต้อนรับ และบรรยายสรุป
นายกษิต กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อให้คณะทูตได้รับทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ไม่ใช่ฟังจากฝ่ายราชการฝ่ายเดียว และจะได้มีโอกาสรับฟังจากประชาชนรวมถึงภาคประชาสังคม หรือเอ็นจีโอด้วย เพื่อที่จะได้เห็นสภาพความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะโดยทั่วไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลที่ออกไปจากสื่อต่างประเทศ ค่อนข้างเป็นไปในทางลบ และมักจะลงข่าวการก่อการร้าย การฆ่ากัน ซึ่งไม่ได้รายงานอีกมุมมองหนึ่งว่า ในพื้นที่ได้มีการพัฒนา มีการเสริมสร้างความสมานฉันท์ และความเข้าใจระหว่างชนทุกเหล่า ทุกศาสนาในภูมิภาค ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ที่มีรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายชัดเจนว่า จะนำความยุติธรรมกลับมาสู่พื้นที่ภาคใต้ มีการนำเรื่องการพัฒนาเป็นตัวตั้งการสู้รบเป็นเรื่องรอง และพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ขณะเดียวกันจะเสริมสร้างให้กองกำลังความมั่นคงเข้าถึงประชาชน ให้มีความเข้าใจร่วมกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการเข้าใจเข้าถึงพัฒนา ซึ่งเป็นปรัชญาในการเสริมสร้างสันติสุข และสันติภาพ ความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภาคใต้
นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้ จริงจังในการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยการเสนอร่างกฎหมายตั้ง ศอบต. ให้เป็นองค์กรถาวร และจะนำเอากฎหมายอิสลามซึ่งเป็นกฎหมายครอบครัวของชาวมุสลิมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งมีคณะกรรมการระดับคณะรัฐมนตรีเพื่อภาคใต้โดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดดำเนินการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การนำคณะทูตเดินทางมาในพื้นที่ เพื่อจะได้เห็นสภาพความเป็นจริง เพื่อจะได้รายงานข้อเท็จจริงกลับไปยังประเทศของเขาได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหลังจากนี้ตนเองก็จะนำกลุ่มคณะทูตประเทศอิสลาม กลุ่มอเมริกาเหนือ กลุ่มแอฟริกา เข้ามาในพื้นที่ต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการองค์การการประชุมอิสลาม หรือ โอไอซี ในช่วงปลายเดือน พฤษภาคมนี้ ว่า ตนเองไม่สามารถไปร่วมในที่ประชุมได้ เนื่องจากติดการประชุมสำคัญ แต่ได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี นำทีมไปเข้าร่วม
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ได้บอกกล่าวกับประเทศอิสลามไปบ้างแล้ว โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปพบปะกับกลุ่มประเทศอิสลามมาเป็นระยะ และที่ผ่านมาเพิ่งจะเดินทางกลับจากประเทศบาห์เรน ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมกุฎราชกุมาร และได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงไปตลอดเวลา ซึ่งในการประชุมโอไอซี ก็คงจะมีความพร้อมในข้อมูลอย่างเต็มที่
นายกษิต กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อให้คณะทูตได้รับทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ไม่ใช่ฟังจากฝ่ายราชการฝ่ายเดียว และจะได้มีโอกาสรับฟังจากประชาชนรวมถึงภาคประชาสังคม หรือเอ็นจีโอด้วย เพื่อที่จะได้เห็นสภาพความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะโดยทั่วไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลที่ออกไปจากสื่อต่างประเทศ ค่อนข้างเป็นไปในทางลบ และมักจะลงข่าวการก่อการร้าย การฆ่ากัน ซึ่งไม่ได้รายงานอีกมุมมองหนึ่งว่า ในพื้นที่ได้มีการพัฒนา มีการเสริมสร้างความสมานฉันท์ และความเข้าใจระหว่างชนทุกเหล่า ทุกศาสนาในภูมิภาค ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ที่มีรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายชัดเจนว่า จะนำความยุติธรรมกลับมาสู่พื้นที่ภาคใต้ มีการนำเรื่องการพัฒนาเป็นตัวตั้งการสู้รบเป็นเรื่องรอง และพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ขณะเดียวกันจะเสริมสร้างให้กองกำลังความมั่นคงเข้าถึงประชาชน ให้มีความเข้าใจร่วมกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในการเข้าใจเข้าถึงพัฒนา ซึ่งเป็นปรัชญาในการเสริมสร้างสันติสุข และสันติภาพ ความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภาคใต้
นอกจากนี้รัฐบาลชุดนี้ จริงจังในการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยการเสนอร่างกฎหมายตั้ง ศอบต. ให้เป็นองค์กรถาวร และจะนำเอากฎหมายอิสลามซึ่งเป็นกฎหมายครอบครัวของชาวมุสลิมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งมีคณะกรรมการระดับคณะรัฐมนตรีเพื่อภาคใต้โดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดดำเนินการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การนำคณะทูตเดินทางมาในพื้นที่ เพื่อจะได้เห็นสภาพความเป็นจริง เพื่อจะได้รายงานข้อเท็จจริงกลับไปยังประเทศของเขาได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหลังจากนี้ตนเองก็จะนำกลุ่มคณะทูตประเทศอิสลาม กลุ่มอเมริกาเหนือ กลุ่มแอฟริกา เข้ามาในพื้นที่ต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการองค์การการประชุมอิสลาม หรือ โอไอซี ในช่วงปลายเดือน พฤษภาคมนี้ ว่า ตนเองไม่สามารถไปร่วมในที่ประชุมได้ เนื่องจากติดการประชุมสำคัญ แต่ได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี นำทีมไปเข้าร่วม
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ได้บอกกล่าวกับประเทศอิสลามไปบ้างแล้ว โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปพบปะกับกลุ่มประเทศอิสลามมาเป็นระยะ และที่ผ่านมาเพิ่งจะเดินทางกลับจากประเทศบาห์เรน ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมกุฎราชกุมาร และได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงไปตลอดเวลา ซึ่งในการประชุมโอไอซี ก็คงจะมีความพร้อมในข้อมูลอย่างเต็มที่