นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคโพล เผยผลการสำรวจแบบเรียลไทมส์ ในเดือนเมษายน พบว่าประชาชนมากกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 52.4 เงินขาดมือ ขณะที่ร้อยละ 40.6 มีรายรับเท่ากับรายจ่าย และมีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่มีรายรับมากกว่ารายจ่าย ที่สำคัญผู้ที่เงินไม่พอใจหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ ถึงร้อยละ 24 ขณะที่อีกร้อยละ 24 พึ่งกองทุนหมู่บ้านและสหกรณ์ ร้อยละ 17 กู้จากธนาคารพาณิชย์ ร้อยละ 14 พึ่งโรงรับจำนำ เป็นต้น
ผลการวิจัยครั้งนี้ เอแบคโพลล์เป็นห่วงเรื่องการกู้เงินนอกระบบ ที่ไม่มีหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจสอบอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาการคิดดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้เกิดการทวงหนี้โหด มีการทำร้ายร่างกาย ทำให้คดีอาชญากรรมสูงขึ้น
ผลการวิจัยครั้งนี้ เอแบคโพลล์เป็นห่วงเรื่องการกู้เงินนอกระบบ ที่ไม่มีหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจสอบอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาการคิดดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้เกิดการทวงหนี้โหด มีการทำร้ายร่างกาย ทำให้คดีอาชญากรรมสูงขึ้น