สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นในกรุงเทพมหานคร และทางรัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และได้ดำเนินการในการแก้ไขสถานการณ์มาตามลำดับนั้น เมื่อคืนกระผมได้กราบเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ขอได้โปรดระมัดระวัง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อาจจะมีการก่อวินาศกรรม เจ้าหน้าที่เองก็จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้ช่วยให้ความร่วมมือด้วย ถ้าใครรู้เบาะแสก็ให้แจ้งมาที่เจ้าหน้าที่ จะได้ดำเนินการได้
ผลปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ภายใต้กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้ตั้งชุดตรวจร่วม พลเรือน ตำรวจ ทหาร สกัดพื้นที่ต่างๆ ทำให้โอกาสของฝ่ายที่จะก่อความไม่สงบ มีโอกาสน้อยลง อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ให้เบาะแส ให้ข้อมูล ให้เราป้องกันเหตุร้ายที่สำคัญได้ คือมีความพยายามที่จะเผาธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ และอาคารของบริษัท ซีพี ที่สีลม ทางเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสและได้ดำเนินการเข้าไปตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหา ได้ผู้ต้องหา 3 คน 1 ใน 3 คนนั้นได้ให้การรับสารภาพ พร้อมด้วยของกลางอย่างที่ได้นำมาแถลงชี้แจง
ถือว่าโชคดีของบ้านเมืองที่ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อคืนนี้ ผมจะขอโอกาสนี้ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติการในการตรวจจับผู้ต้องหาในคราวนี้ได้แถลงในรายละเอียดต่อไป ผู้ต้องหาที่เราได้จับกุมมาก็นั่งอยู่ที่นี่พร้อมด้วยของกลาง
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดชุดปฏิบัติออกเป็นหลายๆ ชุด จากเบาะแสต่างๆ จะเห็นได้ว่าตำรวจได้พยายามทำงานเต็มที่ และในส่วนของเบาะแสตรงนี้เป็นเบาะแสที่เป็นความจริง และได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ไปดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง และตามที่ท่านรองนายกฯ ได้กล่าวมาแล้วว่า ทั้ง 3 คน คือผู้ต้องหา รับสารภาพ 1 ไม่รับสารภาพ 2 แต่จากหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า เป็นผู้กระทำความผิด จะทำการก่อวินาศกรรม
สำหรับรายละเอียดต่างๆ นั้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่าเป็นความผิดที่จริงๆ และไม่ได้มีการสร้างหลักฐาน เพื่อให้ความชัดเจนขอมอบให้โฆษกฯ เป็นผู้แถลงต่อ
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ
กราบเรียนเพิ่มเติม ตามที่ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียนพี่น้องประชาชนไป สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดกรณีนี้ เป็นกรณีจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนจ้างวานจะให้ไปปาระเบิดที่อาคารซีพี และธนาคารกรุงเทพ ที่สีลม เมื่อสายลับมาแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีการวางแผน ที่จะทำการสืบสวนและจับกุม
ในวันดังกล่าวได้มีการนัดหมายกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี เวลาประมาณ 20.40 น. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายลับไปถึง พบผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในรถยนต์กระบะแบบมีแค็บ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 2541 บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่อยู่ในรถ มีนายพรชัย หรืออ๊อด อักษรวิทย์ อายุ 52 ปี นายสุริยา หรืออู๊ด โพธิ์เงิน อายุ 54 ปี และนายสกันต์ หรือหยวก แสงเฟื่อง อายุ 55 ปี
ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 เราพบของกลางเป็นระเบิดเพลิงชนิดน้ำมันก๊าด บรรจุขวดน้ำหวานเฮลส์ บลูบอย ขวดละประมาณ 500 ซีซี จำนวน 6 ขวด ส่วนในกล่องที่เป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล เป็นระเบิดเพลิงชนิดน้ำมันก๊าด บรรจุขวดเครื่องดื่มชูกำลัง คละยี่ห้อ ขวดหนึ่งบรรจุประมาณ 150 ซีซี จำนวนทั้งหมดประมาณ 43 ขวด รวมระเบิดเพลิงทั้งหมด 49 ขวด นอกจากนั้น ในรถยังมีถังน้ำมันสีฟ้า ขนาด 20 ลิตร มีน้ำมันเหลืออยู่เล็กน้อย 1 ถัง
จากการตรวจค้นยังพบว่ามีการนำพาอาวุธปืนทั้งหมด 4 กระบอก เป็นอาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ยี่ห้อโคล์ต 1 กระบอก เป็นปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ยี่ห้อลูเกอร์ ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อวอลเตอร์ รุ่น พี-99 ขนาด 9 มม. 1 กระบอก และปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ยี่ห้อโคล์ต รุ่นดีเทคทีฟ ขนาด .38 อีก 1 กระบอก
ค้นพบเครื่องกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 45 นัด และเครื่องกระสุนปืนขนาด .32 อีกจำนวน 32 นัด รวมทั้งหมด 77 นัด มีอาวุธมีดพกสั้น มีดพับสั้น เครื่องมือช่าง นอกจากนั้น ยังยึดโทรศัพท์มือถืออีกทั้งหมด 6 เครื่อง
ในการตรวจจับกุม เราสามารถยึดธนบัตร ซึ่งสายลับได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการว่าจ้างให้ไปปาระเบิดในครั้งนี้ ในวงเงิน 5,000 บาท โดยมีการจ่ายให้กับสายลับไปแล้วล่วงหน้า 2,000 บาท ซึ่งวันนี้เราได้เงินของกลางที่อยู่กับสายลับ 2,000 บาท ซึ่งบอกว่าเมื่อทำแล้วจะจ่ายให้อีก 3,000 บาท และสามารถค้นพบเงินอีก 3,000 บาทได้
สำหรับข้อหาในการกระทำความผิด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันพยายามวางเพลิง มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งเป็นอย่างที่ท่านรองนายกฯ และ ผบ.ตร. ผู้ต้องหาบางท่านได้ให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป
ผลปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ภายใต้กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้ตั้งชุดตรวจร่วม พลเรือน ตำรวจ ทหาร สกัดพื้นที่ต่างๆ ทำให้โอกาสของฝ่ายที่จะก่อความไม่สงบ มีโอกาสน้อยลง อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ให้เบาะแส ให้ข้อมูล ให้เราป้องกันเหตุร้ายที่สำคัญได้ คือมีความพยายามที่จะเผาธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ และอาคารของบริษัท ซีพี ที่สีลม ทางเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสและได้ดำเนินการเข้าไปตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหา ได้ผู้ต้องหา 3 คน 1 ใน 3 คนนั้นได้ให้การรับสารภาพ พร้อมด้วยของกลางอย่างที่ได้นำมาแถลงชี้แจง
ถือว่าโชคดีของบ้านเมืองที่ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อคืนนี้ ผมจะขอโอกาสนี้ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติการในการตรวจจับผู้ต้องหาในคราวนี้ได้แถลงในรายละเอียดต่อไป ผู้ต้องหาที่เราได้จับกุมมาก็นั่งอยู่ที่นี่พร้อมด้วยของกลาง
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดชุดปฏิบัติออกเป็นหลายๆ ชุด จากเบาะแสต่างๆ จะเห็นได้ว่าตำรวจได้พยายามทำงานเต็มที่ และในส่วนของเบาะแสตรงนี้เป็นเบาะแสที่เป็นความจริง และได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ไปดำเนินการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง และตามที่ท่านรองนายกฯ ได้กล่าวมาแล้วว่า ทั้ง 3 คน คือผู้ต้องหา รับสารภาพ 1 ไม่รับสารภาพ 2 แต่จากหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า เป็นผู้กระทำความผิด จะทำการก่อวินาศกรรม
สำหรับรายละเอียดต่างๆ นั้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่าเป็นความผิดที่จริงๆ และไม่ได้มีการสร้างหลักฐาน เพื่อให้ความชัดเจนขอมอบให้โฆษกฯ เป็นผู้แถลงต่อ
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ
กราบเรียนเพิ่มเติม ตามที่ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียนพี่น้องประชาชนไป สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดกรณีนี้ เป็นกรณีจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนจ้างวานจะให้ไปปาระเบิดที่อาคารซีพี และธนาคารกรุงเทพ ที่สีลม เมื่อสายลับมาแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีการวางแผน ที่จะทำการสืบสวนและจับกุม
ในวันดังกล่าวได้มีการนัดหมายกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี เวลาประมาณ 20.40 น. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและสายลับไปถึง พบผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในรถยนต์กระบะแบบมีแค็บ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 2541 บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่อยู่ในรถ มีนายพรชัย หรืออ๊อด อักษรวิทย์ อายุ 52 ปี นายสุริยา หรืออู๊ด โพธิ์เงิน อายุ 54 ปี และนายสกันต์ หรือหยวก แสงเฟื่อง อายุ 55 ปี
ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 เราพบของกลางเป็นระเบิดเพลิงชนิดน้ำมันก๊าด บรรจุขวดน้ำหวานเฮลส์ บลูบอย ขวดละประมาณ 500 ซีซี จำนวน 6 ขวด ส่วนในกล่องที่เป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล เป็นระเบิดเพลิงชนิดน้ำมันก๊าด บรรจุขวดเครื่องดื่มชูกำลัง คละยี่ห้อ ขวดหนึ่งบรรจุประมาณ 150 ซีซี จำนวนทั้งหมดประมาณ 43 ขวด รวมระเบิดเพลิงทั้งหมด 49 ขวด นอกจากนั้น ในรถยังมีถังน้ำมันสีฟ้า ขนาด 20 ลิตร มีน้ำมันเหลืออยู่เล็กน้อย 1 ถัง
จากการตรวจค้นยังพบว่ามีการนำพาอาวุธปืนทั้งหมด 4 กระบอก เป็นอาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ยี่ห้อโคล์ต 1 กระบอก เป็นปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ยี่ห้อลูเกอร์ ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อวอลเตอร์ รุ่น พี-99 ขนาด 9 มม. 1 กระบอก และปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ยี่ห้อโคล์ต รุ่นดีเทคทีฟ ขนาด .38 อีก 1 กระบอก
ค้นพบเครื่องกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 45 นัด และเครื่องกระสุนปืนขนาด .32 อีกจำนวน 32 นัด รวมทั้งหมด 77 นัด มีอาวุธมีดพกสั้น มีดพับสั้น เครื่องมือช่าง นอกจากนั้น ยังยึดโทรศัพท์มือถืออีกทั้งหมด 6 เครื่อง
ในการตรวจจับกุม เราสามารถยึดธนบัตร ซึ่งสายลับได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการว่าจ้างให้ไปปาระเบิดในครั้งนี้ ในวงเงิน 5,000 บาท โดยมีการจ่ายให้กับสายลับไปแล้วล่วงหน้า 2,000 บาท ซึ่งวันนี้เราได้เงินของกลางที่อยู่กับสายลับ 2,000 บาท ซึ่งบอกว่าเมื่อทำแล้วจะจ่ายให้อีก 3,000 บาท และสามารถค้นพบเงินอีก 3,000 บาทได้
สำหรับข้อหาในการกระทำความผิด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันพยายามวางเพลิง มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งเป็นอย่างที่ท่านรองนายกฯ และ ผบ.ตร. ผู้ต้องหาบางท่านได้ให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ดำเนินการสอบสวนขยายผลต่อไป
