นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซิมิโก้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกมากระตุ้นตลาด แต่แวดล้อมไปด้วยปัจจัยลบ โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และ กลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีการเคลื่อนพลใหญ่ในวันนี้ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นต่างประเทศวานนี้ (7 เม.ย.) ก็ปรับตัวลดลง
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 186.29 จุด หรือ ร้อยละ 2.34 ปิดที่ 7,789.56 จุด เพราะนักลงทุนวิตกว่าผลประกอบการบริษัทต่างๆ ไตรมาสแรกของปีนี้จะอ่อนแอเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยด้วย สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีวันนี้ มีแนวรับ 420-430 จุด แนวต้านอยู่ที่ 450 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า นักลงทุนมีความกังวลการชุมนุมใหญ่ของ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงและนักลงทุนเลือกการลงทุนเพียงระยะสั้น เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้รับอิทธิพลจากหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงด้วย ทำให้ทิศทางหุ้นไทยไม่สดใส
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25-0.50 ซึ่งก็จะมีผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามมา โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้จะช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการ แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวมีผลต่อตลาดน้อย เนื่องจากปัจจัยลบทางการเมืองกดดันอย่างหนัก สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวหากดัชนีหุ้นไทยยืนเหนือ 440 จุดไม่ได้ ก็จะปรับลดลงมาที่ 420 จุด
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 186.29 จุด หรือ ร้อยละ 2.34 ปิดที่ 7,789.56 จุด เพราะนักลงทุนวิตกว่าผลประกอบการบริษัทต่างๆ ไตรมาสแรกของปีนี้จะอ่อนแอเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยด้วย สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีวันนี้ มีแนวรับ 420-430 จุด แนวต้านอยู่ที่ 450 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า นักลงทุนมีความกังวลการชุมนุมใหญ่ของ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงและนักลงทุนเลือกการลงทุนเพียงระยะสั้น เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้รับอิทธิพลจากหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงด้วย ทำให้ทิศทางหุ้นไทยไม่สดใส
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25-0.50 ซึ่งก็จะมีผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามมา โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้จะช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการ แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวมีผลต่อตลาดน้อย เนื่องจากปัจจัยลบทางการเมืองกดดันอย่างหนัก สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวหากดัชนีหุ้นไทยยืนเหนือ 440 จุดไม่ได้ ก็จะปรับลดลงมาที่ 420 จุด