จีนยังคงครองตำแหน่งเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 739,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 26.62 ล้านล้านบาท) เมื่อถึงสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา
กระทรวงคลังสหรัฐฯ เผยแพร่ตัวเลขรายเดือนดังกล่าวหลังจากนายกรัฐมนตรีเวิน เจีย เป่า ยอมรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เป็นห่วงความปลอดภัยของทรัพย์สินจีนที่ลงทุนมหาศาลในพันธบัตรของสหรัฐฯ จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ด้านประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ ให้หลักประกันว่า นักลงทุนทุกรายสามารถวางใจการลงทุนในสหรัฐได้อย่างเต็มเปี่ยม
เดือนมกราคมที่ผ่านมาจีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 727,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 26.18 ล้านล้านบาท) เมื่อสิ้นเดือนธันวาคม และ 492,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17.73 ล้านล้านบาท) เมื่อสิ้นเดือนมกราคมปีก่อน ส่วนญี่ปุ่นยังเป็นเจ้าหนี้อันดับสองของสหรัฐฯ ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 634,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 22.85 ล้านล้านบาท) เมื่อถึงสิ้นเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจาก 626,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 22.53 ล้านล้านบาท) รัฐบาลจีนนิยมลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหาแหล่งปลอดภัยให้แก่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีมากเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 72 ล้านล้านบาท)
กระทรวงคลังสหรัฐฯ เผยแพร่ตัวเลขรายเดือนดังกล่าวหลังจากนายกรัฐมนตรีเวิน เจีย เป่า ยอมรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เป็นห่วงความปลอดภัยของทรัพย์สินจีนที่ลงทุนมหาศาลในพันธบัตรของสหรัฐฯ จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ด้านประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ ให้หลักประกันว่า นักลงทุนทุกรายสามารถวางใจการลงทุนในสหรัฐได้อย่างเต็มเปี่ยม
เดือนมกราคมที่ผ่านมาจีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 727,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 26.18 ล้านล้านบาท) เมื่อสิ้นเดือนธันวาคม และ 492,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17.73 ล้านล้านบาท) เมื่อสิ้นเดือนมกราคมปีก่อน ส่วนญี่ปุ่นยังเป็นเจ้าหนี้อันดับสองของสหรัฐฯ ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 634,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 22.85 ล้านล้านบาท) เมื่อถึงสิ้นเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจาก 626,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 22.53 ล้านล้านบาท) รัฐบาลจีนนิยมลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหาแหล่งปลอดภัยให้แก่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีมากเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 72 ล้านล้านบาท)