นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แถลงการตรวจสอบ การลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ประสบภาวะขาดทุนในปี 2551 ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลที่ กบข.เปิดเผยต่อสาธารณะ พบว่า มีการลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินและบริษัทภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง จึงทำให้ประสบภาวะขาดทุน หากพิจารณาตามหลักการสำคัญของ พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 มาตรา 70 กำหนดให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประกอบวิชาชีพการบริหารจัดการความเสี่ยงหรือตัดสินใจลงทุน ในฐานผู้มีวิชาชีพเฉพาะ ที่ดูแลหรือบริหารจัดการเงินของสมาชิกที่เป็นข้าราชการ ประมาณ 1.17 ล้านคน พบว่า กบข.ได้เลือกลงทุนเพิ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ ที่มีความเสี่ยงจากวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจโลก ขณะที่มูลค่าหุ้นลดลง
เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ป.ป.ท.ได้รับร้องเรียนจากข้าราชการจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ซึ่งต้องขาดทุนผลประโยชน์สะสมโดยที่ไม่มีโอกาสรับรู้ล่วงหน้า และไม่มีโอกาสให้การบริหารของ กบข.แก้ไขได้ ดังนั้น ป.ป.ท.เห็นควรที่จะมีการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยจะเชิญหน่วยงาน 7 แห่ง ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) วิทยาลัยตลาดทุน ป.ป.ท. นักวิชาการ และ กบข.ตั้งเป็นกรรมการในการตรวจสอบร่วมกัน และวันนี้เวลา 15.00 น.จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.เฉลิมชนม์ อุณหเสรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานการข่าว และเจ้าหน้าที่จากกลุ่มงานปราบปรามด้านเศรษฐกิจของ ป.ป.ท.นำหนังสือแจ้งขอดำเนินการตรวจสอบไปมอบยัง กบข.เพื่อพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจาก กบข.เพื่อให้ความจริงกระจ่าง และข้าราชการจำนวนมากจะได้คลายความสงสัยกังวลใจ ว่าการลงทุนที่ประสบภาวะขาดทุนเป็นไปด้วยความโปร่งใส
นายธาริต กล่าวว่า ข้าราชการไม่ใช่นักลงทุนแต่เป็นผู้ที่นำเงินสะสมสมทบส่งให้ กบข.บริหาร โดยมอบความไว้วางใจให้ กบข.โดยข้าราชการทั้งหมดไม่เคยรับรู้สถานการณ์ว่ากองทุนฯ จะบริหารขาดทุน และไม่มีสิทธิที่จะถอนตัวออกจากกองทุนฯ ดังนั้น จึงมีความกังวลใจและต้องการให้ตรวจสอบ ซึ่งบางรายแจ้งกับ ป.ป.ท.ว่าเตรียมไปร้องต่อศาลปกครองและเคลื่อนไหวทางอื่น เพื่อตรวจสอบ กบข. ป.ป.ท.จึงต้องการความร่วมมือจาก กบข.ที่จะให้ตรวจสอบร่วมกัน แต่หาก กบข.ไม่ยินดี ก็จะนำเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อมีหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการตรวจสอบต่อไป
เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ป.ป.ท.ได้รับร้องเรียนจากข้าราชการจำนวนมาก โดยเฉพาะข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ซึ่งต้องขาดทุนผลประโยชน์สะสมโดยที่ไม่มีโอกาสรับรู้ล่วงหน้า และไม่มีโอกาสให้การบริหารของ กบข.แก้ไขได้ ดังนั้น ป.ป.ท.เห็นควรที่จะมีการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยจะเชิญหน่วยงาน 7 แห่ง ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) วิทยาลัยตลาดทุน ป.ป.ท. นักวิชาการ และ กบข.ตั้งเป็นกรรมการในการตรวจสอบร่วมกัน และวันนี้เวลา 15.00 น.จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.เฉลิมชนม์ อุณหเสรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานการข่าว และเจ้าหน้าที่จากกลุ่มงานปราบปรามด้านเศรษฐกิจของ ป.ป.ท.นำหนังสือแจ้งขอดำเนินการตรวจสอบไปมอบยัง กบข.เพื่อพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจาก กบข.เพื่อให้ความจริงกระจ่าง และข้าราชการจำนวนมากจะได้คลายความสงสัยกังวลใจ ว่าการลงทุนที่ประสบภาวะขาดทุนเป็นไปด้วยความโปร่งใส
นายธาริต กล่าวว่า ข้าราชการไม่ใช่นักลงทุนแต่เป็นผู้ที่นำเงินสะสมสมทบส่งให้ กบข.บริหาร โดยมอบความไว้วางใจให้ กบข.โดยข้าราชการทั้งหมดไม่เคยรับรู้สถานการณ์ว่ากองทุนฯ จะบริหารขาดทุน และไม่มีสิทธิที่จะถอนตัวออกจากกองทุนฯ ดังนั้น จึงมีความกังวลใจและต้องการให้ตรวจสอบ ซึ่งบางรายแจ้งกับ ป.ป.ท.ว่าเตรียมไปร้องต่อศาลปกครองและเคลื่อนไหวทางอื่น เพื่อตรวจสอบ กบข. ป.ป.ท.จึงต้องการความร่วมมือจาก กบข.ที่จะให้ตรวจสอบร่วมกัน แต่หาก กบข.ไม่ยินดี ก็จะนำเสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อมีหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการตรวจสอบต่อไป