ตามที่ได้เกิดไฟไหม้สวนป่าเมตตาธรรม ที่บ้านห้วยงู ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ในความดูแลของมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ซึ่งมีพระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ เป็นประธานมูลนิธิ ภายหลังมีการออกอากาศรายการ “ตรวจสอบความจริง” ทางช่อง 9 หลังข่าวภาคค่ำ ซึ่งเสนอข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ รวมถึงมีการข่มขู่โดยการเผาซ้ำอีกระลอกนั้น
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัวในพื้นที่ โดยวิธีการข่มขู่คุกคามซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีต ทั้งการยิงปืนหลายนัดในเวลากลางคืน เพลิงไหม้บ้านพักคนงาน และคนงานจมน้ำตายอย่างมีเงื่อนงำ หลังจากที่พระสุพจน์เสียชีวิตแล้ว ดังนั้น การเผาสวนป่านี้น่าจะเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ โดยตรงหรือเป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเดียวกัน ซึ่งคดียังไม่มีความคืบหน้าแม้จะอยู่ในการดูแลคดีของ DSI เพราะคาดว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีผลประโยชน์เป็นตัวเชื่อมความรุนแรงคือผืนป่าและที่ดินหลายร้อยไร่ที่ผู้มีอิทธิพล นายทุนและนักการเมืองท้องถิ่นต้องการจากสวนป่าเมตตาธรรม
ภายหลังเหตุการณ์สังหารพระสุพจน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการตั้งข้อหานางคำที่เป็นพยานคนหนึ่งหลังนำไปสอบปากคำโดยอ้างว่ามีข้อหาเก่าคือวางเพลิงเผาบ้านตนเอง และปัจจุบันติดคุกอยู่ที่ สน.ฝาง ซึ่งหลายฝ่ายสงสัยว่าจะเป็นการจับเป็นตัวประกันไว้เพื่อต่อรองรูปคดีอะไรหรือไม่ เพราะนางคำพูดไทยไม่ชัด ซึ่งเป็นเรื่องของ DSI ต้องไปตามดู
เป็นเรื่องรีบด่วนที่รัฐบาลจะต้องจัดทำบัญชีขาว(White List) นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน นอกจากบัญชีดำผู้มีอิทธิพล เพื่อแก้ไขและปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในระยะยาว ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยการปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ครส. ยังเรียกร้องให้นักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเจ้าหน้าตำรวจ ข้าราชการ และภาคประชาชน อ.ฝาง ออกมาร่วมคลี่คลายแก้ไขเรื่องนี้ เพื่อขจัดคนไม่ดีออกไปให้คนดีให้ได้รับความยุติธรรม เพราะเท่าที่ทราบ ผลประโยชน์ในพื้นที่ฝางมหาศาล นอกจากมีสวนส้มมหาศาลยังเป็นพื้นที่ติดชายแดนพม่าที่มีการค้าใต้ดิน ยาเสพติดและการค้าแรงงาน
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัวในพื้นที่ โดยวิธีการข่มขู่คุกคามซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีต ทั้งการยิงปืนหลายนัดในเวลากลางคืน เพลิงไหม้บ้านพักคนงาน และคนงานจมน้ำตายอย่างมีเงื่อนงำ หลังจากที่พระสุพจน์เสียชีวิตแล้ว ดังนั้น การเผาสวนป่านี้น่าจะเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ โดยตรงหรือเป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเดียวกัน ซึ่งคดียังไม่มีความคืบหน้าแม้จะอยู่ในการดูแลคดีของ DSI เพราะคาดว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีผลประโยชน์เป็นตัวเชื่อมความรุนแรงคือผืนป่าและที่ดินหลายร้อยไร่ที่ผู้มีอิทธิพล นายทุนและนักการเมืองท้องถิ่นต้องการจากสวนป่าเมตตาธรรม
ภายหลังเหตุการณ์สังหารพระสุพจน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการตั้งข้อหานางคำที่เป็นพยานคนหนึ่งหลังนำไปสอบปากคำโดยอ้างว่ามีข้อหาเก่าคือวางเพลิงเผาบ้านตนเอง และปัจจุบันติดคุกอยู่ที่ สน.ฝาง ซึ่งหลายฝ่ายสงสัยว่าจะเป็นการจับเป็นตัวประกันไว้เพื่อต่อรองรูปคดีอะไรหรือไม่ เพราะนางคำพูดไทยไม่ชัด ซึ่งเป็นเรื่องของ DSI ต้องไปตามดู
เป็นเรื่องรีบด่วนที่รัฐบาลจะต้องจัดทำบัญชีขาว(White List) นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน นอกจากบัญชีดำผู้มีอิทธิพล เพื่อแก้ไขและปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในระยะยาว ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยการปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ครส. ยังเรียกร้องให้นักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเจ้าหน้าตำรวจ ข้าราชการ และภาคประชาชน อ.ฝาง ออกมาร่วมคลี่คลายแก้ไขเรื่องนี้ เพื่อขจัดคนไม่ดีออกไปให้คนดีให้ได้รับความยุติธรรม เพราะเท่าที่ทราบ ผลประโยชน์ในพื้นที่ฝางมหาศาล นอกจากมีสวนส้มมหาศาลยังเป็นพื้นที่ติดชายแดนพม่าที่มีการค้าใต้ดิน ยาเสพติดและการค้าแรงงาน
