นายกิตติ สมานไทย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ หรือ สท.กล่าวถึงการจ่ายเบี้ยยังชีพจำนวนเดือนละ 500 บาท แก่ผู้สูงอายุว่า ผู้ที่มีอายุครบ 60 ปี สัญชาติไทยจะมีสิทธิรับเบี้ยยังชีพนี้ทุกคน แม้ว่าบุคคลนั้นจะมีฐานะดีก็ตาม ซึ่งก็รวมถึงพระและแม่ชีด้วย แต่ว่ากลุ่มที่ไม่มีสิทธิจะได้รับเบี้ยยังชีพนี้ก็คือ ข้าราชการบำนาญ นักการเมืองทุกระดับ เช่น อบต. อบจ. ส.ส. และ ส.ว.รวมทั้งผู้ได้รับเบี้ยยังชีพอยู่ก่อนแล้ว และก็เป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ ที่รัฐให้เป็นประจำ เช่น ผู้ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์คนชรา เป็นต้น
สำหรับการขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้ที่มีสิทธิจะต้องไปยื่นหลักฐานได้แก่ บัตรประชาชน หรือว่าเป็นบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ และก็ต้องไปยื่นเอกสารทั้งหมดตามที่อยู่ในบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งหากมีชื่ออยู่ทะเบียนบ้านในกรุงเทพมหานคร ก็ให้ติดต่อที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่
ส่วนที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถติดต่อกันได้ที่ อบต.โดยครั้งนี้รัฐบาลจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 15 มีนาคมนี้ และคาดว่าเงินจะถึงมือประชาชนได้ประมาณเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป โดยวิธีรับเงินจะมีอยู่ 2 แบก็คือรับผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งผู้สูงอายุต้องนำสำเนาสมุดบัญชีธนาคารแนบไปพร้อมกับการขึ้นทะเบียน หรือว่ารับเป็นเงินสดผ่านทาง อบต.ส่วนในกรุงเทพฯ ก็สามารถรับได้ที่สำนักงานเขตทุกเขต
สำหรับการขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้ที่มีสิทธิจะต้องไปยื่นหลักฐานได้แก่ บัตรประชาชน หรือว่าเป็นบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ และก็ต้องไปยื่นเอกสารทั้งหมดตามที่อยู่ในบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งหากมีชื่ออยู่ทะเบียนบ้านในกรุงเทพมหานคร ก็ให้ติดต่อที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่
ส่วนที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถติดต่อกันได้ที่ อบต.โดยครั้งนี้รัฐบาลจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 15 มีนาคมนี้ และคาดว่าเงินจะถึงมือประชาชนได้ประมาณเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป โดยวิธีรับเงินจะมีอยู่ 2 แบก็คือรับผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งผู้สูงอายุต้องนำสำเนาสมุดบัญชีธนาคารแนบไปพร้อมกับการขึ้นทะเบียน หรือว่ารับเป็นเงินสดผ่านทาง อบต.ส่วนในกรุงเทพฯ ก็สามารถรับได้ที่สำนักงานเขตทุกเขต