ตำรวจแดนอาทิตย์อุทัยเข้าจับกุมนักธุรกิจญี่ปุ่นวัย 75 ปีเมื่อวานนี้ (5) ด้วยข้อหาฉ้อโกงเงินอย่างน้อย 1,400 ล้านดอลลาร์ จากลูกค้านับพันรายที่หวังรวยลัดด้วยการลงทุนในธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 36 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่แล้วกลับกลายเป็นกิจการแชร์ลูกโซ่ที่เอาเงินลูกค้ารายใหม่ไปจ่ายให้ลูกค้ารายเก่า
ผู้ถูกจับกมตัวคือ คะซึสึกิ นามิ วัย 75 ปี เป็นประธานกรรมการบริษัทแอลแอนด์จี เค.เค. ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์สินค้ากลุ่มเครื่องนอน และได้ขยายกิจการไปสู่ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับซื้อสินค้าสารพัดชนิดของบริษัท รวมทั้งดึงลูกค้าเข้าร่วมงานแฟร์จำหน่ายสินค้าเพื่อส่งเสริมการขายด้วย
นามิกล่าวเย้ยผู้สื่อข่าวก่อนหน้าถูกจับกุมตัวว่า "ช่วยถ่ายรูปของ 'คนโกงชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์' ให้ที แล้วเวลาจะพิสูจน์เองว่าผมเป็นคนโกงหรือเป็นคนลวงโลกจริงหรือเปล่า"
สำนักข่าวจิจิและสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีนี้ว่า นามิได้โกงนักลงทุนราว 37,000 คน เป็นเงินรวม 126,000 ล้านเยน (1,400 ล้านดอลลาร์) แต่มีสื่อบางรายระบุว่าตัวเลขอาจสูงถึงราว 226,000 ล้านเยน
บริษัทของนามิ จัดทำระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง ซึ่งอยู่ได้โดยอาศัยการสั่งซื้อสินค้าของกลุ่มลูกค้าทั้งในระบบออนไลน์ และซื้อในงานบาซาร์ โดยที่สินค้าก็มีทั้งอาหาร เครื่องประดับ และเสื้อผ้า
นามิยังได้ตั้งชื่อเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทว่า "เอนเทน" โดยเป็นคำที่เกิดจากการรวมคำว่าเงินสกุลเยนเข้ากับคำว่าสวรรค์ในภาษาญี่ปุ่น
ทั้งนี้ พวกลูกค้าที่นำเงินสดมาลงทุนกับบริษัทจะได้รับเงิน "เอนเทน" เป็นมูลค่าเท่ากับเงินลงทุนทุกๆ ปี เพื่อนำไปจับจ่ายซื้อข้าวของของบริษัท วิธีการดังกล่าวทำให้พวกลูกค้ารู้สึกว่าเงินลงทุนไม่ได้หายไปไหน แม้ว่าตนจะซื้อของด้วยเงิน "เอนเทน" ไปแล้วก็ตาม
ผู้ถูกจับกมตัวคือ คะซึสึกิ นามิ วัย 75 ปี เป็นประธานกรรมการบริษัทแอลแอนด์จี เค.เค. ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์สินค้ากลุ่มเครื่องนอน และได้ขยายกิจการไปสู่ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับซื้อสินค้าสารพัดชนิดของบริษัท รวมทั้งดึงลูกค้าเข้าร่วมงานแฟร์จำหน่ายสินค้าเพื่อส่งเสริมการขายด้วย
นามิกล่าวเย้ยผู้สื่อข่าวก่อนหน้าถูกจับกุมตัวว่า "ช่วยถ่ายรูปของ 'คนโกงชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์' ให้ที แล้วเวลาจะพิสูจน์เองว่าผมเป็นคนโกงหรือเป็นคนลวงโลกจริงหรือเปล่า"
สำนักข่าวจิจิและสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีนี้ว่า นามิได้โกงนักลงทุนราว 37,000 คน เป็นเงินรวม 126,000 ล้านเยน (1,400 ล้านดอลลาร์) แต่มีสื่อบางรายระบุว่าตัวเลขอาจสูงถึงราว 226,000 ล้านเยน
บริษัทของนามิ จัดทำระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง ซึ่งอยู่ได้โดยอาศัยการสั่งซื้อสินค้าของกลุ่มลูกค้าทั้งในระบบออนไลน์ และซื้อในงานบาซาร์ โดยที่สินค้าก็มีทั้งอาหาร เครื่องประดับ และเสื้อผ้า
นามิยังได้ตั้งชื่อเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทว่า "เอนเทน" โดยเป็นคำที่เกิดจากการรวมคำว่าเงินสกุลเยนเข้ากับคำว่าสวรรค์ในภาษาญี่ปุ่น
ทั้งนี้ พวกลูกค้าที่นำเงินสดมาลงทุนกับบริษัทจะได้รับเงิน "เอนเทน" เป็นมูลค่าเท่ากับเงินลงทุนทุกๆ ปี เพื่อนำไปจับจ่ายซื้อข้าวของของบริษัท วิธีการดังกล่าวทำให้พวกลูกค้ารู้สึกว่าเงินลงทุนไม่ได้หายไปไหน แม้ว่าตนจะซื้อของด้วยเงิน "เอนเทน" ไปแล้วก็ตาม