นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. วันนี้ มีมติไม่รับเรื่องร้องเรียนของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กรณี 3 รัฐมนตรี ลงมติผ่านงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. แต่เป็นเรื่องของการถอดถอนที่ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ หมวด 12 ว่าด้วยการรวบรวมชื่อ ส.ส. จำนวน 1 ใน 4 หรือ ประชาชน 20,000 คน เข้าชื่อกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติรับทราบผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และภริยา นำเงินสงเคราะห์แจกจ่ายกับประชาชนพร้อมแนบนามบัตรของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงกับที่ประชุมว่า สมควรตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นไต่สวน โดยที่ประชุม ป.ป.ช.จะนำความเห็นมาเข้าสู่วาระการประชุมในวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ ต่อไป
โฆษกและกรรมการ ป.ป.ช.ยังแถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้พิจารณากรณีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่ง ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอำนาจหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าตำแหน่งรัฐมนตรี จึงมีมติกำหนดให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 40
นอกจากนี้ ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังมีมติให้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย รัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำนวน 36 ราย รัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 22 ราย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2551 จำนวน 7 ราย และ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะเปิดเผยระหว่างวันที่ 12 - 26 กุมภาพันธ์นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติรับทราบผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และภริยา นำเงินสงเคราะห์แจกจ่ายกับประชาชนพร้อมแนบนามบัตรของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงกับที่ประชุมว่า สมควรตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นไต่สวน โดยที่ประชุม ป.ป.ช.จะนำความเห็นมาเข้าสู่วาระการประชุมในวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ ต่อไป
โฆษกและกรรมการ ป.ป.ช.ยังแถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้พิจารณากรณีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ช่วยรัฐมนตรี ซึ่ง ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอำนาจหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าตำแหน่งรัฐมนตรี จึงมีมติกำหนดให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 40
นอกจากนี้ ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังมีมติให้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย รัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำนวน 36 ราย รัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 22 ราย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2551 จำนวน 7 ราย และ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยจะเปิดเผยระหว่างวันที่ 12 - 26 กุมภาพันธ์นี้