นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของ นายวิฑูรย์ นามบุตร เป็นการแสดงสปิริตทางการเมือง ตามมาตรการกฎ 9 ข้อของนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้ เนื่องจากเรื่องของนายบุญจง ได้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)พิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว ดังนั้นจำเป็นต้องอยู่ต่อสู้ตามกระบวนการต่อไป
ส่วนจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง ทำให้ฝ่ายค้านโจมตีและอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชัยเห็นว่า ข้อมูลของฝ่ายค้านน่าจะเป็นเรื่องเดิม ตั้งแต่เลือกตั้งปี 2551 พร้อมระบุพรรคเพื่อไทยสามารถตรวจสอบรัฐบาลได้เสมอ เพื่อทำให้รัฐบาลระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
นายชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรี 3 คน ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ว่า ไม่น่าจะมีความผิด เพราะในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีลงมติเช่นกัน ซึ่งกรณีนี้เป็นงบประมาณที่ใช้บริหารงานทั้งประเทศ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นอกจากนี้ นายชัย ยังกล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ที่ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องนี้ว่า อาจเป็นเพราะมีเวลาว่างมาก ดังนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเร่งออกกฎหมาย เพื่อให้วุฒิสภามีเวลาทำงานที่เป็นประโยชน์
ส่วนจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง ทำให้ฝ่ายค้านโจมตีและอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชัยเห็นว่า ข้อมูลของฝ่ายค้านน่าจะเป็นเรื่องเดิม ตั้งแต่เลือกตั้งปี 2551 พร้อมระบุพรรคเพื่อไทยสามารถตรวจสอบรัฐบาลได้เสมอ เพื่อทำให้รัฐบาลระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
นายชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรี 3 คน ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ว่า ไม่น่าจะมีความผิด เพราะในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีลงมติเช่นกัน ซึ่งกรณีนี้เป็นงบประมาณที่ใช้บริหารงานทั้งประเทศ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นอกจากนี้ นายชัย ยังกล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ที่ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องนี้ว่า อาจเป็นเพราะมีเวลาว่างมาก ดังนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเร่งออกกฎหมาย เพื่อให้วุฒิสภามีเวลาทำงานที่เป็นประโยชน์