ในช่วงเวลา 100 วันแรกของประธานาธิบดีบารัค โอบามาหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันนี้(20) ดูเหมือนไม่มีอะไรที่จะเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนเหนือไปกว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติ
ผู้นำสหรัฐคนใหม่ทราบดีว่า งานสำคัญอันดับแรกของเขาคืออะไร จึงไม่แปลกที่เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงก่อนเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พบปะหารือกับสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ 825,000 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการขออำนาจในการจัดสรรกองทุนฟื้นฟูช่วยชีวิตภาคการเงินที่เหลืออยู่อีก 350,000 ล้านดอลลาร์
โอบามามีแผนจะร่วมมือกับรัฐสภาที่ฝ่ายเดโมแครทครองเสียงข้างมาก อัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในในปริมาณสูงกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะนำไปใช้ในโครงการลงทุนสร้างระบบสาธารณูปโภคของรัฐ เช่น ถนนหนทาง โรงเรียน และการวิจัยพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมทั้งจะอยู่ในรูปมาตรการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ทีมงานเศรษฐกิจของโอบามาก็ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้วุฒิสภามีมติอนุมัติให้รัฐบาลดำเนินการจัดสรรงบประมาณตามแผนการฟื้นฟูช่วยชีวิตภาคการเงินที่เหลืออยู่ 350,000 ล้านดอลลาร์ต่อไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเสนอโครงการใหม่
ในระยะยาว ประธานาธิบดีโอบามาได้ประกาศให้คำมั่นด้วยว่า จะมีการปรับโครงสร้างระบบการเงินอย่างขนานใหญ่ เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมตลาดวอลสตรีท ซึ่งถูกมองว่าเป็นชนวนปัญหาที่นำมาสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งนี้ เนื่องจากความล้มเหลวของระบบการตรวจสอบและควบคุมหละหลวมเกินไป
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเชื่อกันว่า การปรับโครงสร้างระบบการเงินของสหรัฐนั้นประธานาธิบดีโอบามาคงจะไม่ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนเท่ากับการเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
ผู้นำสหรัฐคนใหม่ทราบดีว่า งานสำคัญอันดับแรกของเขาคืออะไร จึงไม่แปลกที่เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงก่อนเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พบปะหารือกับสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ 825,000 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการขออำนาจในการจัดสรรกองทุนฟื้นฟูช่วยชีวิตภาคการเงินที่เหลืออยู่อีก 350,000 ล้านดอลลาร์
โอบามามีแผนจะร่วมมือกับรัฐสภาที่ฝ่ายเดโมแครทครองเสียงข้างมาก อัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในในปริมาณสูงกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่างบประมาณดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะนำไปใช้ในโครงการลงทุนสร้างระบบสาธารณูปโภคของรัฐ เช่น ถนนหนทาง โรงเรียน และการวิจัยพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมทั้งจะอยู่ในรูปมาตรการปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ทีมงานเศรษฐกิจของโอบามาก็ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้วุฒิสภามีมติอนุมัติให้รัฐบาลดำเนินการจัดสรรงบประมาณตามแผนการฟื้นฟูช่วยชีวิตภาคการเงินที่เหลืออยู่ 350,000 ล้านดอลลาร์ต่อไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเสนอโครงการใหม่
ในระยะยาว ประธานาธิบดีโอบามาได้ประกาศให้คำมั่นด้วยว่า จะมีการปรับโครงสร้างระบบการเงินอย่างขนานใหญ่ เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมตลาดวอลสตรีท ซึ่งถูกมองว่าเป็นชนวนปัญหาที่นำมาสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งนี้ เนื่องจากความล้มเหลวของระบบการตรวจสอบและควบคุมหละหลวมเกินไป
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเชื่อกันว่า การปรับโครงสร้างระบบการเงินของสหรัฐนั้นประธานาธิบดีโอบามาคงจะไม่ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนเท่ากับการเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว