บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะเร่งแก้ปัญหาสันติภาพในตะวันออกกลางและจะใช้มาตรการทางการทูตต่อกรณีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่วนการปิดค่ายกักกันนักโทษการเมืองในอ่าวกวนตานาโมนั้นเป็นเรื่อง "ท้าทาย" หากจะต้องทำให้สำเร็จได้ภายในระยะเวลา 100 วันแรกตามที่ให้สัญญาไว้ตอนหาเสียง แต่รัฐบาลของเขาก็จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและ "ไม่ทรมาน" นักโทษ
โอบามาให้สัมภาษณ์รายการ "ดีส วีค" ของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์เอบีซี ซึ่งนำออกอากาศในวันอาทิตย์ (11) โดยพยายามปกป้องอธิบายเหตุผลที่เขามีท่าทีรีรอไม่ค่อยอยากพูดถึงกรณีอิสราเอลรุกรานฉนวนกาซาของชาวปาเลสไตน์ ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้
ทั้งนี้โอบามาบอกว่า เขากำลังจัดทีมงานด้านการทูตเพื่อที่ว่า "ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน เราก็จะมีตัวบุคคลที่ดีที่สุดที่จะมาดูแลกระบวนการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางได้ทันที ... โดยทีมงานดังกล่าวจะรวมเอาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายซึ่งทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์จะพอใจ" ทว่าในระหว่างนี้เขาจะต้องปล่อยให้รัฐบาลของประธานาธิบดีบุชดูแลเรื่องนโยบายต่างประเทศไปก่อน และเขายังชี้ให้เห็นว่ามีความต่อเนื่องบางประการเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพอยู่ด้วย
"ผมคิดว่าถ้าไม่ได้มองแค่รัฐบาลประธานาธิบดีบุช แต่มองกลับไปดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงของรัฐบาลประธานาธิบดี (บิลล์) คลินตัน คุณก็จะเห็นโครงร่างกว้างๆ ของแนวทางอยู่แล้ว"
ส่วนเสียงวิจารณ์จากชาวอาหรับที่ว่าเขาออกจะนิ่งเฉยต่อสงครามที่มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วร่วม 900 คน โอบามาตอบว่า "เวลาที่คุณเห็นพลเรือนไม่ว่าจะเป็นชาวปาเลสไตน์หรืออิสราเอลก็ตาม ถูกทำร้าย หรือตกอยู่ในสภาพทุกข์ยากเช่นนั้น มันทำร้ายจิตใจอย่างมาก และนั่นก็ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นชัดเจนยิ่งขึ้นที่จะทำลายประตูที่ปิดตายมานานนับทศวรรษแล้วลงให้ได้"
โอบามาให้สัมภาษณ์รายการ "ดีส วีค" ของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์เอบีซี ซึ่งนำออกอากาศในวันอาทิตย์ (11) โดยพยายามปกป้องอธิบายเหตุผลที่เขามีท่าทีรีรอไม่ค่อยอยากพูดถึงกรณีอิสราเอลรุกรานฉนวนกาซาของชาวปาเลสไตน์ ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้
ทั้งนี้โอบามาบอกว่า เขากำลังจัดทีมงานด้านการทูตเพื่อที่ว่า "ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน เราก็จะมีตัวบุคคลที่ดีที่สุดที่จะมาดูแลกระบวนการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางได้ทันที ... โดยทีมงานดังกล่าวจะรวมเอาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายซึ่งทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์จะพอใจ" ทว่าในระหว่างนี้เขาจะต้องปล่อยให้รัฐบาลของประธานาธิบดีบุชดูแลเรื่องนโยบายต่างประเทศไปก่อน และเขายังชี้ให้เห็นว่ามีความต่อเนื่องบางประการเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพอยู่ด้วย
"ผมคิดว่าถ้าไม่ได้มองแค่รัฐบาลประธานาธิบดีบุช แต่มองกลับไปดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงของรัฐบาลประธานาธิบดี (บิลล์) คลินตัน คุณก็จะเห็นโครงร่างกว้างๆ ของแนวทางอยู่แล้ว"
ส่วนเสียงวิจารณ์จากชาวอาหรับที่ว่าเขาออกจะนิ่งเฉยต่อสงครามที่มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วร่วม 900 คน โอบามาตอบว่า "เวลาที่คุณเห็นพลเรือนไม่ว่าจะเป็นชาวปาเลสไตน์หรืออิสราเอลก็ตาม ถูกทำร้าย หรือตกอยู่ในสภาพทุกข์ยากเช่นนั้น มันทำร้ายจิตใจอย่างมาก และนั่นก็ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นชัดเจนยิ่งขึ้นที่จะทำลายประตูที่ปิดตายมานานนับทศวรรษแล้วลงให้ได้"