นายมานิตย์ นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขวิกฤตการขาดแคลนพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐบาล ว่า จะเจรจากับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ขอให้บรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการอีก 12,500 คน เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น นอกจากนั้น จะดูแลในเรื่องค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงสวัสดิการเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ปฏิบัติงานด้วย
จากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีจะมีพยาบาลที่จบใหม่ 2,500 คน ซึ่งในจำนวนนี้ กว่าครึ่งไม่ทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ เพราะไม่ได้รับการบรรจุ จึงต้องเลือกทำงานโรงพยาบาลเอกชนที่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า ทำให้พยาบาลที่ยังคงอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐกว่าร้อยละ 80 มีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป บางแห่งสูงถึง 50 ปี และต้องอยู่เวรทั้งในช่วงกลางคืน และวันหยุดราชการ แต่ละคนแบกรับภาระดูแลผู้ป่วย 30-40 คน ทำให้เกิดภาวะเครียด อ่อนล้า และลาออกในที่สุด กระทบต่อการให้บริการในโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งมีความต้องการพยาบาลวิชาชีพในระบบมากถึง 130,000 คน ตามจำนวนผู้ใช้บริการที่มีสูงถึง 40 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ป่วยหนักที่ต้องนอนในโรงพยาบาล 9 ล้านคน
สถิติโดยเฉลี่ยทั่วประเทศ พยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ 1 คน จะต้องดูแลผู้ป่วยเกือบ 500 คน
จากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีจะมีพยาบาลที่จบใหม่ 2,500 คน ซึ่งในจำนวนนี้ กว่าครึ่งไม่ทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ เพราะไม่ได้รับการบรรจุ จึงต้องเลือกทำงานโรงพยาบาลเอกชนที่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า ทำให้พยาบาลที่ยังคงอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐกว่าร้อยละ 80 มีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป บางแห่งสูงถึง 50 ปี และต้องอยู่เวรทั้งในช่วงกลางคืน และวันหยุดราชการ แต่ละคนแบกรับภาระดูแลผู้ป่วย 30-40 คน ทำให้เกิดภาวะเครียด อ่อนล้า และลาออกในที่สุด กระทบต่อการให้บริการในโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งมีความต้องการพยาบาลวิชาชีพในระบบมากถึง 130,000 คน ตามจำนวนผู้ใช้บริการที่มีสูงถึง 40 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ป่วยหนักที่ต้องนอนในโรงพยาบาล 9 ล้านคน
สถิติโดยเฉลี่ยทั่วประเทศ พยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ 1 คน จะต้องดูแลผู้ป่วยเกือบ 500 คน
