นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการเครือสหวิริยา เปิดเผยว่า เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมเหล็กในเวทีโลก บริษัทได้เริ่มแผนการลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ระยะเวลา 10 ปี แบ่งเป็น 3 ระยะ โดยเบื้องต้นจัดสรรงบลงทุน 1 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ยอดขายของบริษัทฯ ซึ่งแผนระยะแรกได้เริ่มดำเนินการแล้ว ในส่วนของบริษัทสหวิริยา อินดัสตรี อาทิ การบริหารจัดการองค์ความรู้ (Knowledge management) โดยรวบรวมจัดเก็บความรู้ในองค์กรเพื่อพัฒนา ขณะเดียวกัน ก็กำลังพิจารณาที่จะรับสมัครพนักงานจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น และเยอรมนี การสนับสนุนนักศึกษาไทยซึ่งศึกษาด้านนี้ในต่างประเทศ และส่งพนักงานไปฝึกอบรมในต่างประเทศ เพื่อเข้ามาช่วยงานในศูนย์ R&D ที่จัดตั้งขึ้น
ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าเมื่อสิ้นสุดระยะแรกภายใน 3ปี จะสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเหล็กที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ทั้งหมด สามารถแลกเปลี่ยนกับต่างชาติได้
ขณะที่แผนระยะกลาง ตั้งเป้าว่าจะสามารถผลิตสินค้าที่เป็นนวัตรกรรมได้ ส่วนแผนระยะสุดท้ายตั้งเป้าให้บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตที่ลูกค้าในระดับโลกไว้วางใจและเลือกใช้ (Preferred Supplier)
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเหล็กมาถึงยุคที่จะต้องทำสินค้าที่ทันสมัยหรือก้าวหน้า เช่น ผู้ผลิตเหล็ก ออกแบบร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเรื่อยๆ อุตสาหกรรมเหล็กไทยจึงจะมีอนาคตและแข่งต่างชาติได้
นอกจากนี้ กรรมการเครือสหวิริยา กล่าวว่า บทบาทของภาครัฐที่จะส่งเสริมสนับสนุนจะช่วยได้มากเพราะการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเหล็กต้องใช้เงินลงทุนสูงเป็นการแข่งระดับโลก มีนโยบายรัฐของประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การอุดหนุน ตลอดจนการกีดกันทางการค้า หากภาครัฐสนับสนุนกำหนดเป็นแผนแม่บทเจรจาความร่วมมือกับมิตรประเทศเพื่อมีโครงการแลกเปลี่ยนหรือสนับสนุนเงินทุนทำวิจัย ก็จะเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กให้สามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้
ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าเมื่อสิ้นสุดระยะแรกภายใน 3ปี จะสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเหล็กที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ทั้งหมด สามารถแลกเปลี่ยนกับต่างชาติได้
ขณะที่แผนระยะกลาง ตั้งเป้าว่าจะสามารถผลิตสินค้าที่เป็นนวัตรกรรมได้ ส่วนแผนระยะสุดท้ายตั้งเป้าให้บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตที่ลูกค้าในระดับโลกไว้วางใจและเลือกใช้ (Preferred Supplier)
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเหล็กมาถึงยุคที่จะต้องทำสินค้าที่ทันสมัยหรือก้าวหน้า เช่น ผู้ผลิตเหล็ก ออกแบบร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเรื่อยๆ อุตสาหกรรมเหล็กไทยจึงจะมีอนาคตและแข่งต่างชาติได้
นอกจากนี้ กรรมการเครือสหวิริยา กล่าวว่า บทบาทของภาครัฐที่จะส่งเสริมสนับสนุนจะช่วยได้มากเพราะการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเหล็กต้องใช้เงินลงทุนสูงเป็นการแข่งระดับโลก มีนโยบายรัฐของประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การอุดหนุน ตลอดจนการกีดกันทางการค้า หากภาครัฐสนับสนุนกำหนดเป็นแผนแม่บทเจรจาความร่วมมือกับมิตรประเทศเพื่อมีโครงการแลกเปลี่ยนหรือสนับสนุนเงินทุนทำวิจัย ก็จะเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กให้สามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้
