พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปการเมืองว่า อันดับแรกควรต้องหามาตรการเพื่อควบคุมไม่ให้มีการซื้อเสียง ซึ่งแม้กฎหมายที่มีอยู่จะเข้มงวด แต่คนปฏิบัติไม่เข้มไม่มีประโยชน์ ดังนั้นจึงควรต้องแก้ไขระบบการตรวจสอบให้มีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน และเห็นว่าควรเปลี่ยนที่มา โดยองค์กรอิสระทั้งหลายควรมาจากการแต่งตั้งสรรหาขององคมนตรี ทั้ง ส.ว. กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งหากจะทำเช่นนี้ ควรต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปรับอำนาจหน้าที่ให้พอดี ไม่ใช่มหาศาล และต้องมีองค์กรที่มาตรวจสอบถ่วงดุลได้
สำหรับการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญถึง 100 คน ไม่เช่นนั้นก็ได้คนหน้าเดิมมายกร่าง แต่เห็นว่าควรมอบอำนาจให้องคมนตรีสรรหาคนจากทุกสาขาอาชีพให้ครบ รวมทั้งนักการเมืองด้วยแต่ไม่ควรมีมากเกิน 50 คน เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ยืดเยื้อ และเห็นว่าเมื่อรัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นแล้วก็ควรที่จะทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
พล.ต.สนั่น ยังฝากอวยพรพี่น้องชาวไทยว่า อยากเห็นความรักความสามัคคีในหมู่คนไทยด้วยกัน เพราะเราแตกแยกกันมานานแล้ว จนรุนแรงที่สุดในปี 2551 มาถึงเดือนธันวาคมเริ่มจะเกิดความสงบขึ้น ดังนั้นในปี 2552 ขอให้คนที่มีความเห็นไม่ตรงกันมาพูดจากันให้ถูกต้องตามแนวทางที่ควรจะทำในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรเข่นฆ่ากัน หรือทะเลาะเบาะแว้งเหมือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวไทยมาร่วมกันเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
สำหรับการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญถึง 100 คน ไม่เช่นนั้นก็ได้คนหน้าเดิมมายกร่าง แต่เห็นว่าควรมอบอำนาจให้องคมนตรีสรรหาคนจากทุกสาขาอาชีพให้ครบ รวมทั้งนักการเมืองด้วยแต่ไม่ควรมีมากเกิน 50 คน เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ยืดเยื้อ และเห็นว่าเมื่อรัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นแล้วก็ควรที่จะทำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
พล.ต.สนั่น ยังฝากอวยพรพี่น้องชาวไทยว่า อยากเห็นความรักความสามัคคีในหมู่คนไทยด้วยกัน เพราะเราแตกแยกกันมานานแล้ว จนรุนแรงที่สุดในปี 2551 มาถึงเดือนธันวาคมเริ่มจะเกิดความสงบขึ้น ดังนั้นในปี 2552 ขอให้คนที่มีความเห็นไม่ตรงกันมาพูดจากันให้ถูกต้องตามแนวทางที่ควรจะทำในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรเข่นฆ่ากัน หรือทะเลาะเบาะแว้งเหมือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวไทยมาร่วมกันเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก