นายสุขุม วงษ์เอก ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กล่าวว่า ราคายางที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการและเกษตรขาดความเชื่อมั่นต่อตลาด นอกจากนั้นยังมีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้กว่า 1 ล้านครัวเรือน หรือตกประมาณ 6 ล้านคน
นายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย กล่าวว่า ราคายางที่เหมาะสมต้องไม่ต่ำกว่าตันละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเพื่อป้องกันปัญหาราคายางตกต่ำ บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียต้องทำงานอย่างมีเอกภาพ และต้องลดปริมาณยางออกสู่ตลาดลงร้อยละ 10
นอกจากนี้รัฐบาลควรดูแลปัจจัยการผลิต โดยลดราคาปุ๋ยยูเรียให้เหลือกระสอบละ 400-500 บาท และในอนาคตอาจจะมีการใช้ราคายางในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) แทนการกำหนดราคาจากญี่ปุ่น พร้อมกันนี้คาดการณ์ราคายางในตลาด AFET ปีหน้าอยู่ที่ระดับ 30-60 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนในตลาดที่ซื้อขายกันจริงนั้น ราคายางจะตกกิโลกรัมละ 28-55 บาท ส่วนราคายางจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีหน้า ขณะที่มูลค่าการส่งออกในปีหน้านั้น น่าจะตกอยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีนี้ร้อยละ 30 - 40
นายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย กล่าวว่า ราคายางที่เหมาะสมต้องไม่ต่ำกว่าตันละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเพื่อป้องกันปัญหาราคายางตกต่ำ บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียต้องทำงานอย่างมีเอกภาพ และต้องลดปริมาณยางออกสู่ตลาดลงร้อยละ 10
นอกจากนี้รัฐบาลควรดูแลปัจจัยการผลิต โดยลดราคาปุ๋ยยูเรียให้เหลือกระสอบละ 400-500 บาท และในอนาคตอาจจะมีการใช้ราคายางในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) แทนการกำหนดราคาจากญี่ปุ่น พร้อมกันนี้คาดการณ์ราคายางในตลาด AFET ปีหน้าอยู่ที่ระดับ 30-60 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนในตลาดที่ซื้อขายกันจริงนั้น ราคายางจะตกกิโลกรัมละ 28-55 บาท ส่วนราคายางจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีหน้า ขณะที่มูลค่าการส่งออกในปีหน้านั้น น่าจะตกอยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีนี้ร้อยละ 30 - 40