ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะเลือกใช้การประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ใน 2 พื้นที่ คือในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง โดยจะได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีกำลังของทหารเรือเป็นหน่วยสนับสนุน ขณะที่สนามบินดอนเมือง มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้ทหารจากกองทัพบกเป็นผู้สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย และมอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแลในภาพรวม
นอกจากนี้ นายวรวัจน์ เปิดเผยด้วยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีการหารือด้วยว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งนี้ค่อนข้างจะแตกต่าง คือมีการนำข้อกฎหมายคือข้อหาการก่อการร้าย ซึ่งจะโยงไปถึงการใช้กฎหมาย ปปง.เข้ามาดำเนินการด้วย ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของการก่อความวุ่นวายสามารถตรวจสอบได้ลึกขึ้น ทั้งเส้นทางการเงิน รวมถึงผู้สนับสนุนการก่อความวุ่นวายด้วย
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแถลงอย่างชัดเจน โดยต้องร่างรายละเอียดให้มีความชัดเจนก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ทันทีที่คณะรัฐมนตรีมีมติ จะเป็นผลให้พระราชกำหนดฉบับนี้มีผลบังคับใช้ได้ทันที
นอกจากนี้ นายวรวัจน์ เปิดเผยด้วยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีการหารือด้วยว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ครั้งนี้ค่อนข้างจะแตกต่าง คือมีการนำข้อกฎหมายคือข้อหาการก่อการร้าย ซึ่งจะโยงไปถึงการใช้กฎหมาย ปปง.เข้ามาดำเนินการด้วย ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของการก่อความวุ่นวายสามารถตรวจสอบได้ลึกขึ้น ทั้งเส้นทางการเงิน รวมถึงผู้สนับสนุนการก่อความวุ่นวายด้วย
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแถลงอย่างชัดเจน โดยต้องร่างรายละเอียดให้มีความชัดเจนก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ทันทีที่คณะรัฐมนตรีมีมติ จะเป็นผลให้พระราชกำหนดฉบับนี้มีผลบังคับใช้ได้ทันที
