นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู วันแรกของการประชุมอย่างเป็นทางการ ว่า ในการประชุมกลุ่มผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกได้หยิบยกปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ 3 เรื่องหลัก คือ ภาวะวิกฤตการเงินโลก เรื่องอาหาร และพลังงาน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้รับความสนใจจากผู้นำทุกประเทศ โดยที่ประชุมเห็นว่าในการประชุม G20 ที่สหรัฐอเมริกา จะมีการหารือถึงภาวะเศรษฐกิจของโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นจุดที่เกิดวิกฤตการเงินประเทศแรก ดังนั้นเรื่องนี้ในการประชุม G20 จะดูเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤตการเงินโลกเป็นหลัก
สำหรับประเทศไทยได้ยืนยันกับที่ประชุมเอเปกว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ประเทศไทยเคยประสบปัญหามาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2540 โดยประเทศในแถบทวีปแถบเอเชียได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปีดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยถือได้ว่ามีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป โดยรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการป้องกันหลายมาตรการ เช่น การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายกลางปี 100,000 ล้านบาท ปรับโครงสร้างภาษี และออก 6 มาตรการหลักในการปกป้องเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าการดำเนินการเป็นการรับมือเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ไทยยังมีมาตรการช่วยเหลือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจเอสเอ็มอี และประชาชนระดับรากหญ้า
ส่วนเรื่องอาหาร ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ได้สนใจประเทศไทย เพราะไทยเป็นประเทศผู้นำเรื่องของการผลิตอาหาร และเป็นตลาดใหญ่ให้กับประชาคมโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ไม่ควรกีดกันทางการค้า และต้องเปิดตลาดให้กับทุกประเทศอย่างเป็นธรรม ซึ่งผู้นำเขตเศรษฐกิจหลายประเทศก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
สำหรับประเทศไทยได้ยืนยันกับที่ประชุมเอเปกว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ประเทศไทยเคยประสบปัญหามาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2540 โดยประเทศในแถบทวีปแถบเอเชียได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปีดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยถือได้ว่ามีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป โดยรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการป้องกันหลายมาตรการ เช่น การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายกลางปี 100,000 ล้านบาท ปรับโครงสร้างภาษี และออก 6 มาตรการหลักในการปกป้องเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าการดำเนินการเป็นการรับมือเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ไทยยังมีมาตรการช่วยเหลือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจเอสเอ็มอี และประชาชนระดับรากหญ้า
ส่วนเรื่องอาหาร ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ได้สนใจประเทศไทย เพราะไทยเป็นประเทศผู้นำเรื่องของการผลิตอาหาร และเป็นตลาดใหญ่ให้กับประชาคมโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ไม่ควรกีดกันทางการค้า และต้องเปิดตลาดให้กับทุกประเทศอย่างเป็นธรรม ซึ่งผู้นำเขตเศรษฐกิจหลายประเทศก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว