xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ รู้ทันขบวนการจ้องล้ม รบ. เตือนใช้เวทีสภาตามระบอบ ปชต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“อภิสิทธิ์” แจงความจำเป็นร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ระบุใช้เวทีจี 20 ร้องประเทศสมาชิกอย่ากีดกันทางการค้า เพื่อให้เงินเข้ามาหมุนเวียน กระตุ้นมาตรการทางเศรษฐกิจ ยอมรับมีกระบวนการจ้องล้มรัฐบาล แต่ขอให้ใช้กระบวนการทางสภาฯ เท่านั้น


วันนี้ (22 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงการประชุม G20 ว่า จะบอกว่าเริ่มต้นข้อที่ 1 G20 จะช่วยทำให้ปัญหาเศรษฐกิจในต่างประเทศมีเสถียรภาพ คือหยุดการหดตัว ขณะนี้ที่เศรษฐกิจหดตัวกำลังมีผลทำให้ราคาพืชผลที่นี่ตกต่ำ กำลังทำให้การซื้อสินค้ารวมทั้งสินค้าเกษตรจากที่นี่ลดลง ข้อที่ 2 ไปประชุม G20 เพื่อขอให้ยืนยันว่าอย่ากีดกันทางการค้า คือเขาจะไม่มีปัญหาว่าส่งผลไม้ ส่งข้าว หรือส่งมันไปแล้วปรากฏว่าประเทศต่างๆ กำลังเจอปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองเลยพยายามไม่ซื้อของคนอื่นก็ไปตั้งกฎตั้งระเบียบอะไรต่างๆ ขึ้นมา อันนี้ก็เป็นประโยชน์ ข้อที่ 3 คือว่าเงินที่จะมาหมุนเวียนในประเทศของเรา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเราจะพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย จะไปคุยกันใน G20 ว่าตอนนี้ IMF ก็ดี ธนาคารโลกก็ดี ช่วยดูแลหน่อย ประเทศเพื่อนบ้านของเราถ้าสมมติว่าเขาได้รับการช่วยเหลือตรงนี้มีการพัฒนา เราก็จะสามารถซื้อขายจะเป็นการค้าชายแดน จะเป็นเรื่องของการส่งสินค้าเกษตรอาหาร หรือสินค้าอื่นๆ เข้าไปได้ง่ายขึ้น

“เพราะฉะนั้น ตรงนี้คือประโยชน์โดยตรงเลยที่จะได้รับ แต่ถ้าหากว่าเราไม่ไปเป็นเสียงให้กับประเทศอย่างเรา ประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ อย่างยุโรป อาจจะหมกมุ่นอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะระบบการเงินของเขา อาจจะแอบกีดกันเรา อย่างที่ว่านี่ครับใส่เงินเข้าไปเท่าไหร่ เหมือนใส่เข้าไปในหลุมดำ เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นสักที สุดท้ายก็หมายความว่าคนของเราตกงาน อาหารขายไม่ได้ พืชผลราคาตกต่ำ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าตรงนี้จะส่งผลต่อเนื่องถึงการประชุมอาเซียนบวก 3 บวก 6 ที่ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงจะมาดูประเด็นต่อเนื่องตรงนี้ด้วย เพราะว่าขณะนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้นทั้งโลก ถ้าแต่ละประเทศทำงานไปโดยลำพัง ไม่แลกเปลี่ยนพูดคุยหรือทำให้นโยบายสอดคล้องกัน โอกาสจะฟื้นค่อนข้างยาก หลายคนบอกว่าไปต่างประเทศบ่อย จริงแล้วพยายามไปให้น้อยที่สุด แต่จำเป็นในขณะนี้ที่ต้องไปสร้างความเชื่อมั่น ไปเรียกการลงทุนเข้ามา ไปทำให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งที่ผ่านมาผมคิดว่าได้ผลพอสมควร ไปญี่ปุ่นขณะนี้เริ่มมีคณะนักธุรกิจมาดูลู่ทางการลงทุนที่นี่ ไปอังกฤษก็เช่นเดียวกัน ไปประเทศอาเซียนนั้นต้องกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคด้วยกัน ประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว และผมไปหลายคนยังตกใจเลย ไปยุโรปไปค้าง 1 คืน 2 คืนเท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่ก็จำเป็นครับ เรียกว่าบางทีคนในคณะสะบักสะบอมไปตามๆ กัน แต่ก็ขอร้องบอกว่าช่วงนี้จำเป็นต้องเร่งรัดทำงานแข่งขันกับเวลา

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการสร้างความสมานฉันท์ว่า ขณะนี้สิ่งที่ได้พิสูจน์ตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาคือว่า ตนไม่ทะเลาะกับใคร 1.รัฐบาลไม่เป็นคู่กรณีกับใคร 2.ตนเคารพและฟังทุกเสียงจริงๆ แม้แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้าน ข้อเรียกร้องของเขาเรื่องคดีความต่างๆ ตนให้มีการรายงาน และติดตาม โดยกำชับอยู่ตลอด ขณะนี้ก็ยังสามารถรายงานความคืบหน้าคดีต่างๆ ได้

“ก็ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับสีเสื้อ แต่เราต้องรักษาความถูกต้องในบ้านเมือง ใครทำผิดกฎหมาย กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็เดินหน้าไปขั้นหนึ่ง อย่างที่บอกนะครับว่า มีองค์กรที่เป็นกลางเข้ามา ฝ่ายค้านผมก็จะไปหารืออีกรอบหนึ่งในสัปดาห์หน้า จริงๆ เดิมตั้งใจจะหารือในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่บังเอิญเป็นไม่ไว้วางใจ ก็ไม่อำนวยให้ทำ แต่จะเดินหน้าตรงนี้ต่อ รวมไปถึงเรื่องข้อขุ่นข้องหมองใจอะไรต่างๆ ว่ากฎหมายตรงนั้น ระเบียบตรงนี้ การปฏิบัติตรงนั้น เป็นธรรม ไม่เป็นธรรม ผมมีหมด และฟังทุกเสียงจริงๆ” นายกฯ กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ตนก็ยอมพบกับกลุ่มต่างๆไม่เคยรังเกียจเลย แถลงการณ์อาจจะต่อว่าต่อขานรัฐบาล วันรุ่งขึ้นตนบอกมีเวลานัดมาคุยกัน ถ้าตนมีเวลาที่สภาฯ นัดคุยกันคุย พี่น้องซึ่งเห็นว่าแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด จะเป็นเกษตรกรหรืออะไร ตนบอกไม่ต้องเดินขบวนหรอกให้ติดต่อมายินดีที่จะพบ อย่างตอนนี้ชาวไร่อ้อยเข้าคิวอยู่ก็บอกว่าเดี๋ยวจะหาเวลาเพื่อจะพูดคุยกัน เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง

“แต่ว่าผมคงไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นตรงกันทางการเมืองได้ และผมก็ไม่มีทางครับ และก็ไม่เชื่อว่ามีนักการเมืองคนไหนที่จะทำให้คนร้อยทั้งร้อยชอบได้ ผมเพียงแต่ขอว่าอย่างนี้ครับ เราเคารพความแตกต่างกัน เรายังขัดขวางการทำหน้าที่ของกันและกัน และที่สำคัญที่สุดเราจะแสดงออกอย่างไรขอให้อยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้ย้ำอีกครั้งหนึ่งครับ เชิญชวนทุกคนช่วยกันแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าผมแก้ปัญหาให้กับประเทศสำเร็จ ผลประโยชน์ไม่ตกกับผมล่ะครับ ตกอยู่กับพี่น้องประชาชน ผมไม่เอาอะไรกลับบ้านไป และผมก็อยู่ตรงนี้ในเวลาที่จำกัด เพราะว่าเดี๋ยวนี้รัฐธรรมนูญก็ชัดเจนอยู่แล้ว ต่อให้คนสนับสนุนท่วมท้นอย่างไรก็มีเวลาจำกัด และผมไม่คิดอะไรมากกว่านี้ ผมถือว่าผมมาทำหน้าที่ในการชดใช้บุญคุณที่แผ่นดินนี้มีให้กับผม เพราะฉะนั้น ไม่เป็นไรครับ ท่านยังอยากที่จะแสดงออกคัดค้าน ผมเปิดโอกาส แต่ขออย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ขออย่าทำให้นโยบายหลายอย่างแทนที่จะไปถึงมือประชาชนทำให้เศรษฐกิจฟื้นมาได้ได้รับผลกระทบเท่านั้นเอง” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวไหมว่ามีแผนที่จะล้มล้างรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่เห็นสิ่งที่ตนอยากจะมายืนยันว่ามีหรือไม่มีจริง แต่ว่าก็เคยเห็นว่ามีเอกสาร มีคนที่อาจจะมีความคิดนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันกว้างขวางแค่ไหน ก็เป็นห่วงท่านอยู่อย่างนั้น ถ้ามีแนวคิดอย่างนั้น อย่างที่เรียนคือว่า เราแตกต่างทางการเมืองไม่เป็นไร แต่ขอให้อยู่ภายใต้กติกา 2-3 วันที่ผ่านมาได้ใช้กระบวนการของสภาฯ ในการติดตามตรวจสอบ ในการที่จะลงมติ เราก็ผ่านพ้นตรงนั้นมา เพราะฉะนั้นก็ขอให้พวกเราได้ช่วยกันคิดถึงส่วนรวมเป็นใหญ่ แล้วก็การต่อต้านกัน คิดว่าท่านเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย เสียงของท่านก็ไปถึงคนที่ท่านต้องการให้เขาได้ยิน แต่ถ้าไปทำอะไรที่มันรุนแรง ผิดกฎหมาย ตนก็ต้องบอกว่ามันอาจจะสะใจคนบางกลุ่ม แต่มันเสียหายคนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นก็ไม่อยากให้ทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น