นายวิชัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารสรรพากรภาคและสรรพากรพื้นที่ เพื่อมอบนโยบายจัดเก็บภาษี งบประมาณปี 2552 หลังจากรัฐบาลมีเป้าหมายให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 1,318,500 ล้านบาท สูงกว่างบประมาณปี 2551 ร้อยละ 3 ซึ่งแม้เศรษฐกิจปีหน้าจะชะลอตัว แต่มั่นใจว่าจะเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย
นายวิชัย กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ภาษี เมื่อวัดจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) บวกอัตราเงินเฟ้อจะเป็นการขยายตัวของรายได้ภาษีร้อยละ 6.8-9.0 โดยจีดีพีปี 2552 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.8-5.0 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดไว้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่อาจจะทำให้รายได้ภาษีไม่เป็นตามเป้าหมาย คือ ปัญหาวิกฤตการเงินโลก ปัญหาการเมืองเข้ามากระทบอย่างรุนแรงจนทำให้ธุรกิจต่างๆ ชะลอตัว
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวอีกว่า เพื่อประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ได้อนุญาตให้แบ่งพื้นที่จัดเก็บภาษีเพิ่มอีก 21 พื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 14 พื้นที่ ต่างจังหวัด 7 พื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีการประกอบธุรกิจหนาแน่น ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงาน และแหล่งท่องเที่ยว ร้านค้าแผงลอย โดยขณะนี้เริ่มให้เจ้าหน้าที่ออกไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการรายย่อยเกี่ยวกับการเสียภาษี เพื่อดึงผู้มีรายได้จากการประกอบธุรกิจเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี มาเสียภาษีอย่างถูกต้อง เช่น ตลาดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ตลาดโบ๊เบ๊หรือร้านประกอบธุรกิจทั่วไป เพราะการประกอบธุรกิจดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ระบบจำนวนมาก แม้จะมีรายได้เกินตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ยังได้ส่งสัญญาณให้บริษัทต่างๆ ที่มักจะสร้างรายจ่ายเป็นเท็จ เพื่อทำให้มีการเสียภาษีน้อยลงกว่าปกติ ด้วยการใช้ช่องทางการแต่งบัญชีเพื่อให้มีการรับเหมาช่วงต่อ โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจประเภทอื่น เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์และฐานข้อมูลสามารถประเมินผลรายได้เฉลี่ยหลายปี และดูการแต่งบัญชีเพื่อเลี่ยงภาษีได้ เพื่อเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งต้องการให้ผู้ประกอบการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
นายวิชัย กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ภาษี เมื่อวัดจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) บวกอัตราเงินเฟ้อจะเป็นการขยายตัวของรายได้ภาษีร้อยละ 6.8-9.0 โดยจีดีพีปี 2552 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.8-5.0 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดไว้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่อาจจะทำให้รายได้ภาษีไม่เป็นตามเป้าหมาย คือ ปัญหาวิกฤตการเงินโลก ปัญหาการเมืองเข้ามากระทบอย่างรุนแรงจนทำให้ธุรกิจต่างๆ ชะลอตัว
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวอีกว่า เพื่อประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ได้อนุญาตให้แบ่งพื้นที่จัดเก็บภาษีเพิ่มอีก 21 พื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 14 พื้นที่ ต่างจังหวัด 7 พื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีการประกอบธุรกิจหนาแน่น ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงาน และแหล่งท่องเที่ยว ร้านค้าแผงลอย โดยขณะนี้เริ่มให้เจ้าหน้าที่ออกไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการรายย่อยเกี่ยวกับการเสียภาษี เพื่อดึงผู้มีรายได้จากการประกอบธุรกิจเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี มาเสียภาษีอย่างถูกต้อง เช่น ตลาดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ตลาดโบ๊เบ๊หรือร้านประกอบธุรกิจทั่วไป เพราะการประกอบธุรกิจดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ระบบจำนวนมาก แม้จะมีรายได้เกินตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ยังได้ส่งสัญญาณให้บริษัทต่างๆ ที่มักจะสร้างรายจ่ายเป็นเท็จ เพื่อทำให้มีการเสียภาษีน้อยลงกว่าปกติ ด้วยการใช้ช่องทางการแต่งบัญชีเพื่อให้มีการรับเหมาช่วงต่อ โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจประเภทอื่น เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์และฐานข้อมูลสามารถประเมินผลรายได้เฉลี่ยหลายปี และดูการแต่งบัญชีเพื่อเลี่ยงภาษีได้ เพื่อเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งต้องการให้ผู้ประกอบการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
