นางดารณี เจริญรัชภาคย์ ผู้แทนสมาคมวิจัยการตลาดโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมือง และเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดการวิจัยเติบโตในอัตราลดลง จากที่คาดการณ์ไว้ แต่คาดว่าปีนี้ธุรกิจวิจัยการตลาดในไทยภาพรวมจะเติบโตร้อยละ 8 แต่ขณะนี้มีแนวโน้มว่าทั้งปีจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 5 เท่านั้น โดยมูลค่าจ้างงานวิจัยการตลาดในปีนี้ คาดว่าจะมียอดกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่นับรวมงานวิจัยที่ทำโดยสถาบันการศึกษา และงานวิจัยที่แต่ละบริษัททำงานมาเอง
อย่างไรก็ตาม ไทยเคยมีอัตราการเติบโตของตลาดงานวิจัยการตลาดสูงถึงร้อยละ 12 เมื่อ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อตลาดวิจัยการตลาดแค่ไหน ต้องรอประเมินในอีก 1 เดือนข้างหน้า โดยธุรกิจที่จ้างทำการวิจัยการตลาดมาก ได้แก่ บริการการค้าปลีก และท่องเที่ยว
ส่วนบรรยากาศของธุรกิจวิจัยการตลาดในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดี แต่ยังมีอุปสรรคหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่สามารถคิดค้านวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องเป็นผู้วางกลยุทธ์ มีความรอบรู้ในการตลาด และธุรกิจ รวมถึงทักษะในการสื่อสาร
ทั้งนี้ ไทยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายการทำวิจัยการตลาดต่อประชากรค่อนข้างต่ำ ส่วนอัตราค่าใช้จ่ายในการวิจัยการตลาดต่อค่าโฆษณาไทยยังคงต่ำอยู่ที่ ร้อยละ 3.3 ในขณะที่ไต้หวัน และเกาหลี อยู่ที่ร้อยละ 7 และ 6.7
อย่างไรก็ตาม ไทยเคยมีอัตราการเติบโตของตลาดงานวิจัยการตลาดสูงถึงร้อยละ 12 เมื่อ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อตลาดวิจัยการตลาดแค่ไหน ต้องรอประเมินในอีก 1 เดือนข้างหน้า โดยธุรกิจที่จ้างทำการวิจัยการตลาดมาก ได้แก่ บริการการค้าปลีก และท่องเที่ยว
ส่วนบรรยากาศของธุรกิจวิจัยการตลาดในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดี แต่ยังมีอุปสรรคหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่สามารถคิดค้านวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องเป็นผู้วางกลยุทธ์ มีความรอบรู้ในการตลาด และธุรกิจ รวมถึงทักษะในการสื่อสาร
ทั้งนี้ ไทยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายการทำวิจัยการตลาดต่อประชากรค่อนข้างต่ำ ส่วนอัตราค่าใช้จ่ายในการวิจัยการตลาดต่อค่าโฆษณาไทยยังคงต่ำอยู่ที่ ร้อยละ 3.3 ในขณะที่ไต้หวัน และเกาหลี อยู่ที่ร้อยละ 7 และ 6.7
