หลังใช้เวลาในการอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ในที่ประชุมวุฒิสภาถึง 2 นัดการประชุม ท้ายที่สุด วุฒิสภาได้ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยคะแนน 90 เสียง ไม่เห็นชอบ 35 เสียง และงดออกเสียง 1 คน จากจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 126 คน เท่ากับว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ ฉบับนี้ ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนด
ขณะเดียวกัน วุฒิสภาลงมติ 114 เสียง เห็นชอบตามคณะกรรมาธิการแปรญัตติเพื่อส่งข้อสังเกตให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการควบคู่กับการบังคับใช้ โดยเฉพาะงบอุดหนุนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งบประมาณรายจ่ายของแต่ละจังหวัดของกระทรวงมหาดไทย และกรมทางหลวง ที่ยังขาดความชัดเจนนั้น ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด
ก่อนหน้านั้น นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อสังเกตของวุฒิสภา โดยยืนยันว่า ทุกมาตราของร่างเป็นไปด้วยความเหมาะสม และสอดคล้องต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเบิกจ่ายงบฯ โดยงบประมาณของปีหน้าตั้งไว้ที่ 1,800,000 ล้านล้านบาท ซึ่งจัดสรรแบบขาดดุล และเมื่อพิจารณาจากรายชื่อผู้ลงมติจะเห็นได้ว่า ผู้ลงมติไม่เห็นชอบจำนวน 35 คน สอดคล้องกับรายชื่อของ ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างงบประมาณฉบับนี้ เพราะเชื่อว่าขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งในส่วนของการแปรญัตติที่มี ส.ส.พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลร่วมแปรญัตติ โดยตัดจำนวนเงินออกและนำเข้ากลับมาใหม่ เป็นจำนวนเท่าเดิม 45,000 ล้านบาท รวมถึงกรณีที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการแปรญัตติ เป็นผู้ที่ถูก คตส.ฟ้องดำเนินคดีหวยบนดิน โดยทั้งหมดมีส่วนได้เสียในการใช้จ่ายงบประมาณและท้ายที่สุด หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ ก็จำเป็นจะต้องชะลอการทูลเกล้าฯ ของร่างกฎหมายฉบับนี้ไว้ 7 วัน เพื่อฟังการวินิจฉัยก่อน
ขณะเดียวกัน วุฒิสภาลงมติ 114 เสียง เห็นชอบตามคณะกรรมาธิการแปรญัตติเพื่อส่งข้อสังเกตให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการควบคู่กับการบังคับใช้ โดยเฉพาะงบอุดหนุนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งบประมาณรายจ่ายของแต่ละจังหวัดของกระทรวงมหาดไทย และกรมทางหลวง ที่ยังขาดความชัดเจนนั้น ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด
ก่อนหน้านั้น นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อสังเกตของวุฒิสภา โดยยืนยันว่า ทุกมาตราของร่างเป็นไปด้วยความเหมาะสม และสอดคล้องต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเบิกจ่ายงบฯ โดยงบประมาณของปีหน้าตั้งไว้ที่ 1,800,000 ล้านล้านบาท ซึ่งจัดสรรแบบขาดดุล และเมื่อพิจารณาจากรายชื่อผู้ลงมติจะเห็นได้ว่า ผู้ลงมติไม่เห็นชอบจำนวน 35 คน สอดคล้องกับรายชื่อของ ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างงบประมาณฉบับนี้ เพราะเชื่อว่าขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งในส่วนของการแปรญัตติที่มี ส.ส.พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลร่วมแปรญัตติ โดยตัดจำนวนเงินออกและนำเข้ากลับมาใหม่ เป็นจำนวนเท่าเดิม 45,000 ล้านบาท รวมถึงกรณีที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการแปรญัตติ เป็นผู้ที่ถูก คตส.ฟ้องดำเนินคดีหวยบนดิน โดยทั้งหมดมีส่วนได้เสียในการใช้จ่ายงบประมาณและท้ายที่สุด หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ ก็จำเป็นจะต้องชะลอการทูลเกล้าฯ ของร่างกฎหมายฉบับนี้ไว้ 7 วัน เพื่อฟังการวินิจฉัยก่อน
