นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ความขัดแย้งทางการเมืองที่มีต่อการส่งออกของประเทศ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องแบกรับภาระจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากกรณีตัดน้ำตัดไฟ ปิดท่าเรือ และการปิดสนามบิน คิดเป็นร้อยละ 73 ร้อยละ 12.8 และร้อยละ 12 จากต้นุทนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์ทางการเมืองไตรมาส 4 คาดว่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศแย่ลง โดยปัจจัยที่ส่งผลมากที่สุดยังเป็นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และเรื่องการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก
ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ยังกล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมที่มีผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก สิ่งทอ และเครื่องใช้ไฟฟ้ากับส่วนประกอบเป็นหลัก ถือเป็นการกระทบกับภาคการส่งออก ร้อยละ 55.2
อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองที่มีความยืดเยื้ออาจทำให้กระทบต่อภาคการส่งออกทั้งปี ร้อยละ 6.3 หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ยังกล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมที่มีผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก สิ่งทอ และเครื่องใช้ไฟฟ้ากับส่วนประกอบเป็นหลัก ถือเป็นการกระทบกับภาคการส่งออก ร้อยละ 55.2
อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองที่มีความยืดเยื้ออาจทำให้กระทบต่อภาคการส่งออกทั้งปี ร้อยละ 6.3 หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ