xs
xsm
sm
md
lg

พณ.เผยยอดส่งออกเดือน ม.ค.โต 30.8% คาดทั้งปีนี้ทำได้ 14%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออก ประจำเดือนมกราคม 2553 ว่า มีการขยายตัวเป็นบวก ร้อยละ 30.83 มูลค่าการส่งออก 13,723 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปี 2552

นางพรทิวา กล่าวว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในทุกหมวดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยเฉพาะสินค้าเกษตร หรืออุตสาหกรรมการเกษตร อาทิ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.2 เช่นเดียวกับสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8 อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญ ทั้งในตลาดหลักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 28.4 และตลาดใหม่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 33.2 โดยตลาดที่ขยายตัวสูงมาก อาทิ อินเดีย ร้อยละ 141.7 ไต้หวัน ร้อยละ 96 และจีน ร้อยละ 94.2
ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าเดือนมกราคม 2553 มีมูลค่า 13,208 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.8 ซึ่งสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น อาทิ สินค้าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.6 สินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 และกลุ่มสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.3 ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนมกราคม 2553 เกินดุลการค้า 516 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ตัวเลขการส่งออกในปีนี้ น่าจะมีอัตราขยายตัวร้อยละ 14 มูลค่าส่งออกกว่า 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเท่าที่ได้หารือกับผู้ประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าอาหาร เกษตร มีแนวโน้มดีขึ้น ความต้องการของตลาดหลักและตลาดใหม่ก็มีอัตราสูง รวมถึงสินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่มีคำสั่งซื้อมายังไทยค่อนข้างมาก ทำให้เชื่อมั่นว่า ตัวเลขส่งออกที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี เป็นไปได้ ซึ่งมีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกฟื้น ภายใต้กรอบข้อตกลงเอฟทีเอ และสินค้าไทยเป็นที่ต้องการ แม้ว่าค่าเงินบาทในปีนี้คาดการณ์อยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกไตรมาสแรกขยายตัวมากกว่าร้อยละ 17 หรือคิดเป็นมูลค่า 39,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 19-23 คิดเป็นมูลค่า 41,000-42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 11-15 คิดเป็นมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และไตรมาส 4 จะขยายตัวร้อยละ 5-8 คิดเป็นมูลค่า 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น นางพรทิวา เชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งรัฐบาลออกมาตรการในการควบคุมสถานการณ์ไว้พร้อมแล้ว ซึ่งหากดูปัจจัยบวก โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าเกษตรในตลาดโลกดีขึ้น โดยเฉพาะผลผลิตทั่วโลกน้อยลง รวมถึงความร่วมมือภาคใต้กรอบเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน (อาฟตา) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมยังมีโอกาสขยายตัวเป็นบวก โดยจะมีมูลค่าเฉลี่ยเกิน 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปัจจัยลบทั้งด้านการเมือง หากไม่ถึงขั้นรุนแรง ในการหยุดงานปิดท่าเรือขนส่งสินค้า ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบกับภาคการส่งออก และการที่เวียดนามลดค่าเงินดอง หากจะมีการปรับลดอีกครั้งต่อไป ก็จะไม่รุนแรง และสินค้าไทยสามารถแข่งขันกับเวียดนามได้
กำลังโหลดความคิดเห็น