บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินจากประเด็นที่รัฐบาลมีนโยบายจัดหาพื้นที่ทำการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรเช่าปลูกพืชไร่ หรือพืชพลังงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 51 ภายใต้ "โครงการจัดสรรที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรให้แก่เกษตรกร และเป็นการใช้ประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้านการเกษตร ตลอดจนช่วยสร้างความมั่นคงในการผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานในการนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทนของประเทศ
ทั้งนี้ ศูนย์ฯ เห็นว่านโยบายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีในการบริหารจัดการพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงและบริหารความสมดุลระหว่างการผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานตามแนวทางยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมรองรับวิกฤตอาหารและพลังงานของโลก ตลอดจนส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนจากพืชพลังงานของไทย และเป็นโอกาสดีในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความสำเร็จของโครงการจัดสรรที่ราชพัสดุครั้งนี้จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่เพียงใด ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการในทางปฏิบัติของรัฐอย่างเป็นขั้นตอน โดยมีประเด็นที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม กล่าวคือ การจัดแบ่งที่ดินออกเป็นระดับต่างๆ ตามความสามารถในการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรและลำดับขั้นการพัฒนา โดยศึกษาสภาพพื้นที่ตั้งแต่พื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเกษตรกรรมมาก ไปถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพทำการเกษตรกรรมต่ำ และการสำรวจความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยเริ่มจากการศึกษาข้อมูลของแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ระดับจุลภาคขึ้นไป
สำหรับจากการสำรวจของราชการ ระบุว่า พื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศมีเนื้อที่รวม 12.50 ล้านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ทางราชการ 12.34 ล้านไร่ (สัดส่วนร้อยละ 98.7) และที่ดินให้เช่าเพื่ออยู่อาศัยเกษตรกรรมและพาณิชยกรรม 0.16 ล้านไร่ (สัดส่วนร้อยละ 1.3) ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของส่วนราชการต่างๆ โดยมีกระทรวงกลาโหมครอบครองพื้นที่สัดส่วนมากที่สุดร้อยละ 56 รองลงมาเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 14 กระทรวงศึกษาธิการ ร้อยละ 5 กระทรวงการคลัง ร้อยละ 3 รัฐวิสาหกิจต่างๆ ร้อยละ 3 ที่เหลือร้อยละ 19 เป็นส่วนราชการอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการจัดสรรที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่ ขึ้นกับการบริหารจัดการของรัฐในทางปฏิบัติ ดังนั้น จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการส่งคืนที่ดินราชพัสดุของหน่วยราชการต่างๆ ดำเนินการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรที่เข้าหลักเกณฑ์เงื่อนไข การดำเนินจัดแบ่งที่ดินออกเป็นระดับต่างๆ ตามความสามารถในการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรและลำดับขั้นในการพัฒนา ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ ของรัฐ ควรเร่งร่วมมือกันผลักดันโครงการดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ทั้งนี้ ศูนย์ฯ เห็นว่านโยบายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดีในการบริหารจัดการพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงและบริหารความสมดุลระหว่างการผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานตามแนวทางยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมรองรับวิกฤตอาหารและพลังงานของโลก ตลอดจนส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนจากพืชพลังงานของไทย และเป็นโอกาสดีในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความสำเร็จของโครงการจัดสรรที่ราชพัสดุครั้งนี้จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่เพียงใด ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการในทางปฏิบัติของรัฐอย่างเป็นขั้นตอน โดยมีประเด็นที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม กล่าวคือ การจัดแบ่งที่ดินออกเป็นระดับต่างๆ ตามความสามารถในการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรและลำดับขั้นการพัฒนา โดยศึกษาสภาพพื้นที่ตั้งแต่พื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเกษตรกรรมมาก ไปถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพทำการเกษตรกรรมต่ำ และการสำรวจความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยเริ่มจากการศึกษาข้อมูลของแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ระดับจุลภาคขึ้นไป
สำหรับจากการสำรวจของราชการ ระบุว่า พื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศมีเนื้อที่รวม 12.50 ล้านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ทางราชการ 12.34 ล้านไร่ (สัดส่วนร้อยละ 98.7) และที่ดินให้เช่าเพื่ออยู่อาศัยเกษตรกรรมและพาณิชยกรรม 0.16 ล้านไร่ (สัดส่วนร้อยละ 1.3) ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของส่วนราชการต่างๆ โดยมีกระทรวงกลาโหมครอบครองพื้นที่สัดส่วนมากที่สุดร้อยละ 56 รองลงมาเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 14 กระทรวงศึกษาธิการ ร้อยละ 5 กระทรวงการคลัง ร้อยละ 3 รัฐวิสาหกิจต่างๆ ร้อยละ 3 ที่เหลือร้อยละ 19 เป็นส่วนราชการอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการจัดสรรที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่ ขึ้นกับการบริหารจัดการของรัฐในทางปฏิบัติ ดังนั้น จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการส่งคืนที่ดินราชพัสดุของหน่วยราชการต่างๆ ดำเนินการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรที่เข้าหลักเกณฑ์เงื่อนไข การดำเนินจัดแบ่งที่ดินออกเป็นระดับต่างๆ ตามความสามารถในการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรและลำดับขั้นในการพัฒนา ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ ของรัฐ ควรเร่งร่วมมือกันผลักดันโครงการดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป