เจ้าหน้าที่โครงการอาหารโลก หรือ WFP กล่าวว่า ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดตากถึงสภาพการณ์ทางอาหารในพม่าภายหลังถูกพายุไซโคลนนาร์กีส ถล่มผ่านพ้นไปกว่า 3 เดือนแล้ว ว่า สถานการณ์ในพม่ากำลังย่ำแย่ หลายครอบครัวแทบไม่มีอาหารกิน ตามข้อมูลล่าสุดของกลุ่ม Post-Nargis Joint Assessment (PONJA)พบว่า คลังอาหารในพม่า ทั้งหมดถูกทำลายไปกว่า 42 เปอร์เซ็นต์ และผู้ประสบภัยกว่าครึ่งหนึ่งมีอาหารแค่พอประทังชีวิตในแต่ละวันหรือน้อยกว่านั้น นอกจากนี้ ประชาชนกว่า 924,000 คนยังคงต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม 2551 ขณะที่ชาวบ้านอีก 300,000 คนยังคงต้องการการฟื้นฟูบรรเทาทุกข์ไปจนถึงเดือนเมษายน 2552
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ได้รายงานว่า พื้นที่กว่า 200,000 เฮกเตอร์หรือราว 16 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 1.36 ล้านเฮกเตอร์ในพื้นที่เพาะปลูกบริเวณอิระวดีถูกทำลายและจะไม่สามารถทำการเพาะปลูกตลอดทั้งฤดูกาล ถึงแม้เกษตรกรบางส่วนพยายามจะที่ปลูกข้าวอีกครั้งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กลับเพาะปลูกไม่ได้ผลนัก เหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติจากพายุไซโคลนนาร์กิสทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียชีวิตและสูญหายไปกว่า 140,000 คน ในขณะเดียวกัน ชาวนาจำนวนมากยังคงขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ในการเพาะปลูกหลังจากต้องสูญวัวควายไปเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ เกษตรกรในพื้นที่ 75 เปอร์เซ็นต์ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าว ในขณะที่รัฐบาลพม่ากลับอ้างว่า มีพื้นที่เพาะปลูกที่ไม่สามารถเพาะปลูกให้ตรงตามฤดูกาลเพียง 80,000 เฮกเตอร์เท่านั้น โดยมีชาวนาเพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าชาวนาในพื้นที่จะสามารถปลูกข้าวได้ แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นตามมาว่า จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หรือไม่ เนื่องจากยังขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพรวมถึงเงินทุนในการซื้อปุ๋ยอยู่ในขณะนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ได้รายงานว่า พื้นที่กว่า 200,000 เฮกเตอร์หรือราว 16 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 1.36 ล้านเฮกเตอร์ในพื้นที่เพาะปลูกบริเวณอิระวดีถูกทำลายและจะไม่สามารถทำการเพาะปลูกตลอดทั้งฤดูกาล ถึงแม้เกษตรกรบางส่วนพยายามจะที่ปลูกข้าวอีกครั้งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กลับเพาะปลูกไม่ได้ผลนัก เหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติจากพายุไซโคลนนาร์กิสทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียชีวิตและสูญหายไปกว่า 140,000 คน ในขณะเดียวกัน ชาวนาจำนวนมากยังคงขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ในการเพาะปลูกหลังจากต้องสูญวัวควายไปเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ เกษตรกรในพื้นที่ 75 เปอร์เซ็นต์ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าว ในขณะที่รัฐบาลพม่ากลับอ้างว่า มีพื้นที่เพาะปลูกที่ไม่สามารถเพาะปลูกให้ตรงตามฤดูกาลเพียง 80,000 เฮกเตอร์เท่านั้น โดยมีชาวนาเพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าชาวนาในพื้นที่จะสามารถปลูกข้าวได้ แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นตามมาว่า จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หรือไม่ เนื่องจากยังขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพรวมถึงเงินทุนในการซื้อปุ๋ยอยู่ในขณะนี้
