นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลลดการเก็บภาษีสรรพสามิต น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 ลง 3.30 บาทต่อลิตร เหลือ 0.0165 บาทต่อลิตร และลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 2.30 บาทต่อลิตร เหลือ 0.005 บาทต่อลิตร และน้ำมันไบโอดีเซลลง 2.19 บาทต่อลิตร เหลือ 0.0048 บาทต่อลิตร เป็นการช่วยบริษัทน้ำมันที่มีกำไรอยู่แล้วให้กำไรมากขึ้น แทนที่จะคิดราคาน้ำมันให้เป็นธรรมกับผู้บริโภค ซึ่งการคิดราคาน้ำมันต้องใช้ราคาต้นทุนที่แท้จริงไม่ใช่ราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทน้ำมันใช้น้ำมันจากประเทศแถบตะวันออกกลางและน้ำมันจากในประเทศถึงร้อยละ 21 นโยบายลดภาษีสรรพสามิต จึงเป็นเพียงนโยบาย ที่ช่วยสร้างความร่ำรวยให้บริษัทน้ำมันเพิ่มขึ้น และประเทศต้อง สูญเสียงบประมาณ 25,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่มีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันประเทศใช้น้ำมันประมาณ 20,000 ล้านลิตรต่อปี
ส่วนการที่รัฐบาลจะชะลอการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในภาคครัวเรือน 6 เดือนนั้น โดยข้อเท็จจริง รัฐไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในประเทศได้ถึง 10 ปี และในปัจจุบันราคาก๊าซแอลพีจีที่กำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นยังเป็นราคาที่มีกำไรและไม่ได้อุดหนุนราคาแต่ประการใด
ส่วนการที่รัฐบาลจะชะลอการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในภาคครัวเรือน 6 เดือนนั้น โดยข้อเท็จจริง รัฐไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในประเทศได้ถึง 10 ปี และในปัจจุบันราคาก๊าซแอลพีจีที่กำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นยังเป็นราคาที่มีกำไรและไม่ได้อุดหนุนราคาแต่ประการใด