นางเกษร พุ่มแจ่ม ผู้ป่วยที่สงสัยว่าไตข้างขวาหายไปภายหลังการผ่าตัดเมื่อปี 2549 ได้เข้าตรวจร่างกายด้วยคลื่นแม่เหล็ก หรือ เอ็มอาร์ไอ ที่ศูนย์ประชาชื่นและภายหลังการตรวจ นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ รองเลขาธิการแพทยสภา แถลงผลตรวจว่า ไตข้างขวาของนางเกษรยังมีอยู่ แต่ว่ามีขนาดเล็ก เพียง 28 คูณ 56 มิลลิเมตร ส่วนไตซ้ายมีขนาด 100 คูณ 55 มิลลิเมตร และไม่พบแผลผ่าตัดหรือร่องรอยเนื้อเยื่อผิดปกติ จึงสันนิษฐานได้ว่า ไตข้างขวาของนางเกษร ไม่เจริญเติบโตมาตามปกติตั้งแต่กำเนิด และไม่มีการผ่าตัดเอาไตออกไป ถ้าผู้ป่วยยังสงสัยอยู่สามารถตรวจได้อีก ด้วยการส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะเพื่อดูท่อไตข้างขวาได้ ส่วนการตรวจว่าการผ่าตัดเมื่อปี 2549 ส่งผลข้างเคียงต่อการทำงานของไต และทำให้ไตขวาฝ่อหรือไม่นั้น ต้องพิสูจน์โดยละเอียด ในกระบวนการพิจารณาจริยธรรมของแพทยสภา ซึ่งได้รับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือขณะนี้ไตข้างซ้ายของนางเกษรอยู่ในภาวะไตล้มเหลว ทำงานได้เพียงร้อยละ 40 ซึ่งแพทยสภาจะให้ความช่วยเหลือถึงที่สุด
หลังทราบผล นางเกษรไม่เชื่อว่าไตข้างขวาจะพิการตั้งแต่กำเนิด เพราะ 40 ปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตตามปกติ ตรวจสุขภาพประจำปีตลอดและไม่มีอาการผิดปกติของไต แต่หลังการผ่าตัดเมื่อปี 2549 จึงเริ่มมีอาการผิดปกติและอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ขณะนี้ แพทยสภาจะประสานไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัด เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายใหักับนางเกษร เพราะก่อนหน้านั้น ผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันสังคม โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฟอกไตหรือล้างไตเอง ขณะเดียวกันจะประสานเพื่อขึ้นทะเบียนขอเปลี่ยนไตกับทางสภากาชาดไทย ส่วนการดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงตามที่คนไข้ร้องขอนั้น ต้องรอผลการตรวจจากแพทยสภาอีกครั้ง
หลังทราบผล นางเกษรไม่เชื่อว่าไตข้างขวาจะพิการตั้งแต่กำเนิด เพราะ 40 ปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตตามปกติ ตรวจสุขภาพประจำปีตลอดและไม่มีอาการผิดปกติของไต แต่หลังการผ่าตัดเมื่อปี 2549 จึงเริ่มมีอาการผิดปกติและอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ขณะนี้ แพทยสภาจะประสานไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัด เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายใหักับนางเกษร เพราะก่อนหน้านั้น ผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันสังคม โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฟอกไตหรือล้างไตเอง ขณะเดียวกันจะประสานเพื่อขึ้นทะเบียนขอเปลี่ยนไตกับทางสภากาชาดไทย ส่วนการดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงตามที่คนไข้ร้องขอนั้น ต้องรอผลการตรวจจากแพทยสภาอีกครั้ง