สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 8 โมงครึ่งวันอาทิตย์ สนทนาประสาสมัครกลับมาเหมือนอย่างเคย โหย ก็มีคำถามมาดักหน้ารอเป็นแถวเชียวครับ ผมเป็นไงบ้าง ถามคำเดียวเป็นยังไงบ้าง ก็ต้องบอกว่าพอไหวครับ พอไหว ก็ทำหน้าที่มาครบถ้วนเรียบร้อย 6 วันนะครับ ตั้งแต่วันจันทร์ เสร็จเมื่อคืนนี้ใกล้สองยาม ก็ 6 วัน 6 คืน เป็นหน้าที่นะครับ เป็นการอภิปรายในสภา ท่านวุฒิสมาชิกอภิปราย แล้วก็ทางสมาชิกฝ่ายค้านอภิปราย 3 วันนะครับ งบประมาณ 2 วัน ก็รวมกันเป็น 6 วัน ก็แหมเสียดายไม่ได้เอารูปที่เขาวิพากษ์วิจารณ์มาให้ดู เมื่อเช้าหยิบเอาไว้แล้วแต่มีคนขอดู ก็เลยลืมเอามาให้ดู เขามีไปถ่ายมั้ง เขาออกในเว็บไซต์ นั่งฟังอภิปรายก็นั่งพับนก พับนก คนก็บอกว่า พับนกมันพับมาตั้งแต่หนุ่มๆ แล้ว ไปเอารูปตั้งแต่สมัยอยู่กระทรวง ก็หนุ่มอ่ะนะตอนนั้น มาเทียบ ก็นั่งพับนกเหมือนกัน ก็มันใช้หูฟังนี่ฮะมันจะยังไง มือก็นั่งพับไป หูก็ฟังไป แล้วก็ทำหน้าที่ตอบอธิบายความเท่าที่เป็นไปได้
มีคนสงสัยเขียนมาถามเลย เมื่อคืนมันอะไรกันนักหนา ก็ไหนว่าเขาเร่ง เขาอภิปราย อภิปรายกันเสร็จแล้วจะทำให้รัฐมนตรีตอบ ผมมานั่งคำนวณดูแล้วครับว่ารัฐมนตรีตอบใกล้ๆ สองยามแล้วยุ่งครับ เดี๋ยวก็ต้องปิด มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม จะให้ปลอดภัยจริงๆ ก็อธิบายความมาเยอะแล้วพอสมควรแก่เหตุ ท่านรัฐมนตรีฯ พลังงาน ท่านอยากจะตอบ ก็ตอบไป เสร็จแล้วก็ขอบพระคุณ ทีนี้พอขอบพระคุณตอนท้ายก็นึกขึ้นได้ ว่าอ้อ ท่านสมาชิกเชน ท่านมาอภิปรายงบประมาณกลาโหมแล้วท่านก็อ้างว่า แม้หวังตั้งสงบจงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ ผมเลยบอกท่านว่า จริงๆ น่ะ ไอ้ พ.พาน เขาการันต์นะ ไอ้นี่มันเป็นยานี 11 จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ เพราะมันมีต่อไปอีกว่า ศัตรูกล้ามาประจัญก็อาจสู้ริปูสลาย เป็นยานี 11 นะ 5-6 เพราะฉะนั้นคำนั้นต้องอ่านว่า แม้หวังตั้งสงบจงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ (สัน) ศัตรูกล้ามาประจัญก็อาจสู้ริปูสลาย เท่านั้นล่ะครับ แล้วก็หมดแล้วก็ขอบคุณ แล้วก็ลงมติ เรียบร้อยดีครับ เรียบร้อยดีทุกประการเลย สมาชิกก็มาโหวตกันเรียบร้อย คะแนนเสียงก็ออกมา อ้าวแล้วทำไม รัฐบาลบอกว่ามีทำงาน 316 ทำหน้าที่ไม่ได้ 10 ก็เหลือ 306 คะแนนต้องออก 306 ฝ่ายค้านอย่างมากก็ต้องไม่ลงคะแนน ไม่หรอกครับ ฝ่ายค้านสมัยนี้ทันสมัยนะครับ เขาก็ไม่ออกเสียง คือธรรมดาจริงๆ แล้วต้องเห็นชอบทั้งนั้นล่ะครับ เพราะเขาเอางบประมาณไปใช้ แต่ไม่เห็นชอบก็ไม่มีใครว่าครับ แต่ว่าก็มีคนเห็นชอบ ทั้งหมดเข้ามานั่ง คือแสดงตนน่ะหมายความว่า ในที่ประชุมน่ะมีกว่านะครับ มี 470 แต่ว่าเขาก็แสดงตนปั๊บ เขาแสดงตนแค่ 421 แล้วคะแนนออกมาก็สนับสนุนงบประมาณ 419 ก็ดีครับ บรรยากาศดี คือฝ่ายค้านก็บอกว่าสนับสนุน แต่สนับสนุนครึ่งหนึ่ง อีกท่านก็ไม่ออกเสียง เป็นบรรยากาศดีครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี
ถามว่าเป็นไง 6 วัน ก็ไม่มีอะไร ไปทำงานน่ะครับ งานในสภา ก็เรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น เมื่อวันที่ 25 ครบรอบ 1 เดือน ก็บอกให้ไปขลิบผมไฟหลานหน่อย ครบเดือน คงไม่ได้ ในสภาสำคัญกว่า ขลิบผมไฟหลานต้องมาวันนี้ วันนี้ตอนกลางวันก็ไปขลิบได้ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรเป็นปัญหาหรอกครับ ก็เรียบร้อยดี คุณหมอผู้หญิงมาตรวจสุขภาพกันกลางสภา ก็ได้แสดงให้เห็นไงครับ ไม่ต้องอดทน เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่เห็นผิดปกติก็คือว่า หมออยู่ในสภามาตั้งแต่เปิดสภาก็มีหมอมาเยอะ เพิ่งจะมีคราวนี้ล่ะครับหมอมา ผมไม่อยากใช้คำว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองนะ เธอก็คิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้อง วินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภา แหม ผมนี่ต้องต่อว่าสภา ก็สภาเขาเลี้ยงน้ำแดง ใครไปเขาก็เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก แล้วผมจะทำยังไง บอก ไม่เอา ผมไม่เอา ผมอายุมากแล้ว ผมจะพูดอย่างนั้นได้ไง มันเสียน้ำใจคนที่เขาเลี้ยง ใครไปเขาก็เลี้ยงอย่างนั้นทั้งนั้นแหล่ะครับ กิน ไม่กิน ก็เรื่องของใครยังไง ไม่คาดคิดเลยครับ แหม ถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ โอย ก็ฟังดูแล้วก็แปลกดีนะครับ ผมว่าเป็นความแปลกอย่างยิ่ง คือในทางการเมืองไม่คาดคิดว่าวิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีคนบอก เขาไม่เรียกใบอนุญาต เขาเรียกใบประกอบโรคศิลป ก็ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูด้วยแล้วกันนะครับว่างานของท่านเข้ามาอยู่ทางการเมือง การที่นักการเมืองที่เป็นหมอวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์คนไข้ กลางสภา ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ผมก็ไม่ทันจะได้เปิดหรอกนะว่าจรรยาแพทย์นั้นมีอะไรตรงไหน ยังไง ไม่ได้เปิด ก็ไม่มีอะไร คนอื่นถามทำไมถึงเป็นงั้น ผมก็บอกผมก็สงสัยเหมือนกันทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คือไม่คาดคิดน่ะครับ อันนี้สำนวนผมต้องเรียกว่า "เข็มขัดสั้น" คือ คาดไม่ถึง
ทีนี้ ถัดไปก็ พอดำเนินการเสร็จแล้ว ติดพันกันมาแล้วก็ วันแรกก็อภิปรายเสร็จเรียบร้อย พอวันสุดท้ายงบประมาณเสร็จ โห ตอนงบประมาณนี้ก็ ธรรมดาน่ะ คือผมเคยเป็นมาแล้ว 10 ท่านสมาชิกทางพรรคประชาธิปัตย์ท่านบอกเป็น 13 ผมก็เป็นอ่อนกว่าท่าน ผมก็เป็นมาแค่ 10 หน แต่รู้ว่าทีหลังยังเป็นได้อีกนะ แต่ไม่เป็น เพราะเหตุว่าอันตราย เป็นรัฐมนตรี ไปนั่งเป็นกรรมการในนั้น ถูกสับถูกโขก ก็เลยแค่ 10 พอ งบประมาณก็อย่างนั้นล่ะครับ ท่านเข้ามาครั้งแรกท่านก็บอกเพียงว่า ไม่ดี มันอย่างนั้น ต้องอ่านก่อน ต้องอยู่สัก 4 ปี ดูให้เข้าใจแต่ละเล่มๆ มีหมดล่ะครับ เขาทำหมด เขาทำงานของเขาเรียบร้อยมา เพราะฉะนั้นคุยกันเนี่ยนะ เรื่องถนนหนทาง เรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องข้าว เรื่องอ้อย เรื่องมัน จนกระทั่งถึงเรื่องปุ๋ย ทั้งหมดล่ะครับ คุยกันหมดเลย พอถึงเรื่องปุ๋ย ผมก็ต้องนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคราวก่อน เนี่ยคำถามเขาก็อุตส่าห์เอามาวางไว้ให้ ดูนี่
อีเอ็ม เป็นของญี่ปุ่น ท่านนายกฯ อย่าหลงกลไปโฆษณาให้เขา ควรสนใจเรื่องของเกษตรไทย และเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีฯ เกษตรฯ เขาดีกว่า ผมจะเรียนให้ทราบนะครับว่า จริงๆ แล้ว คนต่างคนต่างไปทำงาน ต่างคนต่างทำงานนะ ทีนี้เมื่อเวลาที่เขาเอางานมาเสนอกัน บังเอิญเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม เป็นงานซึ่งอยู่ในของ กอ.รมน. แล้ว กอ.รมน.ก็เป็น คือเขาทำ 1..2..3.. ไอ้อันที่ 6 น่ะ เขาบอกว่านี่งานเขาอันนี้ เขาลงไปทำงานครับ เขาใช้เงิน 2 ล้าน ลงไปทำใน 137-138 หมู่บ้าน ใช้เงิน 2 ล้าน แล้วเขาก็ใช้ปุ๋ยอย่างที่ว่า ปุ๋ยจุลินทรีย์ ไปทำ แล้วก็ได้ผล แต่ว่ายังไงก็ตามแต่ ผมนี่มักจะมีตัวช่วยเสมอ มีตัวช่วยตรงที่ว่า เมื่อเวลาที่เราจะต้องมาแสดงอะไรยังไง ก็มีคนมาแสดงอธิบายให้ฟัง ผมเองก็ ผมเป็นนักกฎหมายนะครับ แต่ทางกฎหมายก็ไม่ได้ว่าความ เรียนกฎหมายมาก็ใช้สถานะทางสังคมอย่างอื่น
ทีนี้เวลาที่พูดกันเรื่องปุ๋ย ก็คุยกันเยอะนะครับ ปุ๋ยแพง ทำไมถึงแพง ปุ๋ยมันเป็นผลพลอยได้มาจากผลิตภัณฑ์ถังน้ำมัน เพราะฉะนั้นเวลาที่มันออกมาตามนั้น น้ำมันขึ้น ปุ๋ยขึ้นด้วย แต่จะขึ้นยังไงก็สุดแท้แต่ ก็จะพยายามพิสูจน์ ในสภาน่ะเถียงกันเลยนะ โอ้โห ขนาดท้าทายเอกสารกันเอย เพราะเหตุว่าปุ๋ยนี่ไม่เก็บภาษีนะ ก็ใช้ปุ๋ยเคมีๆ แล้วต่อมาก็กำลังโดนลง ผมบอกใช้เงิน 4 พันกว่าล้าน เพื่อไม่ได้ซื้ออะไรเลยนะ ท่านรัฐมนตรีขอเอาเงินไปทดลอง 3,400 ล้าน จะไปซื้อปุ๋ยสูตรราคาถูก บอกเอาไป 10% เอา 300 ไปซื้อก่อน ก็กำลังดำเนินกรรมวิธีอยู่ ทีนี้พอกรรมวิธีอย่างนั้นเสร็จเราก็มาดูว่าแท้จริง ไม่แท้จริงยังไง แต่ว่าพอเรื่องปุ๋ย เราก็บอกเลยใช้เงิน 4 พันกว่าล้าน ไม่ซื้อปุ๋ยมาแจกเลยนะ ต้องการคุยให้ราษฎรรู้ว่า การใช้ปุ๋ยออร์แกนิก มันดีกว่าปุ๋ยเคมี แต่ปุ๋ยออร์แกนิก ก็ขยับเขยื้อนเอาเคมีมาปน เอ้า มีปัญหากฎหมายอีก เพราะเหตุว่าเขาจะอ้างว่าเดี๋ยว ผู้ช่วยของผมก็ส่งเอกสารมา มาเมื่อคืนนี้ครับ นั่งอ่านดูแล้ว ไม่อยาก ไม่อยากที่จะนั่งเอาความจำแล้วมาคุย แหม วันนี้จะต้องอ่านจดหมายจากท่านอดีตอธิบดีกรมวิชาการ อ่านคร่าวๆ ให้ฟังนะ ท่านดูนะเนี่ย นี่ ในฐานะอดีตอธิบดีกรมวิชาการ ขอแนะนำข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องปุ๋ยที่คุยกัน ท่านรู้นะจะคุยวันนี้ ท่านบอกนะ ปัจจัยที่ทำให้การปลูกพืชมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ดินดี พันธุ์พืชดี และน้ำดี เห็นมั้ยฮะ ดินดี พันธุ์พืชดี และก็น้ำดี และก็บอกว่า ความเข้าใจเรื่องปุ๋ยแตกต่างกันมาก แต่ควรยึดหลักวิชาการ แล้วกำหนด ต้องตามพระราชบัญญัติด้วยนะ แล้วกำหนดตามที่พระราชบัญญัติปุ๋ย เพิ่มเติม พ.ศ.2550 เนี่ยนะ ต้องแก้กฎหมายเพิ่มเติมนะ ขออย่างนี้นะครับ เขาบอกว่าปุ๋ยคือสาร หรือจุลินทรีย์ ที่เป็นธาตุอาหารพืช หรือทำให้พืชได้อาหาร เช่น จุลินทรีย์ไลโซเบียม สามารถจะตรึงไนโตรเจนจากอากาศเพื่อพืชไปใช้เป็นอาหาร เห็นไหมครับอย่างนี้ ใครจะไปรู้อย่างนี้
ต่อไปนะ ปุ๋ยเคมีคือสารเคมีที่เป็นธาตุอาหารพืช แต่ไม่รวมถึงปูนขาว ดินมาร์ล ยิบซัม โดโลไมท์ เพราะไม่ได้เป็นธาตุแห่งพืช แต่ไปปรับปรุงคุณสมบัติของดิน เห็นมั้ย ท่านอธิบายเสร็จ ปุ๋ยอินทรีย์ล่ะ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ซึ่งมีจุดเด่นคือ มีวัสดุอินทรีย์ (Organic Facture) ที่จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินได้ดี แต่ธาตุอาหารจะมีไม่มาก เช่น NPK ก็มี 2 : 1 : 1 ตามลำดับ ในขณะที่ปุ๋ยยูเรียเขามี 46 : 0 : 0
ทีนี้ถัดไป ปุ๋ยชีวภาพ คือจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ที่สามารถสร้างธาตุอาหารพืชได้ เช่น ไลโซเบียม ตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ช่วยให้ธาตุอาหารที่มีอยู่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้มากขึ้น
อย่างนี้ล่ะครับ ท่านบอกไว้เสร็จ จุลินทรีย์ไม่มีคุณสมบัติก็ใช้ไม่ได้ อันนี้ต้องมีคุณสมบัติ นี่ท่านเขียนมาสุดท้ายเมื่อผมจะออกรายการบอกว่าไปยกย่องญี่ปุ่น นี่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ที่ผ่านมามีการนำเอาปุ๋ยเคมีไปผสมในปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับปุ๋ยหมัก ขณะที่ผู้ขายก็เพิ่มปุ๋ยหมักลงไปมากกว่าเดิม เอาเปรียบผู้ใช้ นี่เป็นปัญหาทันทีเลย เป็นปัญหากฎหมายทันที เพราะว่า ดูนะ ในแง่กฎหมายพระราชบัญญัติปุ๋ย หากเอาปุ๋ยเคมีไปใส่ผสมจะถูกตีความว่าเป็นปุ๋ยเคมี และโดยทั่วไปมักจะกลายเป็นปุ๋ยที่ผิดมาตรฐาน ยุ่งมั้ยครับ เขาคิดดีนะฮะ เอาเคมีไปผสมออร์แกนิก ไปผสมอินทรีย์ เกิดเรื่องนะ
ในพระราชบัญญัติปุ๋ย 2550 ปีกลายนี้ กำหนดไว้มีปุ๋ยอินทรีย์เคมี โดยต้องให้ได้มาตรฐานทั้งปุ๋ยและอินทรีย์ ในเงื่อนไขปริมาณธาตุพืชอะไรต่างๆ เอาล่ะ เป็นนักวิชาการ ปุ๋ยชีวภาพเนี่ย ท่านก็บอกว่าไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ แล้วจะทำยังไงล่ะครับ ก็เป็นหน้าที่ นี่มีคนต้องการจะตามไปดูไอ้เรื่องนี้นะครับ เรื่องที่ผมจะให้ท่านดูนี่นะ ท่านจดเบอร์โทรศัพท์ไว้นะ ใครที่สนใจจะตามไปดู อยู่อุบลฯ นะ ถามก่อนก็ได้ 081-3125953 081 นี่จำได้นะ 081 ง่าย 3125953 ย้ำอีกทีนะ 081-3125953 ทำไมถึงจะต้องมาพูดกันเรื่องพรรค์อย่างนี้ ที่จะต้องพูดจากันก็เพราะว่าวิชาการ ผมพูดในสภาวันก่อนนี้ วิชาการเกษตร รายการที่ดีคือเช้ามืด กับดึกๆ ดึกๆ ยังไม่ค่อยมีล่ะ แต่เช้ามืดมีเลย เสาร์-อาทิตย์ยิ่งนั่นเลย นั่งดูเถอะครับ ไอ้คนที่ไปทำมาเนี่ยต้องถูกต้องจึงจะมาออกรายการได้ เพราะราชการเขาตรวจสอบ กรมวิชาการเกษตรอะไรต่างๆ ดู โฆษณาปุ๋ยเคมีกันบ้าเลือด ก็มีครับ แล้วก็โฆษณาอธิบายเสร็จเลยว่า ปี 1 ปี 2 มีพริกเม็ดโต เม็ดใหญ่ พอปีที่ 5 เม็ดแทบจะไม่ออก เพราะว่าไอ้สารเคมีไปทำลายดิน เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า กำลังนี้ในสภาเป็นการเมืองนะครับ ปุ๋ยแพงต้องไปหาปุ๋ยถูกให้ราษฎร จะทำยังไงสุดแท้แต่ มีการซื้อให้ มาเอาเงินไปซื้อบ้าง แต่ว่าสุดท้ายราษฎรชอบ เพราะว่าใส่ปุ๋ยเคมีใส่วันนี้ 2 วันเขียวทันตาเห็น แต่ว่าปุ๋ยออร์แกนิก คือปุ๋ยอินทรีย์เนี่ย แต่ก่อนใส่แล้ว 10 วัน เดี๋ยวนี้พัฒนา ปรับปรุงแล้ว ใส่แล้ว 7 วัน แต่ใส่แล้วมันช่วยดิน ทำดินดี ไม่มีอะไรเสียหาย รัฐบาลใช้เงิน 4,100 ล้าน เพื่อชักชวนให้ราษฎรทั้งประเทศ ไม่ใช่เลิกใช้ปุ๋ยเคมีนะ ให้หันกลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเขาจะเติมเคมีเล็กน้อย แปลว่าอะไรครับ ก็ไอ้เหมือนน้ำมันนี่ไงครับ เราทำเอทานอลได้เอง แต่ก่อนนี้น้ำมัน 100 เอาออกไป 5 เติมเอทานอล 5 ก็บอกว่า โห ลดไป 5% ต่อไปก็ 10 เอาน้ำมันออกไป 10 แล้วก็เอาเอทานอลใส่ไป 10 แล้วต่อมาก็น้ำมัน 80 เอทานอลก็เป็น E20 รถราก็จะผลิตออกมารับ บัดนี้มันปฏิภาคกลับนะ เขาเรียกว่า E85 ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า นึกว่าทำไมมันไป 20 มันกลับ 85 ไม่ใช่ครับ เอทานอล 85 ใช้เบนซินแค่ 15 ไอ้นี่มันวิวัฒนาการก้าวหน้า
เพราะฉะนั้นเรื่องของการใช้ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ยออร์แกนิกดี แต่ว่ามันพลาดน้อย เขาก็เอาเอาเคมีเติมไปหน่อย กฎหมายเกิดมาขัดข้องไม่รับรองจะตีความว่าเป็นเคมีปลอม เป็นปุ๋ยปลอม ยุ่งยาก เขามีพระราชบัญญัติรับรองไว้เสร็จ เรารณรงค์ที่จะให้ใช้อันนี้ 2 วันผมจะไป ไม่ใช่ 2-3 วันล่ะ เสร็จธุระแล้วผมจะไปดูที่อุบลราชธานี ที่สุรินทร์ก็มีครับ เขาใช้กันอย่างนี้ อุบลราชธานี คือที่ผมเอามาให้ดูนี่ ส่วนปุ๋ยที่เขาใช้อินทรีย์เขาอยู่ จ.สุรินทร์ เขาก็เตรียมการไว้ให้ดู ก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าใช้อินทรีย์มันดีกว่าเคมี ไอ้เคมีมันแพงบ้าเลือด เพราะฉะนั้นแพงบ้าเลือดเราจะใส่ไปเล็กน้อย สมมุติใส่ 10% เป็นออร์แกนิก 90 มันก็เหมือนไอ้น้ำมันนี่ล่ะครับ ใส่น้ำมันเบนซิน 15 ใส่ไอ้ของที่มันทำได้ในเมืองไทย 85 นั่นคือ E85 ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ยอินทรีย์นั้นจะทำอะไรต่ออะไรต่างๆ เขามีมาตรฐาน รัฐบาลสนับสนุนนะครับ แต่ทว่า ทางวิชาการบอกว่าปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นไม่มีในพระราชบัญญัติ เพราะฉะนั้นกำลังนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางฝ่ายทหาร ซึ่งเขาเป็น กอ.รมน. รักษาความมั่นคงภายใน เขามีหน้าที่ที่จะทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี เขาจึงไปพัฒนา ผมไปอ่านเข้า เพราะผมไปประชุม กอ.รมน. เขามีรายงานให้ดู พอผมเห็นปั๊บ ผมบอกอย่างนี้ต้องถ่ายทอดให้ประชาชนทั้งประเทศได้รู้ ใครจะทำ ใครจะเอา จะเป็นถูกต้องตามกฎหมายหรือยังไง เพียงแต่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัติ แต่วันข้างหน้าถ้าสำเร็จถูกต้อง ต้องอยู่ เพราะอะไรครับ เพราะเขาใช้เงิน 2 ล้าน ใช้เงิน 2 ล้านครับ เอาไปทำปุ๋ย แล้วก็เอาไปใช้ทำนาได้ 4 หมื่นไร่ ใช้เงินแค่ 2 ล้านครับ ในขณะเดียวกันท่านจะต้องใช้ปุ๋ยเคมี ต้อง 24 ล้าน แล้วเขาก็ทำให้เห็น แล้วมันไม่ใช่ข้าวเฉยๆ นะครับ มันไปมันสำปะหลัง มันไปอย่างอื่น แต่สำคัญที่สุดก็คือว่า ไอ้อะไรต่างๆ ที่มันตกทอดอยู่นั้น มันไม่ทำความเสียหาย ไอ้กุ้ง หอย ปู ปลา มันกลับมา นี่เขาถ่ายมาให้ดูว่ากบมันกลับมา หอยมันมา แล้วก็ไอ้ปลามันมา
ก็ให้ดูว่า จะเอาความผิด จะเอาชนะกัน ก็โดยเขียนคำถามมาบอกว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่น ผมถามทันทีครับ ออกจากกล้องผมก็ถามเลยคนที่มาชี้แจง เขาบอกว่าถูกต้อง ไอ้คิวเซ น่ะ มันมาอยู่ที่ประเทศไทย อยู่สระบุรี ญี่ปุ่นเนี่ย คิวเซเนี่ย อยู่สระบุรีเลยไปหน่อย เลี้ยวขวา แล้วก็ไปเลี้ยวขวาอีกทีน่ะ ผมไปดูมาแล้วครับ มันเป็นความคิดญี่ปุ่น แต่บัดนี้มันผลิตได้ในประเทศไทยนี่ครับ ไอ้หัวน้ำเชื้อ ไอ้จุลินทรีย์เนี่ย มันผลิตได้ในประเทศไทย แล้วมันเพิ่มได้เท่านั้นเท่านี้ เขายืนยันว่าไม่ต้องสั่งอะไรมาจากนอกอีกแล้ว ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด แล้วระบบนี้ล่ะครับ เอานี่ๆๆ เอาแกลบ เอาข้าวเปลือกที่ยังไม่ได้เผา เขามีสัดส่วนให้เสร็จหมด ต้องไปดูของจริง แต่เขาทำแล้วเขาก็ใส่ถุงวางเรียงไว้เป็นหมื่นๆ แล้วเขาก็ใช้กับ 4 หมื่นไร่ จากเงิน 2 ล้านเท่านั้นเองครับ แล้วพอเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันได้ข้าวปลาอาหาร ได้ข้าวมา 360 ล้าน มูลค่าราคาที่ซื้อขายกัน เพราะฉะนั้นเรื่องพรรค์อย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีเห็นอย่างนี้แล้วไม่มาสนับสนุน ต้องทางวิชาการบอกมาว่ายังไม่มีในพระราชบัญญัติปุ๋ย ยังไง ถ้ามันไม่มี ถ้ามันทำดีให้บ้านเมืองอย่างนี้ มันต้องมีวันข้างหน้า แต่ไม่มีผิดกฎหมายนะครับ ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย สิ่งที่เขาคิดที่เขาทำขึ้นมา ถ้ายังไม่รับรองก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นผิด แต่ว่าทำแล้ว ดูหัวมันสำปะหลังสิครับ นั่นน่ะใช้ปุ๋ยเคมีมันเป็นยังไง แล้วใช้ปุ๋ยชีวภาพมันเป็นยังไง แล้วอย่างนี้เราไม่สนับสนุนเหรอครับ ต้องสนับสนุนครับ แต่ว่าความละเอียดอ่อนต่างๆ ต้องไปดู แล้วสูตรมันเป็นยังไง แปลว่าเราจะหาไอ้พวกขี้เป็ด ขี้ไก่ ขี้วัว ขี้ควาย ได้มากขนาดไหน ที่เรียกว่ามูลสัตว์ ไอ้แกลบน่ะ ไม่เข้าเตาเผาในโรงสี มันก็เป็นแกลบ มันจะมี 1..2..3.. ส่วนผสม แล้วเขาก็มีไอ้ตัวเชื้อที่จะใส่ลงไป แล้วก็คลุก แล้วก็เป็นปุ๋ย แล้วก็ไปใช้ในไร่นา แล้วก็ไม่มีความเสียหาย มีพืชผล คือต้นทุนมันถูก ผู้คนตื่นเต้นนะ
ผมก็ขอบคุณท่านอดีตอธิบดี ท่านส่งเอกสารมาให้ผม ผมก็อ่านให้ ชัดเจนเรียบร้อย แต่ว่าที่ท่านบอกว่า ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ นี่มันปุ๋ยจุลินทรีย์ เคมีเขามีในพระราชบัญญัติแล้ว จุลินทรีย์ยังไม่อยู่ มันต้องพิสูจน์นะครับ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความเลวร้ายเป็นความเสียหาย มันเป็นสิ่งท้าทาย ทำออกมาแล้วเป็นยังไงแล้ว จะวิพากษ์วิจารณ์ยังไงก็สุดแท้แต่ เพียงแต่กฎหมายยังเขียนกันไม่ถึง นั่นแปลว่าอะไร ตอนเขียนกฎหมายยังไม่มีเรื่องพรรค์นี้ เขาทำมา 20 ปีแล้วครับ แต่ว่ากฎหมายไม่ได้มาสนใจ ก็ไม่เป็นปัญหา วิชาการบอกรับไม่ได้ ต้องบอกมาว่าเสียหายยังไง ต้องบอกเลยครับว่าใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์แล้วมันเสียหายยังไง ถ้ามันได้ผล มันเพิ่มผลผลิต แล้วราคามันถูกกว่า ทำไมครับ ทำไมเราถึงจะไม่พิจารณาเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่นะครับ นี่เรื่องเล็กนะ ที่เล่าให้ฟังเนี่ย ผมเป็นคนติดไว้คราวที่แล้ว เพราะเขาท้วงกันมาว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่นทำไม ก็ไอ้รถที่ใช้กันทั้งบ้านทั้งเมืองเนี่ย มันรถญี่ปุ่นรึเปล่าครับ ใช้รถญี่ปุ่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ใช้หัวเชื้อซึ่งญี่ปุ่นเป็นคนนำมาแนะนำ แล้วบัดนี้ก็ผลิตได้ในประเทศไทยแล้ว แล้วมันเสียหายตรงไหนล่ะครับ มันเสียดุลการค้าตรงไหนไหมครับ ได้เทคโนโยลยีของเขามา แล้วเอามาผลิตได้ในประเทศไทย มีส่วนผสมจัดการทำ ไปทดลองมาให้แล้ว ลงทุน 2 ล้าน ถ้าจะต้องใช้ปุ๋ยธรรมดาจะต้องใช้ 20 กว่าล้าน แต่ว่าเอามาใช้จริงๆ แล้วใช้ไปแค่ 2 ล้าน แล้วได้ข้าวมากมายก่ายกอง ได้พืชอย่างอื่น ได้อ้อย ได้มัน นั่นล่ะครับก็ปลูกให้เห็น เพราะฉะนั้นก็เอาเท่านี้ล่ะ สารคดี พูดวิชาการมากไป
ท่านสมาชิกในสภาเมื่อคืนท่านนั่งคุยกับผม คุณสมัคร พูดไปเถอะ อธิบายความไปเถอะ บอกว่า เรื่องวิชาการ เรื่องงานที่ทำ เล่าไป ผมก็บอกว่าต้องพอสมควรแก่เหตุ ต้องมีอย่างโน้นอย่างนี้สลับบ้าง ท่านบอกว่าคุยไปเถอะเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องอะไรต่างๆ บางเรื่องบางอย่าง โอ๊ย กำลังดำเนินการ กำลังจะไปเจรจาความกับเขาครับ รายละเอียดที่เราจะเป็นโครงการไปหมดแล้วครับ แปลเป็นไทย เป็นภาษาของเขาอยู่นั่นแล้ว อีก 2 วันก็จะไปเจรจาความ เขามีเครื่องมือทันสมัย อย่างที่ว่าจะขุดลอกคูคลองหนองบึง โอ๊ย ท่านสมาชิกเปิดเท่าไหร่ก็ไม่มี ไม่มีหรอกครับ เพราะว่าตอนที่เข้ามาเนี่ยก็เข้ามาทำงานอยู่ 4 เดือน และระหว่าง 4 เดือนนี่ก็นั่งประชุม ก็มีปัญหาเรื่องน้ำ ก็ตัดสินใจถึงโครงการน้ำ เขาบอก 12 ปี ก็มี 3 ปี เขาทำไว้หมดแล้วครับ ความคิดของเรากับความคิดของเขาถูกตรวจสอบโดยราชการประจำทำให้เสร็จหมดแล้ว แต่ผมบอกไม่ได้ 12 ก็ 12 ไป 3 ก็ 3 แต่ว่า 1 ปี คือว่าในปีนี้ที่จะต้องทำทันทีคือการขุดลอกคูคลองหนองบึง พอตรวจสอบเสร็จหาเจ้าภาพไม่ได้ ตั้งไว้ 2 ล้าน พอตั้งแล้วบอกหาเจ้าภาพจะทำไอ้อย่างว่าไม่ได้ ผมไม่มีวันยอมเรื่องพรรค์อย่างนี้เลยครับ หาเจ้าภาพไม่ได้ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเอง จะเป็นการขุดลอกแห่งประเทศไทยอะไรก็ตั้งขึ้นมา เป็นการเฉพาะกิจอะไรก็ตั้งขึ้นมา เพราะว่าไอ้เรือขุด กรมชลประทาน 70-80 ปี ซื้อเรือขุดมา ไอ้สะพานต่างๆ นี่ต้องสร้างโค้งให้เรือขุดลอดนะ รอบกรุงเทพฯ มีสะพานต้องโค้ง เรียบไม่ได้ เพราะเรือขุดผ่านไม่ได้ ไม่มีแล้วครับ ไม่ซื้อมาแล้ว
บัดนี้ไอ้คนที่เขายังขุดยังลอกยังทำ เครื่องไม้เครื่องมือเขามีอยู่ คนอยากมาลงทุนทำธุรกิจมีครับ คนอยากให้กู้เงินมาทำงาน มีครับ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่อะไรนักหนาหรอกครับ ก็กู้เงินเขามาบ้าง มาพัฒนาแก้ไข ต้องกู้ครับ ถ้าอยากจะทำธุรกิจไม่ไปออมสิน ไม่ขอกู้เงินมาลงทุน แล้วเมื่อไหร่มันจะได้เริ่มต้นล่ะครับ อยากจะขายก๋วยเตี๋ยว อยากจะขายข้าวเหนียว เขาจะให้กู้เงิน เขามีเงินให้กู้มาทำก็ได้ มีคนเชื่อเครดิตไปทำ แล้วบอกไม่เอา เป็นหนี้ ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ตาม ไม่ได้ไปทำงุบงิบยังไงนี่ คนทั่วบ้านต้องตรวจสอบ แต่ที่บอกกันไว้ก็คือว่ามันไม่อยู่ในเล่มงบประมาณครับ ไหนล่ะอยู่ไหน เคราะห์ดีผมก็แถลงไว้ล่วงหน้า แถลงไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไรยังไงแค่ไหน โดยอยู่นอกงบประมาณครับ ก่อนจะเข้ามาก็ต้องได้รับรู้ต่างๆ ต้องผ่านความรับผิดชอบ ที่จะทำทันทีเนี่ยนะ คือจะขุดลอกคูคลองหนองบึงทั้งหมด ซึ่งถ้าไปถามว่าจะให้ใครขุด จะเอาสตางค์ไปใส่มือ ไม่ได้หรอกครับ จนป่านนี้ ยังไงก็ไม่ได้ ไม่มีทางสำเร็จ แต่ผมจะทำให้สำเร็จ โดยจะใช้ ฟังให้ดีนะ คือตั้งแต่ข้างบนมาเลยครับ ตั้งแต่กว๊านพะเยา บึงศรีไฟ กว๊านพะเยาที่พะเยา บึงศรีไฟที่พิจิตร บึงบอระเพ็ดที่นครสวรรค์ ใหญ่ๆ โตๆ ทีไหนตื้นเขิน ขุดหมดครับ ทางอีสานกี่บึงกี่บอนขุดหมด ทางน้ำทางอะไร อภิปรายฟังในสภาเมื่อวานเขาบอกเสร็จเลย น้ำผ่านเท่าไหร่ ไหลเท่าไหร่ จะขุดหมดครับ โดยใช้เครื่องจักรกลที่เขามีใช้กันอยู่ในประเทศที่ไม่ไกลจากเรา ขนส่งมาได้ มาจัดการดำเนินการได้ รับดำเนินการได้ ทำให้เสร็จ คิดเงินเสร็จ แต่ว่าผลประโยชน์จะได้ ทำทันทีครับ
ผมไม่ใช่เอ็นจีเนียร์นะครับ แต่ลองฟังนะครับ บึงอะไรใหญ่ๆ โตๆ บอก โอ้โห มีบึง มีวัด มีข้างๆ มีสถานที่สำคัญอยู่ต่างๆ แล้วจะเอาดินไปกองที่ไหน เอาขึ้นไปยังไง จะไปบังอะไรเขาหมด บอกไม่ต้อง การขุดต้องทำ boring ก่อน ทางอีสาน 50 เมตรจึงจะเจอเกลือ กำลังนี้น้ำอยู่ 1-2 เมตรเท่านั้นเอง แต่ว่าต่อจากนี้เราจะขุดถึง 7 - 8 เมตร ท่านลองฟังผมคิดนะ ถ้าบึงใหญ่ๆ อย่างนี้ แล้วก็อยู่บ้านอยู่ช่อง มีวัดวาอารามกันหมด มันต้องมีบริเวณหนึ่งซึ่งเป็นที่โล่งว่าง จะขุดตรงปากทาง 30-50 เมตร ขุดปากทางเลยครับ ลึกสัก 100-200 เมตร สุดแท้แต่ เป็นบ่อสี่เหลี่ยม เอาดินขึ้นหมดให้มันต่ำ ขุดให้มันต่ำสัก 20 เมตรก็ได้ครับ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมใหญ่เลย พอเสร็จเรียบร้อย เรือขุดก็ลงไปอยู่ในบึงนี้ล่ะครับ แล้วก็ต่อท่อ แล้วก็เริ่มขุด วนขุดตรงกลาง ขุดวนไปให้มันลึกไป ขุดไปๆ ต้องทำให้เป็นกระทะครับ ข้างๆ จะได้ไม่พัง ไม่ใช่ขุดเซาะลงไปแล้วเป็นสี่เหลี่ยม อยู่ไม่ได้ครับ พังลงมาหมด มันต้องอย่างนี้ครับ ลึกอยู่ตรงกลาง ลึกมาก แล้วก็ขึ้นๆๆๆ เป็นกระทะใบใหญ่ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ตัวที่จะเก็บน้ำ เคยมีอยู่ 1 เท่า ก็จะเป็น 7 เท่า 8 เท่า น้ำที่ต้องไหลไปไหนก็จะต้องลงที่นี่ ไม่ว่าจะบึงไหนทั้งสิ้น ระบบที่ชลประทานส่งไปที่ไหนยังไง ก็ยังเป็น ส่งไป แต่ไม่ใช่ว่า 4 เดือนแล้วน้ำแห้งไปหมด แตกระแหง ถ่ายรูปมาให้ดูกัน
การขุดลอกอย่างนี้ก็แปลว่า ทำให้ถึงหน้าแล้งแล้วน้ำก็ยังอยู่ น้ำ 100% ลดเหลือ 50 ใน 4 เดือนน้ำ 50% ก็ใช้ได้ พอฝนลงมาก็เติมอีก นี่ล่ะครับช่องทางน้ำที่ไหลผ่านจะขุดจะแคบ ฟังอภิปรายในสภาก็รู้เลยครับ คนที่รู้ดีคือ ส.ส.ที่อยู่ในท้องถิ่น ก็จะรู้ว่าตรงไหนแคบ ตรงไหนกว้าง ตรงไหนควรขุด ตรงไหนไม่ขุด เขาจะเป็นคนชักนำไป แล้วผมนี่ล่ะครับ เป็นหัวหน้ารัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบ เขาพูดกันเนี่ย "น้ำคือชีวิต" แหมใช้กันแน่นหนา น้ำคือชีวิต ผมเห็นด้วยครับ น้ำคือชีวิต หาน้ำให้เท่านั้นล่ะ อภิปรายไปอภิปรายมา ตอนวุฒิสมาชิก ท่านพูดถึงเรื่องตะกอน ตะกอนสะสม ผมบอกว่า ถ้าคิดตะกอน กลัวตะกอน ก็ไม่ต้องหาน้ำ น้ำไหลมาไปกั้นไว้ก็กลัวตะกอน อู๊ย วิชาการออกมาก็รับฟังได้ครับ แต่คนหาน้ำ น้ำเพื่อชีวิต ต้องทำครับ ผมจะทำแน่นอน และจะดำเนินการ และผู้คนที่อยู่ได้พบ ได้พบปะ เขายืนยันว่า คือถ้ามีเจ้าภาพเท่านั้นล่ะ ลงมือทำได้แน่นอน จะระดมเครื่องจักรกลทุกชนิด จะนอกจะใน จะต้องใช้ปัจจัยยังไง จะขุดลอกหมดครับ กลัวอยู่อย่างเดียวเท่านั้นล่ะ พวกวิชาการ วิชาเกินทั้งหลาย กลัวจะมายับยั้งไม่ให้ทำ ไม่ให้ขุด นิเวศวิทยา ผมกลัวอย่างนี้เท่านั้นล่ะ แต่เอาล่ะครับ ต้องได้เจอกันแน่ เจอกันแถวๆ ริมบึง ที่ไหนก็แล้วแต่ เอามาค้านดูว่าเป็นยังไง เสร็จแล้วจะได้ลากมาออกโทรทัศน์มาพูดจากันเลยเอ้า คุณค้านทำไม เขาทำอย่างนี้เพื่อต้องการอะไรยังไง ก็แวดล้อมนะครับ เขาก็เคารพนับถือพวกสิ่งแวดล้อมกันนะ ผมก็ชอบปากไม่ดี ปากคัน ไปว่าเขาแวดล้อมทุกสิ่ง ก็แวดล้อมจริงๆ น่ะ แวดล้อมโน่น แวดล้อมนี่ ไอ้โน่น ไอ้นี่ ทำไม่ได้ๆ จนป่านนี้ ยังทำไม่ได้หรอกครับ แวดล้อมทุกอย่าง ก็ต่างคนต่างทำงานครับ แต่ผมมีหน้าที่จะต้องทะลุทะลวง เอาให้บ้านเมืองนี้มีที่เก็บน้ำให้มากขึ้น มีทางให้น้ำไหลมากขึ้น น้ำจะอยู่ฟากโน้นจะไหลมาฟากนี้ ดำเนินการครับ ไอ้ดุเดือดเลือดพล่านเขาบอก 12 ปี คุณว่าไป แต่ผมเช็กดูแล้วทางจีนบอกว่า 5 ปี ไปออกชื่อเขา เอ้า เขาขุด เขาทำน่ะ เขามาแสดงให้ดู เขาบอกทำอย่างนี้ล่ะ ของเราบอก 12 เขาบอก 5 อย่างนี้บอก 3 ปี 3 ปีอาจจะเร็วกว่า 3 ปีก็ได้ น้ำอยู่ฟากโน้น ไม่ใช้แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำไป ก็เราจะขอใส่ท่อลอดมามันเป็นยังไงครับ แหม ผมไม่อยากใช้สำนวน จะบอกว่าพูดจาหยาบคาย ถ้าสำนวนชาวบ้านเขาบอกว่า เอาน้ำที่เขาจะทิ้งลงแม่น้ำแล้วน้ำดีจากท้ายเขื่อน แล้วลอดลงมาส่งมาประเทศไทย ถ้าทำอย่างนี้มันทำได้ ลอดได้ เอาน้ำมาใส่ประเทศไทย ใช้น้ำได้ จะทิ้งแม่น้ำไปเนี่ย "มันหนักกบาลหัวใครครับ" ผมจะถามคำเนี้ย มันหนักอะไรใครยังไงครับ มันก็ออกจากท้ายเขื่อน 17 กิโลฯ ออกจากเขื่อน เขาก็ลงทิ้งน้ำโขงไป เราจะขอว่าตรงที่เขาจะทิ้งน่ะมันสูง ทางเรามันต่ำกว่า ขอทำท่อใส่ท่อลอดมาเลย แล้วก็มาเข้าไทย ไทยก็จะได้ใช้ทางนี้ มันเพื่อนบ้านกันน่ะครับ โหย หนึ่ง..ไม่ได้ สอง..ไม่ได้ สาม..ไม่ได้ อนาคตเขาจะสร้าง แต่ไอ้อันเดียวข้างล่างเนี่ยน้ำมันเยอะครับ อธิบายให้ฟัง ผมไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ริมเขื่อนตรงนั้นล่ะครับ ประเดี๋ยวต้นไม้ก็ผลุงขึ้นมาๆ เอ๊ะทำไม ก็เอาเลื่อยลงไปตัดข้างล่าง เพราะอะไร เพราะยังไม่ทัน rooting ยังไม่ทันจะถอนมา ก็กะว่า 2 ปีเสร็จ น้ำจะมา 6 เดือนน้ำมาเต็มหมด ต้องดำลงไปถอนไปตัด นั่นล่ะครับที่เขื่อนน้ำงึม แล้วน้ำงึมนี่ล่ะครับเขาใช้น้ำของเขา เขาทำผลิตอะไรของเขา มันต้องปล่อยน้ำลงมา แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำโขง แล้วจะขอไอ้น้ำที่ปล่อยนั่นล่ะครับ น้ำจากเขื่อนเขาทำไฟฟ้าเสร็จปล่อยลงมา ก็ขอลักลอดเอาทำท่อลอดใต้แม่น้ำ มาขึ้นประเทศไทย แล้วมันยังไงล่ะครับ มันเป็นยังไง แน่นอนครับ ผมต้องไปพบกับท่านผู้นำประเทศลาว ก็รู้จักกันอยู่ครับ เจอกับท่านหลายหนว่าจะต้องพูดจากัน แล้วก็ เราก็บอกเราขอ เขาคงไม่ขายหรอกครับน้ำเหลือใช้พรรค์อย่างนั้น มันพอไหวครับ พอไหวๆๆ
เอ้า สารคดีอย่างเดียว บอกโอ๊ย อย่าพูดวิชาการ วิชาเกิน ให้มันมากมายเกินไป เรียนตรงนี้ครับ เดี๋ยวจะมี 2 อันที่ตั้งใจไว้ วันที่ 26 23 วันจันทร์ 24 อังคาร 25 พุธ 26 พฤหัสฯ โห ออกโทรทัศน์ไม่ได้ 26 ยังไงครับ เช้าๆ เขาเผายาเสพติด ผมก็ให้ท่านรองนายกฯ สหัส ไปช่วยดูแลเขาจัดการไป เรื่องงานต่อต้านยาเสพติดโลกนะครับ 26 มิถุนาฯ เอ้า ตามประวัติศาสตร์ 200 ปีก่อน คนดังของไทยขึ้นระดับโลก ก็สุนทรภู่ สุนทรภู่ครับ ติดอันดับโลกเลยเชียวครับ แหม ชื่อเสียงโด่งดัง แปลว่ายังไง แปลว่างานสุนทรภู่นั้นเป็นงานกลอนเป็นส่วนใหญ่ มีโคลงบ้าง มีกลอนบ้าง ทีนี้เวลาสุนทรภู่ แหมถ้าตรงวันอาทิตย์ผมก็อยากจะได้ทำรายการ "สนทนาถึงสุนทรภู่" ฝากใครต่อใครไป ผมพูดหลายหนนะในวงสัมมนา แต่ว่าไม่ได้ คือเรามันไม่ค่อยสันทัดเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เท่าไหร่ แต่ไปอ่านแล้วพวกนักกลอนเขาก็บอก ถ้านอนเปล่าก็เศร้าใจ เรามันไม่ใช่นักกลอนโด่งดักนักหนา แต่อ่านกลอนสุนทรภู่แล้ว บอกวันที่ 26 เขาไปสัมมนากันที่วัดเทพธิดา ที่อะไรต่างๆ สุนทรภู่เนี่ยท่านเป็นคนเกิดรัชกาลที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ท่านอายุยืนมาเนี่ยนะ แล้วความเปลี่ยนแปลงของท่านก็คือว่า ท่านเขียนกลอน เขียนลงบนกระดาษนะ กระดาษสาที่พับไปพับมาเป็นสมุดข่อย แล้วท่านก็เขียน แล้วก็เอามาพิมพ์ การถ่ายทอดพิมพ์ แล้วกลอนสุนทรภู่นั้นที่ดังจริงๆ ก็เรื่องพระอภัยมณี อ่านแล้วก็ต้องคิด เราก็อ่านแล้วก็ โอ๊ย สุนทรภู่ทำไมคิดได้อย่างนี้นะ คือว่าคนดังเขาชื่อจูน สเวล จูน สเวล เขาเป็นคนดังของต่างประเทศนะ เขาเขียนนวนิยาย 150 ปีครับ เขาเขียนหลังสุนทรภู่ สุนทรภู่เขียนก่อนประมาณ 30 ปี เขียนทัศนคติอย่างเดียวกัน ไอ้เรือดำน้ำต่างๆ เสกไปโน่นไปอะไรต่างๆ เรือ กัปตันเนโม เรื่อง ทเวนตี้ ทาวซันด์ ไมล์ อันเดอร์ เดอะ ซี อะไรต่างๆ เป็นเรื่องที่มันคาดคิดว่าอนาคตจะเป็นยังไง สุนทรภู่ก็เขียนอย่างนั้น ไปอ่านดู ก็เออ ท่านจับผสมผสาน ผมนั่งดูก็ดูว่า ถ้าดูภาพ 150 ปีประเทศไทย เขายังถ่ายภาพ โอ๊ย เรือสำเภาจอดเป็นแถวเลยครับ หน้าวัดแจ้งนะครับ หน้าวัดอรุณราชวรารามเนี่ย เรือสำเภา 3 เสา 4 เสา ไอ้ความโบราณ แล้วย้อนลงไปสิครับ ตอนสุนทรภู่ยังเป็นอาลักษณ์ขี้เมา แล้วยังเขียนอะไรต่างๆ นั้น ท่านต้องได้อะไร
เขาก็บอกว่า ไอ้เรื่องอาหรับราตรีพันหนึ่ง สุนทรภู่ต้องได้เคยสนทนากับผู้คนที่เป็นกลาสี ต้องมีคนที่มันต้องพูดต้องแปลความ ต้องได้เค้าโครงจากทางพวกยุโรปแล้วก็เอามาเขียน แล้วก็ดัดแปลงเป็นเรื่องพระอภัยมณี โอ้โห พระอภัยมณี นึกถึงพระอภัยมณี เมื่อ 2-3 วัน ปี่พระอภัยฯ หลายวัน ปีหายครับ พระอภัยมณีปี่ถูกขโมย อีก 2-3 วันก็ถูกเอาไปทิ้งไว้ในกองขยะ โอ๊ย ต้องทำพิธีกัน ต้องแห่ มีรถ ต้องอัญเชิญปี่ไปติด ต้องอ๊อกเลยต่อไปนี้ เก่าเขาเสียบไว้ยังไงไม่ทราบได้ พระอภัยมณีเป่า ผมก็ว่า โอ เขาถึงพระอภัยมณีเมื่อวันที่ 26 เขาเอากลอนของสุนทรภู่มาดัดแปลงอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เมารักแต่เราเมารัก เขาก็เขียนกลอน คือเขียนกลอนล้อสุนทรภู่ ผมไม่กล้าล้อหรอกครับ ผมไม่กล้าล้อแต่ว่าผมอยากจะคิด คืออ่านกลอนแล้วก็คิด ผมคิดมาหลายเวทีแล้วนะ วันนี้มีเวลาพอสมควร การบ้านการเมืองไม่ได้ตึงเครียดอะไรนักหนา ก็เลยคิดถึงกลอนสุนทรภู่ คือท่านทั้งหลายลองคิดดูนะครับว่า ไม่ใช่ไปจับผิดท่านนะ ผมสงสัยว่าไอ้คนคัดลอกน่ะมันคัดลอกถูกหรือเปล่า จะถามท่าน ท่านก็ล่วงลับไปแล้ว 200 ปี ก็ไม่ได้ คือที่กระทรวงศึกษาฯ เอาไปทำอาขยาน ผมใช้งานบ่อยครับ กลอนอันนี้ของท่าน เนี่ยเป็นต้นฉบับในการสอนให้เขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน คือเขียนว่า คือตรงที่ว่า อาขยานคืบนี้นะครับ สุดสาครตกเหว ไอ้ชีเปลือยนะฮะ ชีเปลือยก็ผลักตกเหว แล้วก็เอาม้ามังกรไป
ทีนี้ก็ ในตรงนี้ อาขยานเขาพูดกันใครๆ ก็จำได้นะครับ ไม่ใช่ผม คนอื่นก็จำได้ที่บอกว่าตกไปอยู่ก้นเหว แล้วพระโยคีก็มาช่วย พระฤๅษีมาช่วยเอาขึ้นไป บอก "บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต" ตรงนี้ล่ะครับ ผมมานั่งอ่าน เออ มันคัดมาถูกหรือเปล่าเนี่ย คือว่าที่ทางภาพที่เห็นน่ะก็คือว่า สุดสาครน่ะตกนอนอยู่ก้นเหว แล้วก็เสียงหง่างเหงงวังเวงแว่ว เสียงระฆังมา สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา กลอนสุนทรภู่นี่เพราะครับ โอ้โห สัมผัสนอก สัมผัสใส บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต ผมข้องใจตรงนี้ว่าเอ มันคัดมาถูกรึเปล่า ทำไมมันพุ่งออกมา พุ่งออกมาตรงไหน สุดสาครนอนอยู่ก้นเหว พุ่งออกมาจากถ้ำรึ พุ่งออกมาตรงไหน โยคีขี่รุ้งเนี่ย ไอ้รุ้งทำไมมันจะไปอยู่ตรงก้นแล้วออกมา ผมก็คิดง่ายๆ ว่า น่าจะเป็นว่า เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งลงมา พุ่งลงมาถูกมั้ย แล้วประคองพาขึ้นไปยังบรรพต นี่ก็วิพากษ์วิจารณ์วรรณคดี มีเหตุผลมั้ยครับ ผมถึงอยากจะดู ยังหาโอกาสไปดูสมุดข่อยต้นฉบับไม่ได้ว่า เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา หรือว่าสุนทรภู่เขียนไว้ถูกต้องว่าพุ่งลงมา ไอ้ลงกับออกมันก็ห่างกันนะ ถ้าบังเอิญก็คิดดูว่า ถ้าหากว่าเขียนว่าโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ถ้าผมเจอท่านสุนทรภู่ ผมจะถาม แล้วท่านสุนทรภู่ทำไมพุ่งออกมา ออกมาตรงไหน ออกมาจากถ้ำใต้ที่สุดสาครนอนเหรอ แล้วจะประคองพาขึ้นไป โยคีขี่รุ้ง ขี่รุ้ง รุ้งมันไม่ได้อยู่ใต้ดินนะ รุ้งมันอยู่ข้างบนนะ อย่างนี้ถ้าเจอสุนทรภู่ก็ต้องคุยกันสนุกล่ะครับ ก็วานสมาคมนักกลอนนะ เขาก็ไม่ค่อยหยิบประเด็นนี้มาหรอกครับ ก็นึกถึงสุนทรภู่ปีนี้ ยังมีอีกนะฮะ ยังมีอีกครับ เพราะว่าเป็นเรื่องปรำปรา พูดจาท้าทายอะไรกันต่างๆ เห็นมั้ยฮะ นี่ข้อสังเกตของผมนะ นี่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์พอสนุก คือต่อไปเขาบอกว่า สอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นพึงเจรจา แม้นใครรักรักบ้างชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
สุนทรภู่นี่ก็เกือบ 200 ปีนะครับ เขียนตรงนี้ แต่ลอร์ดบาเดน พาเวลล์ 70-80 ปี อาจจะกว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงเอางานของลอร์ดบาเดน พาเวลล์ คือลูกเสือ คือ Boy scout ท่านก็เอามาในประเทศไทย ลูกเสือเนี่ยสถิตสถาพรในประเทศไทย อ่อ วันนี้วันที่ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ 31 นี่ล่ะครับ วันลูกเสือแห่งชาติ วันลูกเสือแห่งชาติต้องไปเดินสวนสนามกัน เห็นมั้ยครับ ลูกเสือเนี่ยเขาวันทยาหัตถ์ เขาต้อง 3 นิ้ว แล้วเขาจะต้องบอกเลยว่า เขาต้องช่วยคนอื่นนะลูกเสือเนี่ย ลูกเสือต้องช่วยคนอื่น ตกน้ำลูกเสือต้องโดดน้ำ ต้องว่ายน้ำเป็นนะ ต้องช่วยคนอื่นก่อน ก่อนจะช่วยชีวิตตัวเองนี่ต้องช่วยคนอื่นก่อน นี่ถ้าลอร์ดบาเดน พาเวลล์ มาอ่านสุนทรภู่บอก เอ๊ย คุณสุนทรภู่ว่าอย่างนี้ได้ยังไง รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา ถูกต้อง แต่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ก็คนเอาตัวรอดหมด วิชาลูกเสือเกิดไม่ได้หรอกครับ ลูกเสือมันต้องช่วยคนอื่น อ้าว เห็นมั้ยฮะ
มีอีกอัน ฝากไปหลายครั้งเขาก็ไม่รับฝาก คือสุนทรภู่ตอนที่ไปบวชอยู่ที่วัดราชนัดดา วัดเทพธิดาครับ ข้าง กทม.เนี่ย เดินทะลุออกหลัง กทม.ได้ มีกุฏิฮะ กุฏิสุนทรภู่ เขามีกาต้มน้ำ เขาทำเขาเก็บไว้นะฮะ ว่าสุนทรภู่มาบวชอยู่ที่วัดนี้ แล้วเขียนหนังสือพิราบ รำพันพิลาบ ก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษา ก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษา เนี่ยเป็นเรื่องที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับว่า คนเราเนี่ยมันจะต้องยังไงๆ ตื่นเช้าต้องล้างหน้า ต้องอะไรต่ออะไรต่างๆ แล้วจะบอกว่า วันจะแต่งตัวแต่งยังไง สีตามวัน สีตามวันนะ แล้วสุนทรภู่เขียนสวัสดิรักษาว่ายังไงครับเนี่ย สีตามวันของไทย ของฝรั่งตรงกันนะ วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว วันพฤหัสฯ สีแสด วันศุกร์สี ไม่หมอกก็สีฟ้า แล้วก็วันเสาร์ก็สีดำ เห็นมั้ยครับ เขาเชื่อกันอย่างนี้ ฝรั่งก็อย่างนี้ แต่ไปถามกรมศิลปากรสิครับ กรมศิลปากรเนี่ยอ่านสวัสดิรักษา เพราะงั้นเมื่อเวลาที่เล่นอะไรที่เกี่ยวกับสี 7 วัน กรมศิลปากรทำตามสวัสดิรักษาสุนทรภู่ แต่ว่ามันไม่ตรงกับความเชื่อกำลังนี้นะครับ ผมก็ไปเสาะหาว่ามันยังไง สวัสดิรักษา เขียนอย่างนี้ครับ อนึ่ง ภูผาผ้าทรงณรงค์รบ มีให้ครบเบ็ดเสร็จทั้งเจ็ดสี วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล ตรงนะ วันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว นวลขาว-เหลือง เหมือนกันนะ จะยืนยาวชันษาสถาผล แต่งสีเหลืองแล้วอายุยืน อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน ก็ยังม่วง คือม่วงอ่อนๆ ก็ชมพูล่ะครับ อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัติยาไม่ราคี วันพุธสีเขียว วันพุธทสีเขียวตามที่สอบมาคนโบราณเล่าต่อกันมาเขาบอกสุนทรภู่ท่านเป็นอาลักษณ์ขี้เมา เวลาท่านเขียนไว้ก็เขียนลงกระดานชนวน เขียนแล้วก็ มาบันทึกลงสมุดข่อย เขาว่าท่านเมาฮะ เขียนวันอังคาร อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัติยาไม่ราคี พอถึงวันพุธท่านเขียนตอนเมาบอกว่า วันพุธดุษฎีด้วยสีเขียว ไปยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน อ้าว ลูกศิษย์เห็นปั๊บก็ลอกไปทันทีเลย ก็ใช้สีเขียว สุนทรภู่ตื่นขึ้นมาก็ อ้าว เขียนอย่างนี้ได้ยังไง วันพุธดุษฎดีนุ่งสีเขียว ยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน ก็ลบออกสิครับ ในสวัสดิรักษาจริงๆ วันพุธไม่ใช่สีเขียวนะครับ วันพุธดุษฎีด้วยสีแสดครับ กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี พฤหัสฯ จัดเครื่องเขียวเหลืองดี เห็นมั้ยฮะพฤหัสฯ เขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม น่ะสีเทา สีฟ้า วันเสาร์ทรงดำดูล้ำเลิศ จะประเสริฐเสี้ยนศึกให้นึกขาม ทั้งภาคีขี่ขับขยับงาม ต้องให้ตามสีวันจะกันภัย
ไปดูศิลปากรเล่นอะไรถ้าเกี่ยวกับ 7 สี วันพุธจะต้องเป็นสีแสด แล้ววันพฤหัสฯ ถึงจะเป็นสีเขียว-เหลือง แน่นอนเลยครับ กลอนสวัสดิรักษายังพิมพ์ให้อ่านกันอยู่ แต่ถามสิครับว่าสุนทรภู่บอกวันพุธดุษฎีด้วยสึแสด แล้วทำไมคนไทยทั้งประเทศใช้สีเขียวกัน เรื่องนี้ไม่เจอสุนทรภู่นะ ก็เลย รำลึกถึงท่านนะครับ นึกถึงท่านก็เอามาเล่าให้ฟังอย่างนั้นเอง แต่ว่ากลอนสุนทรภู่นั้น แหม ท่านเขียนสัมผัสซะจนกระทั่งเจ้านายรับสั่งไว้ว่า เบื่อสัมผัส เบื่อสัมผัสของสุนทรภู่ แต่ว่าท่านสัมผัสยอดจริงๆ นะครับ คือสัมผัสแล้วต้องเป็นความภาคภูมิใจเลยว่า บทสัมผัสของเรา ของกลอนแปดของเรา ถ้าเทียบกับกลอนฝรั่งแล้ว โอ๊ย ฝรั่งหลุดไปไกลเลยเชียวครับ ไหนดูซิเขาว่ายังไง อ๋อ ไม่มี 31 อ้าว วันนี้ 29 วันจันทร์ก็ 30 ไง วันที่ 1 ผมก็บอกว่าถัดจากวันจันทร์ไปแล้วมันก็ถึงวันที่ 1 อ๋อ มีคนเขาเตือนมาว่าผมพูดผิดเหรอครับ ถ้าผิดก็ขออภัยฮะ เพราะว่า ก็วันนี้ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ก็วันที่ 1 ความจริงก็ถูกต้อง ผมว่าผมจำได้ว่าผมพูดอย่างนี้นะว่ามะรืนนี้ก็วันที่ 1 ก็แปลว่าไม่มี 31 โห ท่านผู้ฟังผมถี่ถ้วนจริงๆ เมื่อสักครู่นี้วันลูกเสือ เดือนมิถุนาฯ มี 30 วัน ไม่มี 31 โอ๊ย โอเคๆ เลยสะดุดหมดเลยกำลังนี้ นึกว่าเรื่องสำคัญอะไรแค่ไหน อ่อ
ว่าจะเล่าให้ฟังให้จบประเด็นซะหน่อยครับว่า กลอนสุนทรภู่เนี่ย คือว่า เวลาที่เราพูดถึงเนี่ย เราต้องเปรียบเทียบให้ดูได้ว่าเป็นยังไง ถามว่ากลอนฝรั่ง อ๋อ แน่นอนครับกลอนฝรั่งเขามีสัมผัส แต่สัมผัสฝรั่งเนี่ย มันสัมผัสนิดหน่อย สัมผัสอย่างเสียไม่ได้กลอนฝรั่งเนี่ย แต่กลอนสุนทรภู่เนี่ยเชะๆๆๆ เอ้าเทียบให้ดูหน่อย ตัวอย่าง มีบทกลอน ฝรั่งเขาเขียนเรื่อง The Wreck แปลว่าทำลาย The Wreck of the Hesperus ก็แปลว่าเรือที่มันอับปาง เรือ Hesperus ที่อับปาง ฝรั่งเขียนอย่างนี้ครับ Wreck of the Hesporous, That sailed in the wintry sea, And the skipper had taken his little daughter, To bear him company. เห็นมั้ยครับ Sea กับ Company สัมผัสแค่เนี้ยล่ะครับ
อีกท่านเขาบอกว่า Blue were her eyes as the fairy-flax, Her Cheeks like the dawn of day, And hter blossom white as the hawthoorn buds, That ope in the month of May. เห็นมั้ยมันสัมผัสกันแค่ 2 คำเท่านั้นเอง เอาอีกท่อนนึงบอกว่า The skippe he stood beside the helm, With his pipe in his mouth, Wathced the scaling of the wind, The smoke now West, now South. เห็นมั้ย Mouth กับ South เท่านี้ล่ะครับ เอาเนี่ย 12 บรรทัด ฝรั่งสัมผัสแค่ 6 จุดเท่านั้น แล้วดู 12 บรรทัดของสุนทรภู่สิครับ ว่า บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว แหม บรรทัดเดียวสัมผัสในตัว เขาเรียกสัมผัสในนะ สะดุ้งแล้ว นี่สัมผัสนอกนะ สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ทั้งรุ้งทั้งพุ่ง ประคองขึ้นไปยังบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นพึงเจรจา 12 บรรทัดนะ โอ้โห สุนทรภู่สัมผัสหน้า สัมผัสหลัง สัมผัสนอก สัมผัสใน ต้องบอกว่าเจ้านายพระองค์หนึ่งท่านเบื่อสัมผัส ท่านบอกท่านเบื่อ เบื่อสัมผัสของอีตาภู่ ก็เป็นความสนุกของคนโบราณนะฮะ
เขายกป้ายแล้วก็ควรจะตอบคำถามหน่อย วันนี้ก็ไม่มีอะไรรีบร้อนรีบเร่งนะ คุณสมศักดิ์ จากกาฬสินธุ์ อยากให้ท่านนายกฯ ช่วยดูเรื่องปุ๋ยที่ประกาศใช้ ต้นปี 2551 ช่วยดูว่าจะทำยังไงถึงจะเหมาะสมกับประเทศเรา
- โหย สงสัยจะตื่นสาย เพิ่งคุยไปเมื่อกี้จบๆ นะครับ ว่ากำลังจะส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยออร์แกนิก ในประเทศไทยผลิตแล้วนะครับ เนี่ยโรงงานอยู่เมืองกาญจน์ 2 โรงเนี่ย ปุ๋ยออร์แกนิกเขาไม่ได้เอามาเป็นกองๆ อย่างของเรา เป็นกระสอบแล้วเอาไปสาด เป็นเม็ดครับ ปุ๋ยชีวภาพแต่ทำเป็นเม็ด แต่เขาเติมเคมีลงไปด้วย ปุ๋ยเคมีด้วย แต่มันไม่ได้แพงแบบปุ๋ยเคมี อย่างเขาเอาไปใส่ข้าวกันเนี่ยนะ ตันนึงเขาขาย 10,800 ราคายุติธรรมนะ แต่เขาบอกถ้าต้องการถูกนะ ให้ซื้อทีละคันรถ ถามคันรถเท่าไหร่ 15 ตัน ขายเท่าไหร่ล่ะ ตันละ 8,000 ถ้าซื้อรวมกัน 15 ตัน ซื้อเป็นคันรถ ขาย 8,000 ซื้อขายปลีกขายตันละ 10,800 เห็นมั้ยฮะถูกไป 2,800 นี่คือสิ่งที่เราได้ค้นพบ เราได้พบว่าเมื่อเวลาของเคมีมันแพงแล้วไม่อยากให้ใช้ แต่ทางนี้เขาผลิต ตามไปเลยครับ เขาผลิตขายต่างประเทศ คนไทยไม่นิยมปุ๋ยอินทรีย์ นิยมปุ๋ยเคมี ผมถึงย้ำว่าจ่ายไป 4,000 กว่าล้าน เพื่อบอกให้คนไทยรู้เท่านั้นว่า เข้ามาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันเถอะ นี่ล่ะครับ โรยลงไปแล้ว 7 วันมันถึงจะเขียว แต่ว่ามันทำให้ดินดี แล้วผลิตผลออกมามากกว่าปุ๋ยเคมี จะเชื่อไม่เชื่อก็ต้องว่ากันต่อไป เรื่องปุ๋ยเป็นเรื่องใหญ่นะกำลังนี้
อยากให้รัฐบาลผลิตปุ๋ย พอปีหนึ่งก็จ่ายให้ประชาชน
- เขาตั้งโรงงานครับ ผมนี่จะตามไปดูนะ ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ย เขาบอกว่าจังหวัดละโรง ทำไม่ได้ไม่สำเร็จ จะดูซิว่าทำไมของไอ้คนต่างประเทศโรง กับคนไทย 2 โรง ส่งออกนอก แต่เขาเดือดร้อนว่าปุ๋ยมันมาจากนอก ปุ๋ยเคมีมันแพง เขาถึงมาร้องทุกข์ผม แล้วบอกมี 5 เสือ ผมก็บอกเอาล่ะจะทำให้ 6 เสือ 7 เสือ แต่ซื้อมาแล้วไม่ต้องมาขายเป็นปุ๋ยเคมี แต่เอาไปผสมปุ๋ยอินทรีย์ เป้าหมายคือปุ๋ยอินทรีย์ครับ แต่ปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นเป็นความตื่นเต้น เดี๋ยวจะเอามาถ่ายให้ดู ก็ต้องสนับสนุนเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องดูทั้งสองอย่าง มีเวลาต่อไปข้างหน้านี่ก็จะดูเรื่องปุ๋ย เพราะว่าเป็นหัวใจของการผลิตนอกจากน้ำ แต่ท่านอธิบดีท่านบอก ต้องเรื่องน้ำ เรื่องดิน เรื่องพันธุ์ เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ท่านเป็นนักวิชาการนะครับ
คุณมณฑล กทม. สนามบินดอนเมืองมีพื้นที่ว่างอยู่ ควรใช้ประโยชน์ก่อสร้างสถานที่ราชการดีกว่า
- โอ๊ย ไม่ล่ะครับ คือไม่ได้ไปเกี่ยงไปเเถียงอะไร พยายามกำลังนี้ทางโน้นก็แน่นครับ ทางนี้กำลังจะถามว่า ทางนี้จะมามั้ย กำลังเจรจาความกันอยู่นะครับว่า ไอ้ที่เขาเรียกว่า Domestic คือภายในประเทศ จะมาอยู่มั้ย ที่ต้องการสะดวกต่อเลยก็มี มี 10 ไฟลท์ เอาไว้ทางโน้น 5 ทางนี้ 5 สำหรับไปเชียงใหม่ ไปภูเก็ต ไปเชียงราย ไปหาดใหญ่ อย่างนี้ก็เอาไว้ทางโน้น นอกนั้นแล้วที่จุดหมายอื่นมาขึ้นที่นี่เลย แล้วก็ โลว์คอสต์จะมามั้ย แล้วก็ที่เขาว่าเหมาลำ แต่ก่อนไปลงที่อู่ตะเภา มาลงที่นี่มั้ย แหม เห็นแล้วเสียดายครับ ยังใช้ประโยชน์ได้ ท่านต้องไปยืนดูล่ะครับ ไม่ได้เลย ถ้าเรื่องนี้ ใครไม่กล้าตัดสินใจ ผมตัดสินใจ เพราะผมไม่มีส่วนได้เสียอะไรด้วย
คุณทองแดง ที่แล้วผมไม่ค่อยอ่านชื่อนะ คุณทองแดงนะ ขอให้นายกฯ ส่งเสริมพลังงานทดแทน เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้น้ำมัน
- โอ๊ย นี่แน่นอนครับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านี่ล่ะครับคือเรื่องที่คิดอยู่ในใจ ยังไม่อยากพูด เขาทำกันหมดแล้วที่ไหนๆ เมืองจีนก็มีขาย ฝรั่งก็มีขายครับ ต้องใช้ครับ เขาใช้แบตเตอรี่
ขอให้ช่วยดูแลปราบ คุณสมปอง ปราบหวย 12 ตัว
- หวย 12 ตัวดีกว่าเหรอครับ
ออกกันเอง 30 นาที ออกครั้ง ทำให้ชาวบ้านออกหวยทั้งวัน ชาวบ้านติดกันงอมแงม หนี้สินเยอะแยะ
- ผมจะบอกให้ฟัง ในตลาดเนี่ยออกหวยกันกลางตลาด ประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวออกๆ ผมจะทำยังไงล่ะครับเนี่ย คนไทยเขาชอบกันอย่างนั้น เอาล่ะถ้าเขาทำหวยออนไลน์ในตลาดคงจะไม่สนุกเท่าล่ะ แต่ว่า 15 วันออกทีก็พอสมควรแก่เหตุ แหมเรื่องนี้เรื่องยาวครับ พูดไปแล้วเดี๋ยวก็
คุณนิรันดร์ ขณะนี้ปั๊ม LPG ในกรุงเทพฯ ไม่มีแก๊สขายเลย กักตุนกันเดือดร้อน ไม่เป็นไร หาวิธีแก้
- ไม่ต้องแก้ล่ะครับ ก็พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด วันที่ 1 กรกฎาฯ เขาปรับปรุงราคามันก็ออกมาขายธรรมดา ต้องบอกเลยนะครับมันเป็นสันดานของไอ้คนพวกนี้ เล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ แต่อย่าว่านักเลยครับไอ้พวกกักตุน ไอ้คนที่อยากได้น้ำมันขึ้นราคาก็รีบไปเติม ก็เป็นความรู้สึกนึกคิด แต่ว่าที่ผมใช้คำว่า "สันดาน" นั้นคือไอ้คนพวกที่มันทำอย่างนี้ล่ะครับ ไอ้ไม่กี่วันนี่ล่ะครับ แล้วก็หากินกันตรงนี้ ทันซัก 1-2 วันเถอะครับ ดีไม่ดีมันหาเติมไม่ได้หยุดมันเลยวันจันทร์ วันอังคารมันก็ออกมาแล้วครับ ราคาใหม่ ไม่ได้แพงขึ้นไปเท่าไหร่หรอกครับ แต่บังเอิญเขากำหนดไว้ กำหนดล่วงหน้าเป็นครึ่งปีค่อนปีว่าวันนี้จะนั่น เป็นสันดานของไอ้คนพวกนี้ล่ะครับที่มันทำกัน ผมกล่าวหาได้เต็มที่เลย พอถึงวันอังคาร วันที่ 1 ราคาเปลี่ยนใหม่ก็ออกมา ก็มีใช้นะครับ ไม่ลำบากยากเข็ญอะไรนักหนาหรอกครับ เป็นสันดานของไอ้พวกที่ทำมาหากินแบบเอาเปรียบนิดๆ หน่อยๆ ก็เอา
อยากให้รัฐบาลประกาศชื่อ แต่คุณน่ะไม่ใส่ชื่อ อยากให้รัฐบาลประกาศเรื่องการขึ้นราคาก๊าซจะขึ้นเมื่อไหร่
- ก็จะขึ้นวันที่ 1 นี่ล่ะครับ เขาประกาศล่วงหน้าตั้งครึ่งปีแน่ะครับ ก่อนผมเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็จะต้องปรับราคา แล้วต่อไปถึงปี 52 เขาก็จะขึ้นอีกครับ แต่ว่าขึ้นแล้วมันจะเป็นประมาณ เศษ 1 ส่วน 3 ของ คือประมาณสัก 15 บาท ไม่เกินนั้น อีก 2 ปีนะ
ขอให้ราคาข้าวมีราคาสูงตามน้ำมันด้วย เพื่อช่วยชาวนา
- โอ๊ย แน่นอนครับ ผมช่วยรักษาราคาให้ชาวนา
แหม ขอประทานโทษเวลาหมดเรียบร้อย เพราะมัวแต่ไปคุยเรื่องสุนทรภู่ยาวไปหน่อย ก็ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะนะ พอมีเวลาครับ ผมทำงานให้บ้านเมืองได้ไปอีกยาวพอสมควร สุดแท้แต่นะฮะ เรื่องพรรค์อย่างนี้ เรื่องอื่นๆ ไม่คุยล่ะครับ ท่านก็รู้ว่าทำไมผมถึงไม่คุย นะฮะ ไม่จำเป็นต้องคุย รวมทั้งเรื่องใครจะให้ปรับ ครม.ยังไง ผมพูดในสภาไว้แล้ว ไม่มาพูดซ้ำที่นี่หรอกครับ พาดหัวกันเอิกเกริกใหญ่โต สั่งปรับนั่น ทางพรรคร่วมรัฐบาลสั่งบีบให้ปรับไม่ปรับ ผมก็บอกว่าคอยดูแล้วเป็นไง แหม มัน.. มันสาระแนกันจริงๆ ครับไอ้เรื่องเสี้ยมให้มันเกิดอย่างโน้นอย่างนี้ ไอ้คนนั่งเป็นรัฐมนตรีเขาต้องรู้ว่าข้างในเป็นยังไง แต่ว่าไอ้การที่ออกข่าวพาดหัวกัน ผมไม่ให้หนังสือพิมพ์มาสั่งว่าอะไรเป็นอะไรหรอกครับ ผมจะไม่ให้หนังสือพิมพ์มาพาดหัวสั่งแล้วรัฐมนตรีต้องทำล่กๆๆ ไม่ล่ะครับ ดูซิครับว่าใครจะแน่กว่ากัน เอ้าทำนายไปสิครับ จะปรับ จะปรุง จะเปลี่ยนยังไง ทำนายไปเลย แล้วหน้าแหกแล้วก็อายคนที่เขาซื้ออ่านบ้างก็แล้วกัน หมดเวลาแล้วนะฮะวันนี้ลาก่อน อาทิตย์เจอกันใหม่ สวัสดีครับ
มีคนสงสัยเขียนมาถามเลย เมื่อคืนมันอะไรกันนักหนา ก็ไหนว่าเขาเร่ง เขาอภิปราย อภิปรายกันเสร็จแล้วจะทำให้รัฐมนตรีตอบ ผมมานั่งคำนวณดูแล้วครับว่ารัฐมนตรีตอบใกล้ๆ สองยามแล้วยุ่งครับ เดี๋ยวก็ต้องปิด มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม จะให้ปลอดภัยจริงๆ ก็อธิบายความมาเยอะแล้วพอสมควรแก่เหตุ ท่านรัฐมนตรีฯ พลังงาน ท่านอยากจะตอบ ก็ตอบไป เสร็จแล้วก็ขอบพระคุณ ทีนี้พอขอบพระคุณตอนท้ายก็นึกขึ้นได้ ว่าอ้อ ท่านสมาชิกเชน ท่านมาอภิปรายงบประมาณกลาโหมแล้วท่านก็อ้างว่า แม้หวังตั้งสงบจงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ ผมเลยบอกท่านว่า จริงๆ น่ะ ไอ้ พ.พาน เขาการันต์นะ ไอ้นี่มันเป็นยานี 11 จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ เพราะมันมีต่อไปอีกว่า ศัตรูกล้ามาประจัญก็อาจสู้ริปูสลาย เป็นยานี 11 นะ 5-6 เพราะฉะนั้นคำนั้นต้องอ่านว่า แม้หวังตั้งสงบจงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ (สัน) ศัตรูกล้ามาประจัญก็อาจสู้ริปูสลาย เท่านั้นล่ะครับ แล้วก็หมดแล้วก็ขอบคุณ แล้วก็ลงมติ เรียบร้อยดีครับ เรียบร้อยดีทุกประการเลย สมาชิกก็มาโหวตกันเรียบร้อย คะแนนเสียงก็ออกมา อ้าวแล้วทำไม รัฐบาลบอกว่ามีทำงาน 316 ทำหน้าที่ไม่ได้ 10 ก็เหลือ 306 คะแนนต้องออก 306 ฝ่ายค้านอย่างมากก็ต้องไม่ลงคะแนน ไม่หรอกครับ ฝ่ายค้านสมัยนี้ทันสมัยนะครับ เขาก็ไม่ออกเสียง คือธรรมดาจริงๆ แล้วต้องเห็นชอบทั้งนั้นล่ะครับ เพราะเขาเอางบประมาณไปใช้ แต่ไม่เห็นชอบก็ไม่มีใครว่าครับ แต่ว่าก็มีคนเห็นชอบ ทั้งหมดเข้ามานั่ง คือแสดงตนน่ะหมายความว่า ในที่ประชุมน่ะมีกว่านะครับ มี 470 แต่ว่าเขาก็แสดงตนปั๊บ เขาแสดงตนแค่ 421 แล้วคะแนนออกมาก็สนับสนุนงบประมาณ 419 ก็ดีครับ บรรยากาศดี คือฝ่ายค้านก็บอกว่าสนับสนุน แต่สนับสนุนครึ่งหนึ่ง อีกท่านก็ไม่ออกเสียง เป็นบรรยากาศดีครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี
ถามว่าเป็นไง 6 วัน ก็ไม่มีอะไร ไปทำงานน่ะครับ งานในสภา ก็เรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น เมื่อวันที่ 25 ครบรอบ 1 เดือน ก็บอกให้ไปขลิบผมไฟหลานหน่อย ครบเดือน คงไม่ได้ ในสภาสำคัญกว่า ขลิบผมไฟหลานต้องมาวันนี้ วันนี้ตอนกลางวันก็ไปขลิบได้ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรเป็นปัญหาหรอกครับ ก็เรียบร้อยดี คุณหมอผู้หญิงมาตรวจสุขภาพกันกลางสภา ก็ได้แสดงให้เห็นไงครับ ไม่ต้องอดทน เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่เห็นผิดปกติก็คือว่า หมออยู่ในสภามาตั้งแต่เปิดสภาก็มีหมอมาเยอะ เพิ่งจะมีคราวนี้ล่ะครับหมอมา ผมไม่อยากใช้คำว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองนะ เธอก็คิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้อง วินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภา แหม ผมนี่ต้องต่อว่าสภา ก็สภาเขาเลี้ยงน้ำแดง ใครไปเขาก็เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก แล้วผมจะทำยังไง บอก ไม่เอา ผมไม่เอา ผมอายุมากแล้ว ผมจะพูดอย่างนั้นได้ไง มันเสียน้ำใจคนที่เขาเลี้ยง ใครไปเขาก็เลี้ยงอย่างนั้นทั้งนั้นแหล่ะครับ กิน ไม่กิน ก็เรื่องของใครยังไง ไม่คาดคิดเลยครับ แหม ถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ โอย ก็ฟังดูแล้วก็แปลกดีนะครับ ผมว่าเป็นความแปลกอย่างยิ่ง คือในทางการเมืองไม่คาดคิดว่าวิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีคนบอก เขาไม่เรียกใบอนุญาต เขาเรียกใบประกอบโรคศิลป ก็ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูด้วยแล้วกันนะครับว่างานของท่านเข้ามาอยู่ทางการเมือง การที่นักการเมืองที่เป็นหมอวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์คนไข้ กลางสภา ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ผมก็ไม่ทันจะได้เปิดหรอกนะว่าจรรยาแพทย์นั้นมีอะไรตรงไหน ยังไง ไม่ได้เปิด ก็ไม่มีอะไร คนอื่นถามทำไมถึงเป็นงั้น ผมก็บอกผมก็สงสัยเหมือนกันทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คือไม่คาดคิดน่ะครับ อันนี้สำนวนผมต้องเรียกว่า "เข็มขัดสั้น" คือ คาดไม่ถึง
ทีนี้ ถัดไปก็ พอดำเนินการเสร็จแล้ว ติดพันกันมาแล้วก็ วันแรกก็อภิปรายเสร็จเรียบร้อย พอวันสุดท้ายงบประมาณเสร็จ โห ตอนงบประมาณนี้ก็ ธรรมดาน่ะ คือผมเคยเป็นมาแล้ว 10 ท่านสมาชิกทางพรรคประชาธิปัตย์ท่านบอกเป็น 13 ผมก็เป็นอ่อนกว่าท่าน ผมก็เป็นมาแค่ 10 หน แต่รู้ว่าทีหลังยังเป็นได้อีกนะ แต่ไม่เป็น เพราะเหตุว่าอันตราย เป็นรัฐมนตรี ไปนั่งเป็นกรรมการในนั้น ถูกสับถูกโขก ก็เลยแค่ 10 พอ งบประมาณก็อย่างนั้นล่ะครับ ท่านเข้ามาครั้งแรกท่านก็บอกเพียงว่า ไม่ดี มันอย่างนั้น ต้องอ่านก่อน ต้องอยู่สัก 4 ปี ดูให้เข้าใจแต่ละเล่มๆ มีหมดล่ะครับ เขาทำหมด เขาทำงานของเขาเรียบร้อยมา เพราะฉะนั้นคุยกันเนี่ยนะ เรื่องถนนหนทาง เรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องข้าว เรื่องอ้อย เรื่องมัน จนกระทั่งถึงเรื่องปุ๋ย ทั้งหมดล่ะครับ คุยกันหมดเลย พอถึงเรื่องปุ๋ย ผมก็ต้องนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคราวก่อน เนี่ยคำถามเขาก็อุตส่าห์เอามาวางไว้ให้ ดูนี่
อีเอ็ม เป็นของญี่ปุ่น ท่านนายกฯ อย่าหลงกลไปโฆษณาให้เขา ควรสนใจเรื่องของเกษตรไทย และเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีฯ เกษตรฯ เขาดีกว่า ผมจะเรียนให้ทราบนะครับว่า จริงๆ แล้ว คนต่างคนต่างไปทำงาน ต่างคนต่างทำงานนะ ทีนี้เมื่อเวลาที่เขาเอางานมาเสนอกัน บังเอิญเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม เป็นงานซึ่งอยู่ในของ กอ.รมน. แล้ว กอ.รมน.ก็เป็น คือเขาทำ 1..2..3.. ไอ้อันที่ 6 น่ะ เขาบอกว่านี่งานเขาอันนี้ เขาลงไปทำงานครับ เขาใช้เงิน 2 ล้าน ลงไปทำใน 137-138 หมู่บ้าน ใช้เงิน 2 ล้าน แล้วเขาก็ใช้ปุ๋ยอย่างที่ว่า ปุ๋ยจุลินทรีย์ ไปทำ แล้วก็ได้ผล แต่ว่ายังไงก็ตามแต่ ผมนี่มักจะมีตัวช่วยเสมอ มีตัวช่วยตรงที่ว่า เมื่อเวลาที่เราจะต้องมาแสดงอะไรยังไง ก็มีคนมาแสดงอธิบายให้ฟัง ผมเองก็ ผมเป็นนักกฎหมายนะครับ แต่ทางกฎหมายก็ไม่ได้ว่าความ เรียนกฎหมายมาก็ใช้สถานะทางสังคมอย่างอื่น
ทีนี้เวลาที่พูดกันเรื่องปุ๋ย ก็คุยกันเยอะนะครับ ปุ๋ยแพง ทำไมถึงแพง ปุ๋ยมันเป็นผลพลอยได้มาจากผลิตภัณฑ์ถังน้ำมัน เพราะฉะนั้นเวลาที่มันออกมาตามนั้น น้ำมันขึ้น ปุ๋ยขึ้นด้วย แต่จะขึ้นยังไงก็สุดแท้แต่ ก็จะพยายามพิสูจน์ ในสภาน่ะเถียงกันเลยนะ โอ้โห ขนาดท้าทายเอกสารกันเอย เพราะเหตุว่าปุ๋ยนี่ไม่เก็บภาษีนะ ก็ใช้ปุ๋ยเคมีๆ แล้วต่อมาก็กำลังโดนลง ผมบอกใช้เงิน 4 พันกว่าล้าน เพื่อไม่ได้ซื้ออะไรเลยนะ ท่านรัฐมนตรีขอเอาเงินไปทดลอง 3,400 ล้าน จะไปซื้อปุ๋ยสูตรราคาถูก บอกเอาไป 10% เอา 300 ไปซื้อก่อน ก็กำลังดำเนินกรรมวิธีอยู่ ทีนี้พอกรรมวิธีอย่างนั้นเสร็จเราก็มาดูว่าแท้จริง ไม่แท้จริงยังไง แต่ว่าพอเรื่องปุ๋ย เราก็บอกเลยใช้เงิน 4 พันกว่าล้าน ไม่ซื้อปุ๋ยมาแจกเลยนะ ต้องการคุยให้ราษฎรรู้ว่า การใช้ปุ๋ยออร์แกนิก มันดีกว่าปุ๋ยเคมี แต่ปุ๋ยออร์แกนิก ก็ขยับเขยื้อนเอาเคมีมาปน เอ้า มีปัญหากฎหมายอีก เพราะเหตุว่าเขาจะอ้างว่าเดี๋ยว ผู้ช่วยของผมก็ส่งเอกสารมา มาเมื่อคืนนี้ครับ นั่งอ่านดูแล้ว ไม่อยาก ไม่อยากที่จะนั่งเอาความจำแล้วมาคุย แหม วันนี้จะต้องอ่านจดหมายจากท่านอดีตอธิบดีกรมวิชาการ อ่านคร่าวๆ ให้ฟังนะ ท่านดูนะเนี่ย นี่ ในฐานะอดีตอธิบดีกรมวิชาการ ขอแนะนำข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องปุ๋ยที่คุยกัน ท่านรู้นะจะคุยวันนี้ ท่านบอกนะ ปัจจัยที่ทำให้การปลูกพืชมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ดินดี พันธุ์พืชดี และน้ำดี เห็นมั้ยฮะ ดินดี พันธุ์พืชดี และก็น้ำดี และก็บอกว่า ความเข้าใจเรื่องปุ๋ยแตกต่างกันมาก แต่ควรยึดหลักวิชาการ แล้วกำหนด ต้องตามพระราชบัญญัติด้วยนะ แล้วกำหนดตามที่พระราชบัญญัติปุ๋ย เพิ่มเติม พ.ศ.2550 เนี่ยนะ ต้องแก้กฎหมายเพิ่มเติมนะ ขออย่างนี้นะครับ เขาบอกว่าปุ๋ยคือสาร หรือจุลินทรีย์ ที่เป็นธาตุอาหารพืช หรือทำให้พืชได้อาหาร เช่น จุลินทรีย์ไลโซเบียม สามารถจะตรึงไนโตรเจนจากอากาศเพื่อพืชไปใช้เป็นอาหาร เห็นไหมครับอย่างนี้ ใครจะไปรู้อย่างนี้
ต่อไปนะ ปุ๋ยเคมีคือสารเคมีที่เป็นธาตุอาหารพืช แต่ไม่รวมถึงปูนขาว ดินมาร์ล ยิบซัม โดโลไมท์ เพราะไม่ได้เป็นธาตุแห่งพืช แต่ไปปรับปรุงคุณสมบัติของดิน เห็นมั้ย ท่านอธิบายเสร็จ ปุ๋ยอินทรีย์ล่ะ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ซึ่งมีจุดเด่นคือ มีวัสดุอินทรีย์ (Organic Facture) ที่จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินได้ดี แต่ธาตุอาหารจะมีไม่มาก เช่น NPK ก็มี 2 : 1 : 1 ตามลำดับ ในขณะที่ปุ๋ยยูเรียเขามี 46 : 0 : 0
ทีนี้ถัดไป ปุ๋ยชีวภาพ คือจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ที่สามารถสร้างธาตุอาหารพืชได้ เช่น ไลโซเบียม ตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ช่วยให้ธาตุอาหารที่มีอยู่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้มากขึ้น
อย่างนี้ล่ะครับ ท่านบอกไว้เสร็จ จุลินทรีย์ไม่มีคุณสมบัติก็ใช้ไม่ได้ อันนี้ต้องมีคุณสมบัติ นี่ท่านเขียนมาสุดท้ายเมื่อผมจะออกรายการบอกว่าไปยกย่องญี่ปุ่น นี่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ที่ผ่านมามีการนำเอาปุ๋ยเคมีไปผสมในปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับปุ๋ยหมัก ขณะที่ผู้ขายก็เพิ่มปุ๋ยหมักลงไปมากกว่าเดิม เอาเปรียบผู้ใช้ นี่เป็นปัญหาทันทีเลย เป็นปัญหากฎหมายทันที เพราะว่า ดูนะ ในแง่กฎหมายพระราชบัญญัติปุ๋ย หากเอาปุ๋ยเคมีไปใส่ผสมจะถูกตีความว่าเป็นปุ๋ยเคมี และโดยทั่วไปมักจะกลายเป็นปุ๋ยที่ผิดมาตรฐาน ยุ่งมั้ยครับ เขาคิดดีนะฮะ เอาเคมีไปผสมออร์แกนิก ไปผสมอินทรีย์ เกิดเรื่องนะ
ในพระราชบัญญัติปุ๋ย 2550 ปีกลายนี้ กำหนดไว้มีปุ๋ยอินทรีย์เคมี โดยต้องให้ได้มาตรฐานทั้งปุ๋ยและอินทรีย์ ในเงื่อนไขปริมาณธาตุพืชอะไรต่างๆ เอาล่ะ เป็นนักวิชาการ ปุ๋ยชีวภาพเนี่ย ท่านก็บอกว่าไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ แล้วจะทำยังไงล่ะครับ ก็เป็นหน้าที่ นี่มีคนต้องการจะตามไปดูไอ้เรื่องนี้นะครับ เรื่องที่ผมจะให้ท่านดูนี่นะ ท่านจดเบอร์โทรศัพท์ไว้นะ ใครที่สนใจจะตามไปดู อยู่อุบลฯ นะ ถามก่อนก็ได้ 081-3125953 081 นี่จำได้นะ 081 ง่าย 3125953 ย้ำอีกทีนะ 081-3125953 ทำไมถึงจะต้องมาพูดกันเรื่องพรรค์อย่างนี้ ที่จะต้องพูดจากันก็เพราะว่าวิชาการ ผมพูดในสภาวันก่อนนี้ วิชาการเกษตร รายการที่ดีคือเช้ามืด กับดึกๆ ดึกๆ ยังไม่ค่อยมีล่ะ แต่เช้ามืดมีเลย เสาร์-อาทิตย์ยิ่งนั่นเลย นั่งดูเถอะครับ ไอ้คนที่ไปทำมาเนี่ยต้องถูกต้องจึงจะมาออกรายการได้ เพราะราชการเขาตรวจสอบ กรมวิชาการเกษตรอะไรต่างๆ ดู โฆษณาปุ๋ยเคมีกันบ้าเลือด ก็มีครับ แล้วก็โฆษณาอธิบายเสร็จเลยว่า ปี 1 ปี 2 มีพริกเม็ดโต เม็ดใหญ่ พอปีที่ 5 เม็ดแทบจะไม่ออก เพราะว่าไอ้สารเคมีไปทำลายดิน เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า กำลังนี้ในสภาเป็นการเมืองนะครับ ปุ๋ยแพงต้องไปหาปุ๋ยถูกให้ราษฎร จะทำยังไงสุดแท้แต่ มีการซื้อให้ มาเอาเงินไปซื้อบ้าง แต่ว่าสุดท้ายราษฎรชอบ เพราะว่าใส่ปุ๋ยเคมีใส่วันนี้ 2 วันเขียวทันตาเห็น แต่ว่าปุ๋ยออร์แกนิก คือปุ๋ยอินทรีย์เนี่ย แต่ก่อนใส่แล้ว 10 วัน เดี๋ยวนี้พัฒนา ปรับปรุงแล้ว ใส่แล้ว 7 วัน แต่ใส่แล้วมันช่วยดิน ทำดินดี ไม่มีอะไรเสียหาย รัฐบาลใช้เงิน 4,100 ล้าน เพื่อชักชวนให้ราษฎรทั้งประเทศ ไม่ใช่เลิกใช้ปุ๋ยเคมีนะ ให้หันกลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเขาจะเติมเคมีเล็กน้อย แปลว่าอะไรครับ ก็ไอ้เหมือนน้ำมันนี่ไงครับ เราทำเอทานอลได้เอง แต่ก่อนนี้น้ำมัน 100 เอาออกไป 5 เติมเอทานอล 5 ก็บอกว่า โห ลดไป 5% ต่อไปก็ 10 เอาน้ำมันออกไป 10 แล้วก็เอาเอทานอลใส่ไป 10 แล้วต่อมาก็น้ำมัน 80 เอทานอลก็เป็น E20 รถราก็จะผลิตออกมารับ บัดนี้มันปฏิภาคกลับนะ เขาเรียกว่า E85 ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า นึกว่าทำไมมันไป 20 มันกลับ 85 ไม่ใช่ครับ เอทานอล 85 ใช้เบนซินแค่ 15 ไอ้นี่มันวิวัฒนาการก้าวหน้า
เพราะฉะนั้นเรื่องของการใช้ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ยออร์แกนิกดี แต่ว่ามันพลาดน้อย เขาก็เอาเอาเคมีเติมไปหน่อย กฎหมายเกิดมาขัดข้องไม่รับรองจะตีความว่าเป็นเคมีปลอม เป็นปุ๋ยปลอม ยุ่งยาก เขามีพระราชบัญญัติรับรองไว้เสร็จ เรารณรงค์ที่จะให้ใช้อันนี้ 2 วันผมจะไป ไม่ใช่ 2-3 วันล่ะ เสร็จธุระแล้วผมจะไปดูที่อุบลราชธานี ที่สุรินทร์ก็มีครับ เขาใช้กันอย่างนี้ อุบลราชธานี คือที่ผมเอามาให้ดูนี่ ส่วนปุ๋ยที่เขาใช้อินทรีย์เขาอยู่ จ.สุรินทร์ เขาก็เตรียมการไว้ให้ดู ก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าใช้อินทรีย์มันดีกว่าเคมี ไอ้เคมีมันแพงบ้าเลือด เพราะฉะนั้นแพงบ้าเลือดเราจะใส่ไปเล็กน้อย สมมุติใส่ 10% เป็นออร์แกนิก 90 มันก็เหมือนไอ้น้ำมันนี่ล่ะครับ ใส่น้ำมันเบนซิน 15 ใส่ไอ้ของที่มันทำได้ในเมืองไทย 85 นั่นคือ E85 ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ยอินทรีย์นั้นจะทำอะไรต่ออะไรต่างๆ เขามีมาตรฐาน รัฐบาลสนับสนุนนะครับ แต่ทว่า ทางวิชาการบอกว่าปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นไม่มีในพระราชบัญญัติ เพราะฉะนั้นกำลังนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางฝ่ายทหาร ซึ่งเขาเป็น กอ.รมน. รักษาความมั่นคงภายใน เขามีหน้าที่ที่จะทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี เขาจึงไปพัฒนา ผมไปอ่านเข้า เพราะผมไปประชุม กอ.รมน. เขามีรายงานให้ดู พอผมเห็นปั๊บ ผมบอกอย่างนี้ต้องถ่ายทอดให้ประชาชนทั้งประเทศได้รู้ ใครจะทำ ใครจะเอา จะเป็นถูกต้องตามกฎหมายหรือยังไง เพียงแต่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัติ แต่วันข้างหน้าถ้าสำเร็จถูกต้อง ต้องอยู่ เพราะอะไรครับ เพราะเขาใช้เงิน 2 ล้าน ใช้เงิน 2 ล้านครับ เอาไปทำปุ๋ย แล้วก็เอาไปใช้ทำนาได้ 4 หมื่นไร่ ใช้เงินแค่ 2 ล้านครับ ในขณะเดียวกันท่านจะต้องใช้ปุ๋ยเคมี ต้อง 24 ล้าน แล้วเขาก็ทำให้เห็น แล้วมันไม่ใช่ข้าวเฉยๆ นะครับ มันไปมันสำปะหลัง มันไปอย่างอื่น แต่สำคัญที่สุดก็คือว่า ไอ้อะไรต่างๆ ที่มันตกทอดอยู่นั้น มันไม่ทำความเสียหาย ไอ้กุ้ง หอย ปู ปลา มันกลับมา นี่เขาถ่ายมาให้ดูว่ากบมันกลับมา หอยมันมา แล้วก็ไอ้ปลามันมา
ก็ให้ดูว่า จะเอาความผิด จะเอาชนะกัน ก็โดยเขียนคำถามมาบอกว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่น ผมถามทันทีครับ ออกจากกล้องผมก็ถามเลยคนที่มาชี้แจง เขาบอกว่าถูกต้อง ไอ้คิวเซ น่ะ มันมาอยู่ที่ประเทศไทย อยู่สระบุรี ญี่ปุ่นเนี่ย คิวเซเนี่ย อยู่สระบุรีเลยไปหน่อย เลี้ยวขวา แล้วก็ไปเลี้ยวขวาอีกทีน่ะ ผมไปดูมาแล้วครับ มันเป็นความคิดญี่ปุ่น แต่บัดนี้มันผลิตได้ในประเทศไทยนี่ครับ ไอ้หัวน้ำเชื้อ ไอ้จุลินทรีย์เนี่ย มันผลิตได้ในประเทศไทย แล้วมันเพิ่มได้เท่านั้นเท่านี้ เขายืนยันว่าไม่ต้องสั่งอะไรมาจากนอกอีกแล้ว ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด แล้วระบบนี้ล่ะครับ เอานี่ๆๆ เอาแกลบ เอาข้าวเปลือกที่ยังไม่ได้เผา เขามีสัดส่วนให้เสร็จหมด ต้องไปดูของจริง แต่เขาทำแล้วเขาก็ใส่ถุงวางเรียงไว้เป็นหมื่นๆ แล้วเขาก็ใช้กับ 4 หมื่นไร่ จากเงิน 2 ล้านเท่านั้นเองครับ แล้วพอเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันได้ข้าวปลาอาหาร ได้ข้าวมา 360 ล้าน มูลค่าราคาที่ซื้อขายกัน เพราะฉะนั้นเรื่องพรรค์อย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีเห็นอย่างนี้แล้วไม่มาสนับสนุน ต้องทางวิชาการบอกมาว่ายังไม่มีในพระราชบัญญัติปุ๋ย ยังไง ถ้ามันไม่มี ถ้ามันทำดีให้บ้านเมืองอย่างนี้ มันต้องมีวันข้างหน้า แต่ไม่มีผิดกฎหมายนะครับ ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย สิ่งที่เขาคิดที่เขาทำขึ้นมา ถ้ายังไม่รับรองก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นผิด แต่ว่าทำแล้ว ดูหัวมันสำปะหลังสิครับ นั่นน่ะใช้ปุ๋ยเคมีมันเป็นยังไง แล้วใช้ปุ๋ยชีวภาพมันเป็นยังไง แล้วอย่างนี้เราไม่สนับสนุนเหรอครับ ต้องสนับสนุนครับ แต่ว่าความละเอียดอ่อนต่างๆ ต้องไปดู แล้วสูตรมันเป็นยังไง แปลว่าเราจะหาไอ้พวกขี้เป็ด ขี้ไก่ ขี้วัว ขี้ควาย ได้มากขนาดไหน ที่เรียกว่ามูลสัตว์ ไอ้แกลบน่ะ ไม่เข้าเตาเผาในโรงสี มันก็เป็นแกลบ มันจะมี 1..2..3.. ส่วนผสม แล้วเขาก็มีไอ้ตัวเชื้อที่จะใส่ลงไป แล้วก็คลุก แล้วก็เป็นปุ๋ย แล้วก็ไปใช้ในไร่นา แล้วก็ไม่มีความเสียหาย มีพืชผล คือต้นทุนมันถูก ผู้คนตื่นเต้นนะ
ผมก็ขอบคุณท่านอดีตอธิบดี ท่านส่งเอกสารมาให้ผม ผมก็อ่านให้ ชัดเจนเรียบร้อย แต่ว่าที่ท่านบอกว่า ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ นี่มันปุ๋ยจุลินทรีย์ เคมีเขามีในพระราชบัญญัติแล้ว จุลินทรีย์ยังไม่อยู่ มันต้องพิสูจน์นะครับ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความเลวร้ายเป็นความเสียหาย มันเป็นสิ่งท้าทาย ทำออกมาแล้วเป็นยังไงแล้ว จะวิพากษ์วิจารณ์ยังไงก็สุดแท้แต่ เพียงแต่กฎหมายยังเขียนกันไม่ถึง นั่นแปลว่าอะไร ตอนเขียนกฎหมายยังไม่มีเรื่องพรรค์นี้ เขาทำมา 20 ปีแล้วครับ แต่ว่ากฎหมายไม่ได้มาสนใจ ก็ไม่เป็นปัญหา วิชาการบอกรับไม่ได้ ต้องบอกมาว่าเสียหายยังไง ต้องบอกเลยครับว่าใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์แล้วมันเสียหายยังไง ถ้ามันได้ผล มันเพิ่มผลผลิต แล้วราคามันถูกกว่า ทำไมครับ ทำไมเราถึงจะไม่พิจารณาเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่นะครับ นี่เรื่องเล็กนะ ที่เล่าให้ฟังเนี่ย ผมเป็นคนติดไว้คราวที่แล้ว เพราะเขาท้วงกันมาว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่นทำไม ก็ไอ้รถที่ใช้กันทั้งบ้านทั้งเมืองเนี่ย มันรถญี่ปุ่นรึเปล่าครับ ใช้รถญี่ปุ่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ใช้หัวเชื้อซึ่งญี่ปุ่นเป็นคนนำมาแนะนำ แล้วบัดนี้ก็ผลิตได้ในประเทศไทยแล้ว แล้วมันเสียหายตรงไหนล่ะครับ มันเสียดุลการค้าตรงไหนไหมครับ ได้เทคโนโยลยีของเขามา แล้วเอามาผลิตได้ในประเทศไทย มีส่วนผสมจัดการทำ ไปทดลองมาให้แล้ว ลงทุน 2 ล้าน ถ้าจะต้องใช้ปุ๋ยธรรมดาจะต้องใช้ 20 กว่าล้าน แต่ว่าเอามาใช้จริงๆ แล้วใช้ไปแค่ 2 ล้าน แล้วได้ข้าวมากมายก่ายกอง ได้พืชอย่างอื่น ได้อ้อย ได้มัน นั่นล่ะครับก็ปลูกให้เห็น เพราะฉะนั้นก็เอาเท่านี้ล่ะ สารคดี พูดวิชาการมากไป
ท่านสมาชิกในสภาเมื่อคืนท่านนั่งคุยกับผม คุณสมัคร พูดไปเถอะ อธิบายความไปเถอะ บอกว่า เรื่องวิชาการ เรื่องงานที่ทำ เล่าไป ผมก็บอกว่าต้องพอสมควรแก่เหตุ ต้องมีอย่างโน้นอย่างนี้สลับบ้าง ท่านบอกว่าคุยไปเถอะเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องอะไรต่างๆ บางเรื่องบางอย่าง โอ๊ย กำลังดำเนินการ กำลังจะไปเจรจาความกับเขาครับ รายละเอียดที่เราจะเป็นโครงการไปหมดแล้วครับ แปลเป็นไทย เป็นภาษาของเขาอยู่นั่นแล้ว อีก 2 วันก็จะไปเจรจาความ เขามีเครื่องมือทันสมัย อย่างที่ว่าจะขุดลอกคูคลองหนองบึง โอ๊ย ท่านสมาชิกเปิดเท่าไหร่ก็ไม่มี ไม่มีหรอกครับ เพราะว่าตอนที่เข้ามาเนี่ยก็เข้ามาทำงานอยู่ 4 เดือน และระหว่าง 4 เดือนนี่ก็นั่งประชุม ก็มีปัญหาเรื่องน้ำ ก็ตัดสินใจถึงโครงการน้ำ เขาบอก 12 ปี ก็มี 3 ปี เขาทำไว้หมดแล้วครับ ความคิดของเรากับความคิดของเขาถูกตรวจสอบโดยราชการประจำทำให้เสร็จหมดแล้ว แต่ผมบอกไม่ได้ 12 ก็ 12 ไป 3 ก็ 3 แต่ว่า 1 ปี คือว่าในปีนี้ที่จะต้องทำทันทีคือการขุดลอกคูคลองหนองบึง พอตรวจสอบเสร็จหาเจ้าภาพไม่ได้ ตั้งไว้ 2 ล้าน พอตั้งแล้วบอกหาเจ้าภาพจะทำไอ้อย่างว่าไม่ได้ ผมไม่มีวันยอมเรื่องพรรค์อย่างนี้เลยครับ หาเจ้าภาพไม่ได้ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเอง จะเป็นการขุดลอกแห่งประเทศไทยอะไรก็ตั้งขึ้นมา เป็นการเฉพาะกิจอะไรก็ตั้งขึ้นมา เพราะว่าไอ้เรือขุด กรมชลประทาน 70-80 ปี ซื้อเรือขุดมา ไอ้สะพานต่างๆ นี่ต้องสร้างโค้งให้เรือขุดลอดนะ รอบกรุงเทพฯ มีสะพานต้องโค้ง เรียบไม่ได้ เพราะเรือขุดผ่านไม่ได้ ไม่มีแล้วครับ ไม่ซื้อมาแล้ว
บัดนี้ไอ้คนที่เขายังขุดยังลอกยังทำ เครื่องไม้เครื่องมือเขามีอยู่ คนอยากมาลงทุนทำธุรกิจมีครับ คนอยากให้กู้เงินมาทำงาน มีครับ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่อะไรนักหนาหรอกครับ ก็กู้เงินเขามาบ้าง มาพัฒนาแก้ไข ต้องกู้ครับ ถ้าอยากจะทำธุรกิจไม่ไปออมสิน ไม่ขอกู้เงินมาลงทุน แล้วเมื่อไหร่มันจะได้เริ่มต้นล่ะครับ อยากจะขายก๋วยเตี๋ยว อยากจะขายข้าวเหนียว เขาจะให้กู้เงิน เขามีเงินให้กู้มาทำก็ได้ มีคนเชื่อเครดิตไปทำ แล้วบอกไม่เอา เป็นหนี้ ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ตาม ไม่ได้ไปทำงุบงิบยังไงนี่ คนทั่วบ้านต้องตรวจสอบ แต่ที่บอกกันไว้ก็คือว่ามันไม่อยู่ในเล่มงบประมาณครับ ไหนล่ะอยู่ไหน เคราะห์ดีผมก็แถลงไว้ล่วงหน้า แถลงไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไรยังไงแค่ไหน โดยอยู่นอกงบประมาณครับ ก่อนจะเข้ามาก็ต้องได้รับรู้ต่างๆ ต้องผ่านความรับผิดชอบ ที่จะทำทันทีเนี่ยนะ คือจะขุดลอกคูคลองหนองบึงทั้งหมด ซึ่งถ้าไปถามว่าจะให้ใครขุด จะเอาสตางค์ไปใส่มือ ไม่ได้หรอกครับ จนป่านนี้ ยังไงก็ไม่ได้ ไม่มีทางสำเร็จ แต่ผมจะทำให้สำเร็จ โดยจะใช้ ฟังให้ดีนะ คือตั้งแต่ข้างบนมาเลยครับ ตั้งแต่กว๊านพะเยา บึงศรีไฟ กว๊านพะเยาที่พะเยา บึงศรีไฟที่พิจิตร บึงบอระเพ็ดที่นครสวรรค์ ใหญ่ๆ โตๆ ทีไหนตื้นเขิน ขุดหมดครับ ทางอีสานกี่บึงกี่บอนขุดหมด ทางน้ำทางอะไร อภิปรายฟังในสภาเมื่อวานเขาบอกเสร็จเลย น้ำผ่านเท่าไหร่ ไหลเท่าไหร่ จะขุดหมดครับ โดยใช้เครื่องจักรกลที่เขามีใช้กันอยู่ในประเทศที่ไม่ไกลจากเรา ขนส่งมาได้ มาจัดการดำเนินการได้ รับดำเนินการได้ ทำให้เสร็จ คิดเงินเสร็จ แต่ว่าผลประโยชน์จะได้ ทำทันทีครับ
ผมไม่ใช่เอ็นจีเนียร์นะครับ แต่ลองฟังนะครับ บึงอะไรใหญ่ๆ โตๆ บอก โอ้โห มีบึง มีวัด มีข้างๆ มีสถานที่สำคัญอยู่ต่างๆ แล้วจะเอาดินไปกองที่ไหน เอาขึ้นไปยังไง จะไปบังอะไรเขาหมด บอกไม่ต้อง การขุดต้องทำ boring ก่อน ทางอีสาน 50 เมตรจึงจะเจอเกลือ กำลังนี้น้ำอยู่ 1-2 เมตรเท่านั้นเอง แต่ว่าต่อจากนี้เราจะขุดถึง 7 - 8 เมตร ท่านลองฟังผมคิดนะ ถ้าบึงใหญ่ๆ อย่างนี้ แล้วก็อยู่บ้านอยู่ช่อง มีวัดวาอารามกันหมด มันต้องมีบริเวณหนึ่งซึ่งเป็นที่โล่งว่าง จะขุดตรงปากทาง 30-50 เมตร ขุดปากทางเลยครับ ลึกสัก 100-200 เมตร สุดแท้แต่ เป็นบ่อสี่เหลี่ยม เอาดินขึ้นหมดให้มันต่ำ ขุดให้มันต่ำสัก 20 เมตรก็ได้ครับ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมใหญ่เลย พอเสร็จเรียบร้อย เรือขุดก็ลงไปอยู่ในบึงนี้ล่ะครับ แล้วก็ต่อท่อ แล้วก็เริ่มขุด วนขุดตรงกลาง ขุดวนไปให้มันลึกไป ขุดไปๆ ต้องทำให้เป็นกระทะครับ ข้างๆ จะได้ไม่พัง ไม่ใช่ขุดเซาะลงไปแล้วเป็นสี่เหลี่ยม อยู่ไม่ได้ครับ พังลงมาหมด มันต้องอย่างนี้ครับ ลึกอยู่ตรงกลาง ลึกมาก แล้วก็ขึ้นๆๆๆ เป็นกระทะใบใหญ่ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ตัวที่จะเก็บน้ำ เคยมีอยู่ 1 เท่า ก็จะเป็น 7 เท่า 8 เท่า น้ำที่ต้องไหลไปไหนก็จะต้องลงที่นี่ ไม่ว่าจะบึงไหนทั้งสิ้น ระบบที่ชลประทานส่งไปที่ไหนยังไง ก็ยังเป็น ส่งไป แต่ไม่ใช่ว่า 4 เดือนแล้วน้ำแห้งไปหมด แตกระแหง ถ่ายรูปมาให้ดูกัน
การขุดลอกอย่างนี้ก็แปลว่า ทำให้ถึงหน้าแล้งแล้วน้ำก็ยังอยู่ น้ำ 100% ลดเหลือ 50 ใน 4 เดือนน้ำ 50% ก็ใช้ได้ พอฝนลงมาก็เติมอีก นี่ล่ะครับช่องทางน้ำที่ไหลผ่านจะขุดจะแคบ ฟังอภิปรายในสภาก็รู้เลยครับ คนที่รู้ดีคือ ส.ส.ที่อยู่ในท้องถิ่น ก็จะรู้ว่าตรงไหนแคบ ตรงไหนกว้าง ตรงไหนควรขุด ตรงไหนไม่ขุด เขาจะเป็นคนชักนำไป แล้วผมนี่ล่ะครับ เป็นหัวหน้ารัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบ เขาพูดกันเนี่ย "น้ำคือชีวิต" แหมใช้กันแน่นหนา น้ำคือชีวิต ผมเห็นด้วยครับ น้ำคือชีวิต หาน้ำให้เท่านั้นล่ะ อภิปรายไปอภิปรายมา ตอนวุฒิสมาชิก ท่านพูดถึงเรื่องตะกอน ตะกอนสะสม ผมบอกว่า ถ้าคิดตะกอน กลัวตะกอน ก็ไม่ต้องหาน้ำ น้ำไหลมาไปกั้นไว้ก็กลัวตะกอน อู๊ย วิชาการออกมาก็รับฟังได้ครับ แต่คนหาน้ำ น้ำเพื่อชีวิต ต้องทำครับ ผมจะทำแน่นอน และจะดำเนินการ และผู้คนที่อยู่ได้พบ ได้พบปะ เขายืนยันว่า คือถ้ามีเจ้าภาพเท่านั้นล่ะ ลงมือทำได้แน่นอน จะระดมเครื่องจักรกลทุกชนิด จะนอกจะใน จะต้องใช้ปัจจัยยังไง จะขุดลอกหมดครับ กลัวอยู่อย่างเดียวเท่านั้นล่ะ พวกวิชาการ วิชาเกินทั้งหลาย กลัวจะมายับยั้งไม่ให้ทำ ไม่ให้ขุด นิเวศวิทยา ผมกลัวอย่างนี้เท่านั้นล่ะ แต่เอาล่ะครับ ต้องได้เจอกันแน่ เจอกันแถวๆ ริมบึง ที่ไหนก็แล้วแต่ เอามาค้านดูว่าเป็นยังไง เสร็จแล้วจะได้ลากมาออกโทรทัศน์มาพูดจากันเลยเอ้า คุณค้านทำไม เขาทำอย่างนี้เพื่อต้องการอะไรยังไง ก็แวดล้อมนะครับ เขาก็เคารพนับถือพวกสิ่งแวดล้อมกันนะ ผมก็ชอบปากไม่ดี ปากคัน ไปว่าเขาแวดล้อมทุกสิ่ง ก็แวดล้อมจริงๆ น่ะ แวดล้อมโน่น แวดล้อมนี่ ไอ้โน่น ไอ้นี่ ทำไม่ได้ๆ จนป่านนี้ ยังทำไม่ได้หรอกครับ แวดล้อมทุกอย่าง ก็ต่างคนต่างทำงานครับ แต่ผมมีหน้าที่จะต้องทะลุทะลวง เอาให้บ้านเมืองนี้มีที่เก็บน้ำให้มากขึ้น มีทางให้น้ำไหลมากขึ้น น้ำจะอยู่ฟากโน้นจะไหลมาฟากนี้ ดำเนินการครับ ไอ้ดุเดือดเลือดพล่านเขาบอก 12 ปี คุณว่าไป แต่ผมเช็กดูแล้วทางจีนบอกว่า 5 ปี ไปออกชื่อเขา เอ้า เขาขุด เขาทำน่ะ เขามาแสดงให้ดู เขาบอกทำอย่างนี้ล่ะ ของเราบอก 12 เขาบอก 5 อย่างนี้บอก 3 ปี 3 ปีอาจจะเร็วกว่า 3 ปีก็ได้ น้ำอยู่ฟากโน้น ไม่ใช้แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำไป ก็เราจะขอใส่ท่อลอดมามันเป็นยังไงครับ แหม ผมไม่อยากใช้สำนวน จะบอกว่าพูดจาหยาบคาย ถ้าสำนวนชาวบ้านเขาบอกว่า เอาน้ำที่เขาจะทิ้งลงแม่น้ำแล้วน้ำดีจากท้ายเขื่อน แล้วลอดลงมาส่งมาประเทศไทย ถ้าทำอย่างนี้มันทำได้ ลอดได้ เอาน้ำมาใส่ประเทศไทย ใช้น้ำได้ จะทิ้งแม่น้ำไปเนี่ย "มันหนักกบาลหัวใครครับ" ผมจะถามคำเนี้ย มันหนักอะไรใครยังไงครับ มันก็ออกจากท้ายเขื่อน 17 กิโลฯ ออกจากเขื่อน เขาก็ลงทิ้งน้ำโขงไป เราจะขอว่าตรงที่เขาจะทิ้งน่ะมันสูง ทางเรามันต่ำกว่า ขอทำท่อใส่ท่อลอดมาเลย แล้วก็มาเข้าไทย ไทยก็จะได้ใช้ทางนี้ มันเพื่อนบ้านกันน่ะครับ โหย หนึ่ง..ไม่ได้ สอง..ไม่ได้ สาม..ไม่ได้ อนาคตเขาจะสร้าง แต่ไอ้อันเดียวข้างล่างเนี่ยน้ำมันเยอะครับ อธิบายให้ฟัง ผมไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ริมเขื่อนตรงนั้นล่ะครับ ประเดี๋ยวต้นไม้ก็ผลุงขึ้นมาๆ เอ๊ะทำไม ก็เอาเลื่อยลงไปตัดข้างล่าง เพราะอะไร เพราะยังไม่ทัน rooting ยังไม่ทันจะถอนมา ก็กะว่า 2 ปีเสร็จ น้ำจะมา 6 เดือนน้ำมาเต็มหมด ต้องดำลงไปถอนไปตัด นั่นล่ะครับที่เขื่อนน้ำงึม แล้วน้ำงึมนี่ล่ะครับเขาใช้น้ำของเขา เขาทำผลิตอะไรของเขา มันต้องปล่อยน้ำลงมา แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำโขง แล้วจะขอไอ้น้ำที่ปล่อยนั่นล่ะครับ น้ำจากเขื่อนเขาทำไฟฟ้าเสร็จปล่อยลงมา ก็ขอลักลอดเอาทำท่อลอดใต้แม่น้ำ มาขึ้นประเทศไทย แล้วมันยังไงล่ะครับ มันเป็นยังไง แน่นอนครับ ผมต้องไปพบกับท่านผู้นำประเทศลาว ก็รู้จักกันอยู่ครับ เจอกับท่านหลายหนว่าจะต้องพูดจากัน แล้วก็ เราก็บอกเราขอ เขาคงไม่ขายหรอกครับน้ำเหลือใช้พรรค์อย่างนั้น มันพอไหวครับ พอไหวๆๆ
เอ้า สารคดีอย่างเดียว บอกโอ๊ย อย่าพูดวิชาการ วิชาเกิน ให้มันมากมายเกินไป เรียนตรงนี้ครับ เดี๋ยวจะมี 2 อันที่ตั้งใจไว้ วันที่ 26 23 วันจันทร์ 24 อังคาร 25 พุธ 26 พฤหัสฯ โห ออกโทรทัศน์ไม่ได้ 26 ยังไงครับ เช้าๆ เขาเผายาเสพติด ผมก็ให้ท่านรองนายกฯ สหัส ไปช่วยดูแลเขาจัดการไป เรื่องงานต่อต้านยาเสพติดโลกนะครับ 26 มิถุนาฯ เอ้า ตามประวัติศาสตร์ 200 ปีก่อน คนดังของไทยขึ้นระดับโลก ก็สุนทรภู่ สุนทรภู่ครับ ติดอันดับโลกเลยเชียวครับ แหม ชื่อเสียงโด่งดัง แปลว่ายังไง แปลว่างานสุนทรภู่นั้นเป็นงานกลอนเป็นส่วนใหญ่ มีโคลงบ้าง มีกลอนบ้าง ทีนี้เวลาสุนทรภู่ แหมถ้าตรงวันอาทิตย์ผมก็อยากจะได้ทำรายการ "สนทนาถึงสุนทรภู่" ฝากใครต่อใครไป ผมพูดหลายหนนะในวงสัมมนา แต่ว่าไม่ได้ คือเรามันไม่ค่อยสันทัดเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เท่าไหร่ แต่ไปอ่านแล้วพวกนักกลอนเขาก็บอก ถ้านอนเปล่าก็เศร้าใจ เรามันไม่ใช่นักกลอนโด่งดักนักหนา แต่อ่านกลอนสุนทรภู่แล้ว บอกวันที่ 26 เขาไปสัมมนากันที่วัดเทพธิดา ที่อะไรต่างๆ สุนทรภู่เนี่ยท่านเป็นคนเกิดรัชกาลที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ท่านอายุยืนมาเนี่ยนะ แล้วความเปลี่ยนแปลงของท่านก็คือว่า ท่านเขียนกลอน เขียนลงบนกระดาษนะ กระดาษสาที่พับไปพับมาเป็นสมุดข่อย แล้วท่านก็เขียน แล้วก็เอามาพิมพ์ การถ่ายทอดพิมพ์ แล้วกลอนสุนทรภู่นั้นที่ดังจริงๆ ก็เรื่องพระอภัยมณี อ่านแล้วก็ต้องคิด เราก็อ่านแล้วก็ โอ๊ย สุนทรภู่ทำไมคิดได้อย่างนี้นะ คือว่าคนดังเขาชื่อจูน สเวล จูน สเวล เขาเป็นคนดังของต่างประเทศนะ เขาเขียนนวนิยาย 150 ปีครับ เขาเขียนหลังสุนทรภู่ สุนทรภู่เขียนก่อนประมาณ 30 ปี เขียนทัศนคติอย่างเดียวกัน ไอ้เรือดำน้ำต่างๆ เสกไปโน่นไปอะไรต่างๆ เรือ กัปตันเนโม เรื่อง ทเวนตี้ ทาวซันด์ ไมล์ อันเดอร์ เดอะ ซี อะไรต่างๆ เป็นเรื่องที่มันคาดคิดว่าอนาคตจะเป็นยังไง สุนทรภู่ก็เขียนอย่างนั้น ไปอ่านดู ก็เออ ท่านจับผสมผสาน ผมนั่งดูก็ดูว่า ถ้าดูภาพ 150 ปีประเทศไทย เขายังถ่ายภาพ โอ๊ย เรือสำเภาจอดเป็นแถวเลยครับ หน้าวัดแจ้งนะครับ หน้าวัดอรุณราชวรารามเนี่ย เรือสำเภา 3 เสา 4 เสา ไอ้ความโบราณ แล้วย้อนลงไปสิครับ ตอนสุนทรภู่ยังเป็นอาลักษณ์ขี้เมา แล้วยังเขียนอะไรต่างๆ นั้น ท่านต้องได้อะไร
เขาก็บอกว่า ไอ้เรื่องอาหรับราตรีพันหนึ่ง สุนทรภู่ต้องได้เคยสนทนากับผู้คนที่เป็นกลาสี ต้องมีคนที่มันต้องพูดต้องแปลความ ต้องได้เค้าโครงจากทางพวกยุโรปแล้วก็เอามาเขียน แล้วก็ดัดแปลงเป็นเรื่องพระอภัยมณี โอ้โห พระอภัยมณี นึกถึงพระอภัยมณี เมื่อ 2-3 วัน ปี่พระอภัยฯ หลายวัน ปีหายครับ พระอภัยมณีปี่ถูกขโมย อีก 2-3 วันก็ถูกเอาไปทิ้งไว้ในกองขยะ โอ๊ย ต้องทำพิธีกัน ต้องแห่ มีรถ ต้องอัญเชิญปี่ไปติด ต้องอ๊อกเลยต่อไปนี้ เก่าเขาเสียบไว้ยังไงไม่ทราบได้ พระอภัยมณีเป่า ผมก็ว่า โอ เขาถึงพระอภัยมณีเมื่อวันที่ 26 เขาเอากลอนของสุนทรภู่มาดัดแปลงอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เมารักแต่เราเมารัก เขาก็เขียนกลอน คือเขียนกลอนล้อสุนทรภู่ ผมไม่กล้าล้อหรอกครับ ผมไม่กล้าล้อแต่ว่าผมอยากจะคิด คืออ่านกลอนแล้วก็คิด ผมคิดมาหลายเวทีแล้วนะ วันนี้มีเวลาพอสมควร การบ้านการเมืองไม่ได้ตึงเครียดอะไรนักหนา ก็เลยคิดถึงกลอนสุนทรภู่ คือท่านทั้งหลายลองคิดดูนะครับว่า ไม่ใช่ไปจับผิดท่านนะ ผมสงสัยว่าไอ้คนคัดลอกน่ะมันคัดลอกถูกหรือเปล่า จะถามท่าน ท่านก็ล่วงลับไปแล้ว 200 ปี ก็ไม่ได้ คือที่กระทรวงศึกษาฯ เอาไปทำอาขยาน ผมใช้งานบ่อยครับ กลอนอันนี้ของท่าน เนี่ยเป็นต้นฉบับในการสอนให้เขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน คือเขียนว่า คือตรงที่ว่า อาขยานคืบนี้นะครับ สุดสาครตกเหว ไอ้ชีเปลือยนะฮะ ชีเปลือยก็ผลักตกเหว แล้วก็เอาม้ามังกรไป
ทีนี้ก็ ในตรงนี้ อาขยานเขาพูดกันใครๆ ก็จำได้นะครับ ไม่ใช่ผม คนอื่นก็จำได้ที่บอกว่าตกไปอยู่ก้นเหว แล้วพระโยคีก็มาช่วย พระฤๅษีมาช่วยเอาขึ้นไป บอก "บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต" ตรงนี้ล่ะครับ ผมมานั่งอ่าน เออ มันคัดมาถูกหรือเปล่าเนี่ย คือว่าที่ทางภาพที่เห็นน่ะก็คือว่า สุดสาครน่ะตกนอนอยู่ก้นเหว แล้วก็เสียงหง่างเหงงวังเวงแว่ว เสียงระฆังมา สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา กลอนสุนทรภู่นี่เพราะครับ โอ้โห สัมผัสนอก สัมผัสใส บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต ผมข้องใจตรงนี้ว่าเอ มันคัดมาถูกรึเปล่า ทำไมมันพุ่งออกมา พุ่งออกมาตรงไหน สุดสาครนอนอยู่ก้นเหว พุ่งออกมาจากถ้ำรึ พุ่งออกมาตรงไหน โยคีขี่รุ้งเนี่ย ไอ้รุ้งทำไมมันจะไปอยู่ตรงก้นแล้วออกมา ผมก็คิดง่ายๆ ว่า น่าจะเป็นว่า เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งลงมา พุ่งลงมาถูกมั้ย แล้วประคองพาขึ้นไปยังบรรพต นี่ก็วิพากษ์วิจารณ์วรรณคดี มีเหตุผลมั้ยครับ ผมถึงอยากจะดู ยังหาโอกาสไปดูสมุดข่อยต้นฉบับไม่ได้ว่า เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา หรือว่าสุนทรภู่เขียนไว้ถูกต้องว่าพุ่งลงมา ไอ้ลงกับออกมันก็ห่างกันนะ ถ้าบังเอิญก็คิดดูว่า ถ้าหากว่าเขียนว่าโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ถ้าผมเจอท่านสุนทรภู่ ผมจะถาม แล้วท่านสุนทรภู่ทำไมพุ่งออกมา ออกมาตรงไหน ออกมาจากถ้ำใต้ที่สุดสาครนอนเหรอ แล้วจะประคองพาขึ้นไป โยคีขี่รุ้ง ขี่รุ้ง รุ้งมันไม่ได้อยู่ใต้ดินนะ รุ้งมันอยู่ข้างบนนะ อย่างนี้ถ้าเจอสุนทรภู่ก็ต้องคุยกันสนุกล่ะครับ ก็วานสมาคมนักกลอนนะ เขาก็ไม่ค่อยหยิบประเด็นนี้มาหรอกครับ ก็นึกถึงสุนทรภู่ปีนี้ ยังมีอีกนะฮะ ยังมีอีกครับ เพราะว่าเป็นเรื่องปรำปรา พูดจาท้าทายอะไรกันต่างๆ เห็นมั้ยฮะ นี่ข้อสังเกตของผมนะ นี่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์พอสนุก คือต่อไปเขาบอกว่า สอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นพึงเจรจา แม้นใครรักรักบ้างชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
สุนทรภู่นี่ก็เกือบ 200 ปีนะครับ เขียนตรงนี้ แต่ลอร์ดบาเดน พาเวลล์ 70-80 ปี อาจจะกว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงเอางานของลอร์ดบาเดน พาเวลล์ คือลูกเสือ คือ Boy scout ท่านก็เอามาในประเทศไทย ลูกเสือเนี่ยสถิตสถาพรในประเทศไทย อ่อ วันนี้วันที่ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ 31 นี่ล่ะครับ วันลูกเสือแห่งชาติ วันลูกเสือแห่งชาติต้องไปเดินสวนสนามกัน เห็นมั้ยครับ ลูกเสือเนี่ยเขาวันทยาหัตถ์ เขาต้อง 3 นิ้ว แล้วเขาจะต้องบอกเลยว่า เขาต้องช่วยคนอื่นนะลูกเสือเนี่ย ลูกเสือต้องช่วยคนอื่น ตกน้ำลูกเสือต้องโดดน้ำ ต้องว่ายน้ำเป็นนะ ต้องช่วยคนอื่นก่อน ก่อนจะช่วยชีวิตตัวเองนี่ต้องช่วยคนอื่นก่อน นี่ถ้าลอร์ดบาเดน พาเวลล์ มาอ่านสุนทรภู่บอก เอ๊ย คุณสุนทรภู่ว่าอย่างนี้ได้ยังไง รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา ถูกต้อง แต่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ก็คนเอาตัวรอดหมด วิชาลูกเสือเกิดไม่ได้หรอกครับ ลูกเสือมันต้องช่วยคนอื่น อ้าว เห็นมั้ยฮะ
มีอีกอัน ฝากไปหลายครั้งเขาก็ไม่รับฝาก คือสุนทรภู่ตอนที่ไปบวชอยู่ที่วัดราชนัดดา วัดเทพธิดาครับ ข้าง กทม.เนี่ย เดินทะลุออกหลัง กทม.ได้ มีกุฏิฮะ กุฏิสุนทรภู่ เขามีกาต้มน้ำ เขาทำเขาเก็บไว้นะฮะ ว่าสุนทรภู่มาบวชอยู่ที่วัดนี้ แล้วเขียนหนังสือพิราบ รำพันพิลาบ ก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษา ก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษา เนี่ยเป็นเรื่องที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับว่า คนเราเนี่ยมันจะต้องยังไงๆ ตื่นเช้าต้องล้างหน้า ต้องอะไรต่ออะไรต่างๆ แล้วจะบอกว่า วันจะแต่งตัวแต่งยังไง สีตามวัน สีตามวันนะ แล้วสุนทรภู่เขียนสวัสดิรักษาว่ายังไงครับเนี่ย สีตามวันของไทย ของฝรั่งตรงกันนะ วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว วันพฤหัสฯ สีแสด วันศุกร์สี ไม่หมอกก็สีฟ้า แล้วก็วันเสาร์ก็สีดำ เห็นมั้ยครับ เขาเชื่อกันอย่างนี้ ฝรั่งก็อย่างนี้ แต่ไปถามกรมศิลปากรสิครับ กรมศิลปากรเนี่ยอ่านสวัสดิรักษา เพราะงั้นเมื่อเวลาที่เล่นอะไรที่เกี่ยวกับสี 7 วัน กรมศิลปากรทำตามสวัสดิรักษาสุนทรภู่ แต่ว่ามันไม่ตรงกับความเชื่อกำลังนี้นะครับ ผมก็ไปเสาะหาว่ามันยังไง สวัสดิรักษา เขียนอย่างนี้ครับ อนึ่ง ภูผาผ้าทรงณรงค์รบ มีให้ครบเบ็ดเสร็จทั้งเจ็ดสี วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล ตรงนะ วันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว นวลขาว-เหลือง เหมือนกันนะ จะยืนยาวชันษาสถาผล แต่งสีเหลืองแล้วอายุยืน อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน ก็ยังม่วง คือม่วงอ่อนๆ ก็ชมพูล่ะครับ อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัติยาไม่ราคี วันพุธสีเขียว วันพุธทสีเขียวตามที่สอบมาคนโบราณเล่าต่อกันมาเขาบอกสุนทรภู่ท่านเป็นอาลักษณ์ขี้เมา เวลาท่านเขียนไว้ก็เขียนลงกระดานชนวน เขียนแล้วก็ มาบันทึกลงสมุดข่อย เขาว่าท่านเมาฮะ เขียนวันอังคาร อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัติยาไม่ราคี พอถึงวันพุธท่านเขียนตอนเมาบอกว่า วันพุธดุษฎีด้วยสีเขียว ไปยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน อ้าว ลูกศิษย์เห็นปั๊บก็ลอกไปทันทีเลย ก็ใช้สีเขียว สุนทรภู่ตื่นขึ้นมาก็ อ้าว เขียนอย่างนี้ได้ยังไง วันพุธดุษฎดีนุ่งสีเขียว ยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน ก็ลบออกสิครับ ในสวัสดิรักษาจริงๆ วันพุธไม่ใช่สีเขียวนะครับ วันพุธดุษฎีด้วยสีแสดครับ กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี พฤหัสฯ จัดเครื่องเขียวเหลืองดี เห็นมั้ยฮะพฤหัสฯ เขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม น่ะสีเทา สีฟ้า วันเสาร์ทรงดำดูล้ำเลิศ จะประเสริฐเสี้ยนศึกให้นึกขาม ทั้งภาคีขี่ขับขยับงาม ต้องให้ตามสีวันจะกันภัย
ไปดูศิลปากรเล่นอะไรถ้าเกี่ยวกับ 7 สี วันพุธจะต้องเป็นสีแสด แล้ววันพฤหัสฯ ถึงจะเป็นสีเขียว-เหลือง แน่นอนเลยครับ กลอนสวัสดิรักษายังพิมพ์ให้อ่านกันอยู่ แต่ถามสิครับว่าสุนทรภู่บอกวันพุธดุษฎีด้วยสึแสด แล้วทำไมคนไทยทั้งประเทศใช้สีเขียวกัน เรื่องนี้ไม่เจอสุนทรภู่นะ ก็เลย รำลึกถึงท่านนะครับ นึกถึงท่านก็เอามาเล่าให้ฟังอย่างนั้นเอง แต่ว่ากลอนสุนทรภู่นั้น แหม ท่านเขียนสัมผัสซะจนกระทั่งเจ้านายรับสั่งไว้ว่า เบื่อสัมผัส เบื่อสัมผัสของสุนทรภู่ แต่ว่าท่านสัมผัสยอดจริงๆ นะครับ คือสัมผัสแล้วต้องเป็นความภาคภูมิใจเลยว่า บทสัมผัสของเรา ของกลอนแปดของเรา ถ้าเทียบกับกลอนฝรั่งแล้ว โอ๊ย ฝรั่งหลุดไปไกลเลยเชียวครับ ไหนดูซิเขาว่ายังไง อ๋อ ไม่มี 31 อ้าว วันนี้ 29 วันจันทร์ก็ 30 ไง วันที่ 1 ผมก็บอกว่าถัดจากวันจันทร์ไปแล้วมันก็ถึงวันที่ 1 อ๋อ มีคนเขาเตือนมาว่าผมพูดผิดเหรอครับ ถ้าผิดก็ขออภัยฮะ เพราะว่า ก็วันนี้ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ก็วันที่ 1 ความจริงก็ถูกต้อง ผมว่าผมจำได้ว่าผมพูดอย่างนี้นะว่ามะรืนนี้ก็วันที่ 1 ก็แปลว่าไม่มี 31 โห ท่านผู้ฟังผมถี่ถ้วนจริงๆ เมื่อสักครู่นี้วันลูกเสือ เดือนมิถุนาฯ มี 30 วัน ไม่มี 31 โอ๊ย โอเคๆ เลยสะดุดหมดเลยกำลังนี้ นึกว่าเรื่องสำคัญอะไรแค่ไหน อ่อ
ว่าจะเล่าให้ฟังให้จบประเด็นซะหน่อยครับว่า กลอนสุนทรภู่เนี่ย คือว่า เวลาที่เราพูดถึงเนี่ย เราต้องเปรียบเทียบให้ดูได้ว่าเป็นยังไง ถามว่ากลอนฝรั่ง อ๋อ แน่นอนครับกลอนฝรั่งเขามีสัมผัส แต่สัมผัสฝรั่งเนี่ย มันสัมผัสนิดหน่อย สัมผัสอย่างเสียไม่ได้กลอนฝรั่งเนี่ย แต่กลอนสุนทรภู่เนี่ยเชะๆๆๆ เอ้าเทียบให้ดูหน่อย ตัวอย่าง มีบทกลอน ฝรั่งเขาเขียนเรื่อง The Wreck แปลว่าทำลาย The Wreck of the Hesperus ก็แปลว่าเรือที่มันอับปาง เรือ Hesperus ที่อับปาง ฝรั่งเขียนอย่างนี้ครับ Wreck of the Hesporous, That sailed in the wintry sea, And the skipper had taken his little daughter, To bear him company. เห็นมั้ยครับ Sea กับ Company สัมผัสแค่เนี้ยล่ะครับ
อีกท่านเขาบอกว่า Blue were her eyes as the fairy-flax, Her Cheeks like the dawn of day, And hter blossom white as the hawthoorn buds, That ope in the month of May. เห็นมั้ยมันสัมผัสกันแค่ 2 คำเท่านั้นเอง เอาอีกท่อนนึงบอกว่า The skippe he stood beside the helm, With his pipe in his mouth, Wathced the scaling of the wind, The smoke now West, now South. เห็นมั้ย Mouth กับ South เท่านี้ล่ะครับ เอาเนี่ย 12 บรรทัด ฝรั่งสัมผัสแค่ 6 จุดเท่านั้น แล้วดู 12 บรรทัดของสุนทรภู่สิครับ ว่า บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว แหม บรรทัดเดียวสัมผัสในตัว เขาเรียกสัมผัสในนะ สะดุ้งแล้ว นี่สัมผัสนอกนะ สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ทั้งรุ้งทั้งพุ่ง ประคองขึ้นไปยังบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นพึงเจรจา 12 บรรทัดนะ โอ้โห สุนทรภู่สัมผัสหน้า สัมผัสหลัง สัมผัสนอก สัมผัสใน ต้องบอกว่าเจ้านายพระองค์หนึ่งท่านเบื่อสัมผัส ท่านบอกท่านเบื่อ เบื่อสัมผัสของอีตาภู่ ก็เป็นความสนุกของคนโบราณนะฮะ
เขายกป้ายแล้วก็ควรจะตอบคำถามหน่อย วันนี้ก็ไม่มีอะไรรีบร้อนรีบเร่งนะ คุณสมศักดิ์ จากกาฬสินธุ์ อยากให้ท่านนายกฯ ช่วยดูเรื่องปุ๋ยที่ประกาศใช้ ต้นปี 2551 ช่วยดูว่าจะทำยังไงถึงจะเหมาะสมกับประเทศเรา
- โหย สงสัยจะตื่นสาย เพิ่งคุยไปเมื่อกี้จบๆ นะครับ ว่ากำลังจะส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยออร์แกนิก ในประเทศไทยผลิตแล้วนะครับ เนี่ยโรงงานอยู่เมืองกาญจน์ 2 โรงเนี่ย ปุ๋ยออร์แกนิกเขาไม่ได้เอามาเป็นกองๆ อย่างของเรา เป็นกระสอบแล้วเอาไปสาด เป็นเม็ดครับ ปุ๋ยชีวภาพแต่ทำเป็นเม็ด แต่เขาเติมเคมีลงไปด้วย ปุ๋ยเคมีด้วย แต่มันไม่ได้แพงแบบปุ๋ยเคมี อย่างเขาเอาไปใส่ข้าวกันเนี่ยนะ ตันนึงเขาขาย 10,800 ราคายุติธรรมนะ แต่เขาบอกถ้าต้องการถูกนะ ให้ซื้อทีละคันรถ ถามคันรถเท่าไหร่ 15 ตัน ขายเท่าไหร่ล่ะ ตันละ 8,000 ถ้าซื้อรวมกัน 15 ตัน ซื้อเป็นคันรถ ขาย 8,000 ซื้อขายปลีกขายตันละ 10,800 เห็นมั้ยฮะถูกไป 2,800 นี่คือสิ่งที่เราได้ค้นพบ เราได้พบว่าเมื่อเวลาของเคมีมันแพงแล้วไม่อยากให้ใช้ แต่ทางนี้เขาผลิต ตามไปเลยครับ เขาผลิตขายต่างประเทศ คนไทยไม่นิยมปุ๋ยอินทรีย์ นิยมปุ๋ยเคมี ผมถึงย้ำว่าจ่ายไป 4,000 กว่าล้าน เพื่อบอกให้คนไทยรู้เท่านั้นว่า เข้ามาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันเถอะ นี่ล่ะครับ โรยลงไปแล้ว 7 วันมันถึงจะเขียว แต่ว่ามันทำให้ดินดี แล้วผลิตผลออกมามากกว่าปุ๋ยเคมี จะเชื่อไม่เชื่อก็ต้องว่ากันต่อไป เรื่องปุ๋ยเป็นเรื่องใหญ่นะกำลังนี้
อยากให้รัฐบาลผลิตปุ๋ย พอปีหนึ่งก็จ่ายให้ประชาชน
- เขาตั้งโรงงานครับ ผมนี่จะตามไปดูนะ ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ย เขาบอกว่าจังหวัดละโรง ทำไม่ได้ไม่สำเร็จ จะดูซิว่าทำไมของไอ้คนต่างประเทศโรง กับคนไทย 2 โรง ส่งออกนอก แต่เขาเดือดร้อนว่าปุ๋ยมันมาจากนอก ปุ๋ยเคมีมันแพง เขาถึงมาร้องทุกข์ผม แล้วบอกมี 5 เสือ ผมก็บอกเอาล่ะจะทำให้ 6 เสือ 7 เสือ แต่ซื้อมาแล้วไม่ต้องมาขายเป็นปุ๋ยเคมี แต่เอาไปผสมปุ๋ยอินทรีย์ เป้าหมายคือปุ๋ยอินทรีย์ครับ แต่ปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นเป็นความตื่นเต้น เดี๋ยวจะเอามาถ่ายให้ดู ก็ต้องสนับสนุนเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องดูทั้งสองอย่าง มีเวลาต่อไปข้างหน้านี่ก็จะดูเรื่องปุ๋ย เพราะว่าเป็นหัวใจของการผลิตนอกจากน้ำ แต่ท่านอธิบดีท่านบอก ต้องเรื่องน้ำ เรื่องดิน เรื่องพันธุ์ เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ท่านเป็นนักวิชาการนะครับ
คุณมณฑล กทม. สนามบินดอนเมืองมีพื้นที่ว่างอยู่ ควรใช้ประโยชน์ก่อสร้างสถานที่ราชการดีกว่า
- โอ๊ย ไม่ล่ะครับ คือไม่ได้ไปเกี่ยงไปเเถียงอะไร พยายามกำลังนี้ทางโน้นก็แน่นครับ ทางนี้กำลังจะถามว่า ทางนี้จะมามั้ย กำลังเจรจาความกันอยู่นะครับว่า ไอ้ที่เขาเรียกว่า Domestic คือภายในประเทศ จะมาอยู่มั้ย ที่ต้องการสะดวกต่อเลยก็มี มี 10 ไฟลท์ เอาไว้ทางโน้น 5 ทางนี้ 5 สำหรับไปเชียงใหม่ ไปภูเก็ต ไปเชียงราย ไปหาดใหญ่ อย่างนี้ก็เอาไว้ทางโน้น นอกนั้นแล้วที่จุดหมายอื่นมาขึ้นที่นี่เลย แล้วก็ โลว์คอสต์จะมามั้ย แล้วก็ที่เขาว่าเหมาลำ แต่ก่อนไปลงที่อู่ตะเภา มาลงที่นี่มั้ย แหม เห็นแล้วเสียดายครับ ยังใช้ประโยชน์ได้ ท่านต้องไปยืนดูล่ะครับ ไม่ได้เลย ถ้าเรื่องนี้ ใครไม่กล้าตัดสินใจ ผมตัดสินใจ เพราะผมไม่มีส่วนได้เสียอะไรด้วย
คุณทองแดง ที่แล้วผมไม่ค่อยอ่านชื่อนะ คุณทองแดงนะ ขอให้นายกฯ ส่งเสริมพลังงานทดแทน เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้น้ำมัน
- โอ๊ย นี่แน่นอนครับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านี่ล่ะครับคือเรื่องที่คิดอยู่ในใจ ยังไม่อยากพูด เขาทำกันหมดแล้วที่ไหนๆ เมืองจีนก็มีขาย ฝรั่งก็มีขายครับ ต้องใช้ครับ เขาใช้แบตเตอรี่
ขอให้ช่วยดูแลปราบ คุณสมปอง ปราบหวย 12 ตัว
- หวย 12 ตัวดีกว่าเหรอครับ
ออกกันเอง 30 นาที ออกครั้ง ทำให้ชาวบ้านออกหวยทั้งวัน ชาวบ้านติดกันงอมแงม หนี้สินเยอะแยะ
- ผมจะบอกให้ฟัง ในตลาดเนี่ยออกหวยกันกลางตลาด ประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวออกๆ ผมจะทำยังไงล่ะครับเนี่ย คนไทยเขาชอบกันอย่างนั้น เอาล่ะถ้าเขาทำหวยออนไลน์ในตลาดคงจะไม่สนุกเท่าล่ะ แต่ว่า 15 วันออกทีก็พอสมควรแก่เหตุ แหมเรื่องนี้เรื่องยาวครับ พูดไปแล้วเดี๋ยวก็
คุณนิรันดร์ ขณะนี้ปั๊ม LPG ในกรุงเทพฯ ไม่มีแก๊สขายเลย กักตุนกันเดือดร้อน ไม่เป็นไร หาวิธีแก้
- ไม่ต้องแก้ล่ะครับ ก็พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด วันที่ 1 กรกฎาฯ เขาปรับปรุงราคามันก็ออกมาขายธรรมดา ต้องบอกเลยนะครับมันเป็นสันดานของไอ้คนพวกนี้ เล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ แต่อย่าว่านักเลยครับไอ้พวกกักตุน ไอ้คนที่อยากได้น้ำมันขึ้นราคาก็รีบไปเติม ก็เป็นความรู้สึกนึกคิด แต่ว่าที่ผมใช้คำว่า "สันดาน" นั้นคือไอ้คนพวกที่มันทำอย่างนี้ล่ะครับ ไอ้ไม่กี่วันนี่ล่ะครับ แล้วก็หากินกันตรงนี้ ทันซัก 1-2 วันเถอะครับ ดีไม่ดีมันหาเติมไม่ได้หยุดมันเลยวันจันทร์ วันอังคารมันก็ออกมาแล้วครับ ราคาใหม่ ไม่ได้แพงขึ้นไปเท่าไหร่หรอกครับ แต่บังเอิญเขากำหนดไว้ กำหนดล่วงหน้าเป็นครึ่งปีค่อนปีว่าวันนี้จะนั่น เป็นสันดานของไอ้คนพวกนี้ล่ะครับที่มันทำกัน ผมกล่าวหาได้เต็มที่เลย พอถึงวันอังคาร วันที่ 1 ราคาเปลี่ยนใหม่ก็ออกมา ก็มีใช้นะครับ ไม่ลำบากยากเข็ญอะไรนักหนาหรอกครับ เป็นสันดานของไอ้พวกที่ทำมาหากินแบบเอาเปรียบนิดๆ หน่อยๆ ก็เอา
อยากให้รัฐบาลประกาศชื่อ แต่คุณน่ะไม่ใส่ชื่อ อยากให้รัฐบาลประกาศเรื่องการขึ้นราคาก๊าซจะขึ้นเมื่อไหร่
- ก็จะขึ้นวันที่ 1 นี่ล่ะครับ เขาประกาศล่วงหน้าตั้งครึ่งปีแน่ะครับ ก่อนผมเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็จะต้องปรับราคา แล้วต่อไปถึงปี 52 เขาก็จะขึ้นอีกครับ แต่ว่าขึ้นแล้วมันจะเป็นประมาณ เศษ 1 ส่วน 3 ของ คือประมาณสัก 15 บาท ไม่เกินนั้น อีก 2 ปีนะ
ขอให้ราคาข้าวมีราคาสูงตามน้ำมันด้วย เพื่อช่วยชาวนา
- โอ๊ย แน่นอนครับ ผมช่วยรักษาราคาให้ชาวนา
แหม ขอประทานโทษเวลาหมดเรียบร้อย เพราะมัวแต่ไปคุยเรื่องสุนทรภู่ยาวไปหน่อย ก็ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะนะ พอมีเวลาครับ ผมทำงานให้บ้านเมืองได้ไปอีกยาวพอสมควร สุดแท้แต่นะฮะ เรื่องพรรค์อย่างนี้ เรื่องอื่นๆ ไม่คุยล่ะครับ ท่านก็รู้ว่าทำไมผมถึงไม่คุย นะฮะ ไม่จำเป็นต้องคุย รวมทั้งเรื่องใครจะให้ปรับ ครม.ยังไง ผมพูดในสภาไว้แล้ว ไม่มาพูดซ้ำที่นี่หรอกครับ พาดหัวกันเอิกเกริกใหญ่โต สั่งปรับนั่น ทางพรรคร่วมรัฐบาลสั่งบีบให้ปรับไม่ปรับ ผมก็บอกว่าคอยดูแล้วเป็นไง แหม มัน.. มันสาระแนกันจริงๆ ครับไอ้เรื่องเสี้ยมให้มันเกิดอย่างโน้นอย่างนี้ ไอ้คนนั่งเป็นรัฐมนตรีเขาต้องรู้ว่าข้างในเป็นยังไง แต่ว่าไอ้การที่ออกข่าวพาดหัวกัน ผมไม่ให้หนังสือพิมพ์มาสั่งว่าอะไรเป็นอะไรหรอกครับ ผมจะไม่ให้หนังสือพิมพ์มาพาดหัวสั่งแล้วรัฐมนตรีต้องทำล่กๆๆ ไม่ล่ะครับ ดูซิครับว่าใครจะแน่กว่ากัน เอ้าทำนายไปสิครับ จะปรับ จะปรุง จะเปลี่ยนยังไง ทำนายไปเลย แล้วหน้าแหกแล้วก็อายคนที่เขาซื้ออ่านบ้างก็แล้วกัน หมดเวลาแล้วนะฮะวันนี้ลาก่อน อาทิตย์เจอกันใหม่ สวัสดีครับ