นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 179 จะเป็นช่องทางในการคลี่คลายวิกฤติที่มุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง โดยระบบรัฐสภา ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลควรจะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพราะขณะนี้บ้านเมืองเกิดปัญหาวิกฤติ แทนที่จะใช้วิธีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่สามารถเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลได้ และการที่รัฐบาลออกมาระบุว่า ไม่สามารถเปิดอภิปรายได้ในช่วงนี้เพราะมีปัญหาเรื่องกรอบเวลาและประเพณี เป็นเพียงข้ออ้างที่รัฐบาลไม่ต้องการรับฟังว่าประเทศมีปัญหา อีกทั้งยังเป็นการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ขณะเดียวกันทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ทิ้งนำหนักของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะมีความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังฟังคำชี้แจงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในรายการสนทนาประสาสมัคร ว่าจะให้เปิดอภิปรายทั่วไป 2 สภาหรือไม่ และจะมีการประชุมแกนนำพรรค ในเวลา 14.00 น. เพื่อกำหนดท่าทีในเรื่องนี้ต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน กรณีที่มีผู้นำถุงขนมซึ่งมีเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น และกระทบต่อความเชื่อมั่นและความศรัทธาของกระบวนการยุติธรรม โดยนายองอาจ เห็นว่ากระบวนการไต่สวนไม่ยุ่งยาก เพราะเบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีทนายของอดีตนักการเมืองเป็นผู้นำมาให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยตั้งข้อสังเหตว่าน่าจะเป็นการให้สินบน และเป็นการลดความน่าเชื่อถือ เพื่อต้องการให้ผลพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองไม่เป็นที่ยอมรับ โดยย้ำว่าหลังจากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก็ควรเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน กรณีที่มีผู้นำถุงขนมซึ่งมีเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น และกระทบต่อความเชื่อมั่นและความศรัทธาของกระบวนการยุติธรรม โดยนายองอาจ เห็นว่ากระบวนการไต่สวนไม่ยุ่งยาก เพราะเบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีทนายของอดีตนักการเมืองเป็นผู้นำมาให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยตั้งข้อสังเหตว่าน่าจะเป็นการให้สินบน และเป็นการลดความน่าเชื่อถือ เพื่อต้องการให้ผลพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองไม่เป็นที่ยอมรับ โดยย้ำว่าหลังจากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก็ควรเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย