เลขานุการศาลฎีกานักการเมืองไม่มั่นใจบันทึกภาพวันส่งเงินถุงขนม 2 ล้านไว้ได้ เพราะวงจรปิดเปิดเฉพาะวันนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี แต่ยังมี จนท.ศาลเป็นพยานชี้ตัว ด้าน “ทนายแม้ว” ยัวะถูกโยงเป็นคนส่งถุงขนม ยันไม่ได้ไปศาลวันเกิดเหตุ
วันนี้ (14 มิ.ย.) นายรักเกียรติ วัฒนพงศ์ เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวถึงกรณีที่องค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริงเงินถุงขนม 2 ล้านบาทจะประสานขอเทปวงจรปิดจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ในวันที่ 10 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุการนำถุงขนมใส่เงิน 2 ล้านบาทให้เจ้าหน้าที่ศาล ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าในวันที่ 10 มิ.ย.กล้องวงจรปิดจะเปิดทำงานหรือไม่ เนื่องจากปกติศาลจะเปิดกล้องวงจรปิดเฉพาะเวลาศาลเปิดบัลลังก์ไต่สวนคดี ไม่ได้เปิดกล้องให้ทำงานไว้ 24 ชม.
“ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกล้องวงจรปิดสำหรับรักษาความปลอดภัยอย่างดีอยู่หลายตำแหน่ง แต่ในวันที่ 10 มิ.ย.ไม่ได้มีกำหนดนัดเปิดบัลลังก์พิจารณาคดี ดังนั้นจึงอาจไม่มีการเปิดกล้องวงจรเพื่อบันทึกความเคลื่อนไหวบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ถ้าเกิดไม่ได้เปิดกล้องบันทึกภาพในวันเกิดเหตุจริงก็ไม่เป็นปัญหา เพราะมีเจ้าหน้าที่ศาลหลายคนที่เป็นพยาน และทั้งหมดก็ถูกเรียกไปไต่สวนแล้วเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.” นายรักเกียรติ กล่าว และว่าหากองค์คณะผู้ไต่สวนเรียกขอหลักฐานดังกล่าวมา เจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการส่งให้เพราะเป็นคำสั่งองค์คณะซึ่งมีระดับรองประธานศาลฎีกาเป็นประธานสั่งการได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ซึ่งขอให้รอดูผลในชั้นการไต่สวนขององค์คณะว่าเทปจะมีการบันทึกหรือไม่บันทึก
ทั้งนี้ นายรักเกียรติ กล่าวด้วยว่า ตนเองคงไม่ต้องเข้าให้ข้อมูลต่อองค์คณะไต่สวน แม้เป็นเลขานุการซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของศาล เพราะในวันที่ 10 มิ.ย.ตนเดินทางไปประชุมที่รัฐสภา จึงไม่ใช่ผู้พิพากษาที่เข้าไปตรวจสอบถุงเงิน 2 ล้านบาท
ด้าน นายธนา เบญจาทิกุล หนึ่งในทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองยังเป็นทนายความให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ได้ทำคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก และในวันที่ 10 มิ.ย.ก็ไม่ได้ไปที่ศาลฎีกาฯ และไม่ใช่ทนายที่นำถุงขนมเงิน 2 ล้านบาท ให้เจ้าหน้าที่แต่กลับมีคนกลั่นแกล้งออกข่าวโยงมาถึง
“ทีมทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่หลายทีม ซึ่งส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าคนที่ไปทำเรื่องนี้เป็นใครแต่เชื่อว่าคนเป็นทนายความไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกเพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ศาลยืนยันชี้ตัวได้ ผมอยากให้ใช้สามัญสำนึกปกติคิดดูว่าถ้าคนจะวิ่งเต้นติดสินบนศาลจะทำกันโจ่งแจ้งอย่างนี้หรือ ถ้ามีทนายไปทำแบบนั้นไม่โง่ก็ปัญญาอ่อน” นายธนา กล่าว