นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นมากถึงระดับ 127 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก ปรับราคาขึ้นสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจบ้าน และคอนโดมิเนียม จำเป็นต้องปรับราคาขายขึ้นสำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมลอตใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ โดยคาดว่าจะปรับราคาขายในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ซึ่งคาดว่าคงจะปรับราคาขึ้นประมาณร้อยละ 3-5 เพราะหากมากกว่าร้อยละ 5 คงจะกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน และอาจทำให้ที่อยู่อาศัยขายออกได้ลำบากขึ้น
ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับภาวะเศรษฐกิจที่ร้อยละ 6 เนื่องจากการที่รัฐบาลลดภาษีธุรกิจเฉพาะจากร้อยละ 3.3 เป็น ร้อยละ 0.11 และลดค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอาคาร กรณีบ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน อาคารชุด ห้องชุด จากเดิมร้อยละ 2 และ 1 จะเหลือเพียงร้อยละ 0.01 เป็นการช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักขึ้นมาก โดยโครงการที่ได้รับประโยชน์ คือบ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมขาย
นายไพรัตน์ เสนาจักร์ ผู้ช่วยประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาเหล็กเส้น ซึ่งสะท้อนต้นทุนก่อสร้างได้มากที่สุด ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากจากช่วงเดือนกันยายน 2550 ราคาอยู่ที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันปรับขึ้นเป็น 32-34 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบโดยทั่วหน้า ซึ่งแต่ละแห่งก็ต้องปรับตัว โดยต้องเลือกทำเลการก่อสร้างเน้นพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าพาดผ่าน ซึ่งยังทำยอดขายได้ดี อย่างไรก็ตาม หลังไตรมาส 3 หากราคาเหล็กและราคาน้ำมันยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ก็มีแนวโน้มที่ต้องปรับราคาขายบ้านขึ้นประมาณร้อยละ 3-5 เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้
ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกับภาวะเศรษฐกิจที่ร้อยละ 6 เนื่องจากการที่รัฐบาลลดภาษีธุรกิจเฉพาะจากร้อยละ 3.3 เป็น ร้อยละ 0.11 และลดค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอาคาร กรณีบ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน อาคารชุด ห้องชุด จากเดิมร้อยละ 2 และ 1 จะเหลือเพียงร้อยละ 0.01 เป็นการช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักขึ้นมาก โดยโครงการที่ได้รับประโยชน์ คือบ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมขาย
นายไพรัตน์ เสนาจักร์ ผู้ช่วยประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาเหล็กเส้น ซึ่งสะท้อนต้นทุนก่อสร้างได้มากที่สุด ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากจากช่วงเดือนกันยายน 2550 ราคาอยู่ที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันปรับขึ้นเป็น 32-34 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบโดยทั่วหน้า ซึ่งแต่ละแห่งก็ต้องปรับตัว โดยต้องเลือกทำเลการก่อสร้างเน้นพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าพาดผ่าน ซึ่งยังทำยอดขายได้ดี อย่างไรก็ตาม หลังไตรมาส 3 หากราคาเหล็กและราคาน้ำมันยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ก็มีแนวโน้มที่ต้องปรับราคาขายบ้านขึ้นประมาณร้อยละ 3-5 เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้
