ผู้จัดการรายวัน - "บิ๊กเพอร์เฟค" ประกาศลั่นลุยเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่ม 1,000 ล้านบาท ระบุมีแลนด์แบงก์ในมือ 2,000 ไร่ ส่วนใหญ่เกาะแนวรถไฟฟ้า ตั้งเป้ายอดขายปี 51 กว่า 9,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 8,000 ล้านบาท เผยมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้ 3,500 ล้านบาท
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)หรือ PF เปิดเผยว่า ในปี 2551 บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่าขายประมาณ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ เพอร์เฟค พาร์ค ร่มเกล้า เนื้อที่หลายร้อยไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็นเฟสๆ แรก 60 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคาประมาณ 3 ล้านบาทเศษ มูลค่า 600 ล้านบาท
2.โครงการ เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์ - บางรักน้อย เนื้อที่ 100 กว่าไร่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เฟสแรกพัฒนาบ้านเดี่ยวประมาณ 300-400 ยูนิต ระดับราคา 3.99 ล้านบาท มูลค่า 1,000 ล้านบาท 3.โครงการ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีค พัฒนาการ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 7 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่า 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท
โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเมโทร พาร์ค รัชดา ประมาณ 1,000 ยูนิต ซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความสูงของอาคาร หากสามารถสร้างได้เพียง 8 ชั้น มูลค่าโครงการจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท หากสามารถสร้างเป็นตึกสูงมูลค่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท
โครงการเมโทร พาร์ค สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเปิดเฟสต่อเนื่องเฟสที่ 3 ในโครงการเมโทร พาร์ค สาทร จำนวน 2,000 ยูนิต มูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้จากคอนโดมิเนียมในปีนี้ 25% จากรายได้ทั้งหมด ส่วนในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 25%
ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรอพัฒนา(แลนด์แบงก์)จำนวน 2,000 ไร่ เกาะแนวรถไฟฟ้าสายม่วง ประมาณ 1,000 ไร่ แนวรถไฟฟ้าสักกะสันเชื่อมสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิงก์) จำนวน 500 ไร่ ส่วนอีก 500 ไร่ที่เหลือ อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นทางที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน อาทิ รัชดาย่านศูนย์วัฒนธรรม, สุขุมวิท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเตรียมเงินลงทุนจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเพิ่มเติมในปีนี้
สำหรับเป้าหมายการขาย ปี 2551 ตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 40% ที่มียอดขาย 6,5000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบจำนวน 6,000 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านบาทมาจากโครงการคอนโดมิเนียม
ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท โตจากปีที่ผ่านมาที่มียอดรับรู้รายได้ 6,200 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายรอรับรู้ (แบ็คล็อก) จำนวน 3,500 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีแบล็คล็อกในมือประมาณ 4,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นับจากที่บริษัทได้ปรับรูปแบบการพัฒนาจากบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย เป็นบ้านสั่งสร้าง นอกนี้ยังขายสินค้าครบทุกเซกเมนท์ ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม ทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทเริ่มเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ นับจากไตรมาส 3/2550 รับรู้รายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าการรับรู้รายได้จะอยู่ที่ประมาณไตรมาสละ 2,000 ล้านบาท
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)หรือ PF เปิดเผยว่า ในปี 2551 บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่าขายประมาณ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ เพอร์เฟค พาร์ค ร่มเกล้า เนื้อที่หลายร้อยไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็นเฟสๆ แรก 60 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคาประมาณ 3 ล้านบาทเศษ มูลค่า 600 ล้านบาท
2.โครงการ เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์ - บางรักน้อย เนื้อที่ 100 กว่าไร่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เฟสแรกพัฒนาบ้านเดี่ยวประมาณ 300-400 ยูนิต ระดับราคา 3.99 ล้านบาท มูลค่า 1,000 ล้านบาท 3.โครงการ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีค พัฒนาการ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 7 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่า 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท
โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเมโทร พาร์ค รัชดา ประมาณ 1,000 ยูนิต ซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความสูงของอาคาร หากสามารถสร้างได้เพียง 8 ชั้น มูลค่าโครงการจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท หากสามารถสร้างเป็นตึกสูงมูลค่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท
โครงการเมโทร พาร์ค สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเปิดเฟสต่อเนื่องเฟสที่ 3 ในโครงการเมโทร พาร์ค สาทร จำนวน 2,000 ยูนิต มูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้จากคอนโดมิเนียมในปีนี้ 25% จากรายได้ทั้งหมด ส่วนในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 25%
ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรอพัฒนา(แลนด์แบงก์)จำนวน 2,000 ไร่ เกาะแนวรถไฟฟ้าสายม่วง ประมาณ 1,000 ไร่ แนวรถไฟฟ้าสักกะสันเชื่อมสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิงก์) จำนวน 500 ไร่ ส่วนอีก 500 ไร่ที่เหลือ อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นทางที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน อาทิ รัชดาย่านศูนย์วัฒนธรรม, สุขุมวิท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเตรียมเงินลงทุนจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเพิ่มเติมในปีนี้
สำหรับเป้าหมายการขาย ปี 2551 ตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 40% ที่มียอดขาย 6,5000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบจำนวน 6,000 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านบาทมาจากโครงการคอนโดมิเนียม
ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท โตจากปีที่ผ่านมาที่มียอดรับรู้รายได้ 6,200 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายรอรับรู้ (แบ็คล็อก) จำนวน 3,500 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีแบล็คล็อกในมือประมาณ 4,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นับจากที่บริษัทได้ปรับรูปแบบการพัฒนาจากบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย เป็นบ้านสั่งสร้าง นอกนี้ยังขายสินค้าครบทุกเซกเมนท์ ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม ทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทเริ่มเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ นับจากไตรมาส 3/2550 รับรู้รายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าการรับรู้รายได้จะอยู่ที่ประมาณไตรมาสละ 2,000 ล้านบาท