สโรชา- สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินค่ะ วันนี้วันที่ 2 พฤษภาคม 2551 นะคะ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แอ้ม-สโรชา พรอุดมศักดิ์ รายงานตัวเข้าเวรยามนะคะ วันนี้ก่อนอื่นเลยขอพูดเรื่องตัวเองก่อน
ปานเทพ- เชิญครับคุณแอ้ม
สโรชา - ภูมิใจมากค่ะ ฉบับแรกในชีวิต
ปานเทพ- และฉบับสุดท้ายใช่ไหมครับ
สโรชา- ฉบับสุดท้าย
ปานเทพ- โทรเลขนะครับ
สโรชา- มีโทรเลขมา จริงๆ แล้วแอบดูพี่อัญกับพี่เติมจัดรายการ ก็แอบอิจฉาอยู่เล็กๆ ฉบับแรกมาถึงรายการยามเฝ้าแผ่นดิน นะคะ จากยามเกื้อกูล จ.พะเยา ก็เขียนมาว่า ขอเป็นกำลังใจให้ชาวยามและ ASTV ทุกท่าน จากยามเกื้อกูล จ.พะเยา อีกฉบับหนึ่งมาถึงแอ้ม ขึ้นไปชั้น 4 ตอนแรกเปิดแล้วก็ไม่คุ้น นึกขึ้นได้เป็นโทรเลขรุ่นสุดท้ายนั่นเอง บอกว่าก็ขอเป็นกำลังใจ และเขียนมาว่าชอบ และชื่นชอบ จากพันธมิตรฯ ศรีสะเกษ ก็ขอบพระคุณ รู้สึกเป็นปลื้มมากเลย ว่าได้รับโทรเลขกับเขาด้วย อีกเรื่องหนึ่ง อ.ปานเทพ จะไปสัมมนาที่อเมริกาเหรอคะ ไปเองไหมหรือส่งไปแค่เสียง
ปานเทพ- จะพูดคุยทางโทรศัพท์ เป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับคนไทยที่สหรัฐอเมริกา
สโรชา- จะมีการจัดสัมมนาสำหรับพันธมิตรฯ สหรัฐอเมริกา ไปกันที่เมืองเบลฟลาวเวอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 4 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เวลา 14.00 น. - 20.00 น. โดยวัตถุประสงค์ในการจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อที่จะสนับสนุนการเคลื่อนไหวการการต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ การจัดหาโฆษณาอย่างต่อเนื่องสำหรับการสนับสนุน ASTV และมีการจัดสัมมนา เรื่องของการคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ แต่ว่ามันจะตรงกับเช้าวันจันทร์ที่ 5 ของเราที่เมืองไทย เพราะฉะนั้นเขาก็จะกริ๊งกร๊างมาหาอาจารย์ใช่ไหมคะ ให้ส่งเสียงไป
ปานเทพ- ก็คงจะมีการพูดคุยด้วย อะไรที่อยากจะคุย อยากจะสอบถาม อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็จะเจอวันนั้น
สโรชา- ใครเป็นพันธมิตรฯอยู่ที่สหรัฐอเมริกาก็ติดตามได้นะคะ สำหรับงานนี้ และถ้าไปกันที่แคลิฟอร์เนียเห็นในนี้บอกว่ามีการแจ้งความประสงค์ที่จะมาร่วมงานกันร้อยกว่าคน ก็ได้พบกันในวันจันทร์ สำหรับวันนี้อาจารย์คะ ข่าวคราวเรื่องของธงชาติ เรื่องความไม่พอใจก็ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เราก็จะเห็นภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้รู้สึกว่าจะเพิ่มเติมมาค่อนข้างเยอะในส่วนของภาพธงชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปปรากฏที่วันเปิดตัว คุณทักษิณ ในฐานะประธานสโมสรคนใหม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ของผู้จัดการ
ปานเทพ- นี่ครับภาพนี้ครับ มีคนถามว่า คุณทักษิณรู้ไหม ที่คุณสมัครสอบถามก่อนหน้านี้ว่า เอ๊ะ เขาเห็นหรือเปล่า
สโรชา- คือทุกคนสรุปเหมือนกันว่า ในฐานะที่เป็นคนไทย เห็นอย่างนี้แล้วต้องสะดุด
ปานเทพ- ครับ
สโรชา- ต้องไม่สบายใจ และต้องแก้ไข แต่ว่าก็มีคนถามต่อว่า แสดงว่าคุณทักษิณไม่ทราบใช่ไหม ถึงแม้ว่าวันที่แข่งกับฟูแล่มนั้นคุณทักษิณจะนั่งอยู่อัฒจันทร์ตรงกันข้ามกับธงก็ตาม แต่ว่าในงานเปิดตัวแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันนั้น ภาพที่ปรากฏก็คือ คุณทักษิณรวมไปถึงลูกๆ และผู้ที่ไปร่วมงานที่เป็นชาวไทยอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น คุณน้ำนิ่ง คุณลิเดีย ก็ปรากฏในภาพเช่นเดียวกันนะคะ ก็มีสิ่งที่เชื่อได้ว่าเป็นธงชาติที่คล้ายกับที่เราเห็นในอัฒจันทร์ของซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ สเตเดียม นะคะ
ปานเทพ- อยากให้ท่านผู้ชมไปฟังการสัมภาษณ์เมื่อวัน
สโรชา- พุธ ใช่ไหมคะ
ปานเทพ- พุธที่ผ่านมานะครับ ก็สัมภาษณ์ในฐานะคนที่เป็นทหาร ว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องธงชาติ รายการคนในข่าว นะครับ วันนั้นหลายคนบอกว่า มีความประทับใจกับการสัมภาษณ์คืนนั้นมาก เกี่ยวกับเรื่องธงนะครับ ไปรับชมกันครับ เชิญครับ
สโรชา- เชิญค่ะ
(VTR เทปสัมภาษณ์รายการคนในข่าว)
ปานเทพ- ชัดเจนไหมครับ
สโรชา- ชัดเจนคะ
ปานเทพ- แต่ว่าวันนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับธงยังไม่จบใช่ไหมครับคุณแอ้ม
สโรชา- วันนี้ก็มี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ชื่อว่า นายภิรมย์ พลวิเศษ อายุ 43 ปี เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร จ.นครราชสีมา เขต 5 พรรคพลังประชาชน เข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองปรามปราบ โดยการนำภาพที่คุณภิรมย์ อ้างว่าได้ไปค้นพบในเว็บไซต์ของพันธ์ทิพย์ และนำมาเป็นหลักฐานเพื่อมาแจ้งความในครั้งนี้ คุณภิรมย์ บอกว่า ภาพแรกที่นำมา เป็นภาพของฉากที่อยู่หลังเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นภาพฉากหลังที่มีการเพ้นท์รูปธงชาติตามแนวขวางบนเวที ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี โดยมีชื่อของวิทยากรที่ไปบรรยายเขียนทับธงชาติไทยอยู่ นั่นคือภาพแรกนะคะ ภาพที่ 2 เป็นภาพหญิงสาวที่นำผ้าพันคอมาทำเป็นเสื้อ ซึ่งไม่ได้นำธงชาติมา แต่เป็นสีธงชาติไทยที่ไปอยู่บนเสื้อ และมีข้อความว่า "ออกไป" อยู่ด้านล่าง เชื่อว่าอาจจะเป็นผู้ที่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เมื่อปีก่อน
ปานเทพ- คุณแอ้มครับ คุณภิรมย์ ผมคิดว่าศึกษากฎหมายไม่ค่อยแจ่มชัดเท่าไหร่ คุณแอ้มเคยเห็นแฟนๆพันธมิตรฯ เราไหมครับ เวลาชุมนุม เขาจะเพ้นท์อยู่ข้างๆแก้ม เป็นธงชาติ เป็นเรื่องปกติ
สโรชา- จริงๆแล้วไม่ต้องเป็นพันธมิตรฯ ก็ได้ แฟนบอลที่ไปเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยก็จะมีเหมือนกัน
ปานเทพ- ก็เป็นเรื่องปกติ บางคนทาสีบนหน้า จะเรียกธงได้ก็ต่อเมื่อตาม พ.ร.บ.ธง นะครับขออนุญาตอ่านนะครับ พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 มีรายละเอียดคือว่า มาตราที่ 5 ธงที่มีความหมายถึงประเทศไทย และชาติไทย ได้แก่ ธงชาติ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 6 ส่วน ยาว 9 ส่วน ด้านกว้างแบ่งเป็น 5 แถบ ตลอดความยาวของผืนธง ตรงกลางเป็นแถบสีน้ำเงินแก่ กว้าง 2 ส่วน ต่อจากแถบสีน้ำเงินแก่ออกไปทั้งสองข้าง เป็นแถบสีขาว กว้างข้างละ 1 ส่วน ต่อจากแถบสีขาวออกไปทั้งสองข้าง เป็นแถบสีแดง กว้างข้างละ 1 ส่วน ธงชาตินี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธงไตรรงค์
สโรชา- ใช่ค่ะ
ปานเทพ- ธง เป็นอย่างนี้ครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ผมเห็นว่า คำว่า ธง ตรงที่สุดเลยนะครับ ก็คือธงที่ใช้ที่แมนฯ ซิตี้ สีตรงเปี๊ยะ ขนาดใช่เลย เพราะว่าจะไปสั่งทำธงชาติไทยนี่หายากนะที่อังกฤษ ผมก็เห็นแต่ว่า ธงขนาดใหญ่ๆ อย่างนี้น่าจะอยู่ที่เมืองไทย แต่ว่าปัก ผมไม่แน่ใจว่าใครไปทำ ที่มีชื่อคุณทักษิณอยู่ แต่อย่างที่บอกละครับ คนที่รู้สึกกันมาก ก็มีทั้ง ทหาร คนไทยทั่วไป เขารู้สึกกันมาก ไม่ต้องพูดถึงว่า มีความถูกต้อง ผิดถูกตามกฎหมายหรือเปล่า เอาแค่รู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ในยามที่คุณทักษิณมีปัญหาในเรื่องของคดีความ กำลังถูกกล่าวหาในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยว่าผิดหรือไม่คุณทักษิณถือว่าเป็นผู้ต้องหานะครับ ที่ต้องกำลังรอพิจารณาคดีอยู่ต่างประเทศ แล้วใช้ธงชาติไทยมีชื่อตัวเองอยู่ ในการถ่ายทอดสดทั่วโลกมันทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่าคุณทักษิณ คิดอะไรอยู่ในใจ จะบอกว่าไม่รู้คงยากพอสมควร เพราะว่ามีหลายภาพปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นลายเซ็น เรื่องการอยู่ใกล้ๆกับธงชาติแบบนี้ มันทำให้หลายคนคิดจริงๆ
สโรชา- คือที่อาจารย์บอกว่าสิ่งที่มีผลต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทย หรือแม้กระทั่งความหมายตาม พ.ร.บ.ธง ก็คือเป็นสิ่งที่เป็นธง เป็นขนาดของธง
ปานเทพ- เขาถึงเรียกว่า พ.ร.บ.ธง ไงครับ
สโรชา- เป็นธงไตรรงค์ และห้ามมีสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร หรือรูป ไปประทับอยู่บนธงไตรรงค์ นี่คือสิ่งที่ผิด พ.ร.บ.
ปานเทพ- อันนี้เป็นตามกฎหมายเลยครับ ก็อยากจะให้เข้าใจว่าอย่าไปบิดเบือนประเด็นเลยครับ อย่าไปคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีหลังฉาก
สโรชา- คือเขาคงพยายามที่จะพูดทำนองว่า คนอื่นก็ทำตั้งเยอะแยะ และหยิบยกตัวอย่างมา
ปานเทพ- ไม่เหมือนกันหรอกครับ ตรงที่ว่าคุณทักษิณ เคยเป็นอดีตนายกฯ ประเทศไทย และมีข้อขัดแย้งที่กำลังถูกพิสูจน์อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ว่าผิดหรือถูก
สโรชา- ใกล้ตัวเราเลยเนี่ย
ปานเทพ- เราก็มีครับ นี่ไงครับ
สโรชา- อันนี้ไม่ถือว่าผิด พ.ร.บ.ธง
ปานเทพ- ใช่ครับ เพราะขนาดก็ไม่ใช่แล้ว และก็ไม่ใช่ธง ธงต้องเป็นธงจริงๆ ถึงใช้ พ.ร.บ.ธงได้
สโรชา- พยายามจะจับมุมกว้างให้คุณผู้ชมได้เห็นว่าฉากเรายาว และโค้ง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ธง
ปานเทพ- คำว่าธง ก็คือธง ตามขนาดเลย ไม่ต้องแปลอย่างอื่นเลย ถามเด็กอนุบาลก็รู้ว่าธงแปลว่าอะไร อย่างนี้ต่อครับ ประเด็นวันนี้ที่ผมอยากจะพูดก็เป็นประเด็นที่คุณประสงค์ สุ่นศิริ ได้พูดถึง เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ต่างๆดีกว่า วันนี้ผมอยากจะคุยเรื่องเว็บไซต์ ขออนุญาตพูดถึงสิ่งที่คุณคำนูณ ก็ดีพูดอยู่หลายครั้ง และข่าวในช่อง ASTV ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรายการ NEWSHOUR หรือแม่กระทั่งเรา ได้พูดถึงเว็บไซต์หนึ่ง นอกจากเว็บไซต์ไฮทักษิณแล้ว อีกเว็บไซต์ชื่อว่า ประชาไท คุณแอ้มเคยเข้าไปไหม
สโรชา- ไม่เคยเข้าไป เห็นแต่ข้อความที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหลายต่อหลายครั้ง เรียนตามตรงบางครั้งว่าอ่านยังแทบไม่อยากอ่าน
ปานเทพ- คืออยากจะบอกว่าอย่างนี้คุณแอ้ม คุณคำนูณได้หยิบยกเว็บไซต์นี้ขึ้นมาในกรณีที่มีการพูดถึงคุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง และก็มีคล้ายๆกับพื้นที่ให้กำลังใจกับคุณโชติศักดิ์ เหมือนกับว่าเป็นการรณรงค์เป็นกรณีพิเศษ และคุณคำนูณ ก็วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการลงข่าวอย่างนี้ อย่างนี้
สโรชา- เป็นประเด็นเร็วมากเลยนะคะเร็วกว่าสื่ออื่นๆด้วยซ้ำไป เกิดเหตุเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีการเปิดกระทู้ค่อนข้างจะทันควันเลย
ปานเทพ- แล้วก็อยากจะบอกว่าเว็บไซต์นี้คือพื้นที่แสดงความคิดความเห็น ผมก็ดีคุณคำนูณก็ดี เราไม่ได้มีความคิดในทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราไม่เคยต่อต้านนะครับ ไม่เคยมีความคิดว่าความคิดแตกต่างอยู่ร่วมกันไม่ได้ ความคิดแตกต่างที่หลากหลายอยู่ด้วยกันได้ และนำเสนอด้วยข้อมูลและความคิดเห็นตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฐานะคนไทย เป็นเรื่องปกตินะครับ และอยากจะบอกว่า เว็บไซต์ประชาไท ที่หลายคนอยากจะรู้จักว่าเป็นใครมาอย่างไร เว็บไซต์ประชาไท เริ่มก่อตั้งโดยแนวคิดของท่าน อ.จอน อึ๊งภากรณ์
สโรชา- ในยุคแรกนะคะ
ปานเทพ- ในยุคแรก ซึ่งต้องการทำสื่อที่ไม่ถูกควบคุม แล้วก็ ไม่ถูกควบคุมโดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐ เห็นตัวอย่างจากสื่อของประเทศฟิลิปปินส์ จึงเริ่มโครงการวารสารข่าวทางอินเตอร์เน็ต เพื่อการศึกษาและสุขภาวะของชุมชน
สโรชา- นี่คือจุดเริ่มต้นของ ประชาไทด็อทคอม
ปานเทพ- จุดเริ่มต้นครับ แล้วก็ได้รับเงินสนับสนุนด้วย หลายครั้งเราจะมีความรู้สึกว่า การนำเสนอจะเป็นรูปแบบที่หลายคนมีความคาดหวังว่า จะเริ่มต้นด้วยการนำเสนอความหลากหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะครับ
สโรชา- ความแตกต่าง ใช่ไหมคะ
ปานเทพ- ขออนุญาตหยิบยกสิ่งที่คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ เขียนในผู้จัดการรายวัน มาอ้างอิง เพื่อทำให้เข้าใจถึงกระบวนการคิด มากขึ้น ท่าน อ.จอน อึ๊งภากรณ์ บอกเล่าถึงแนวคิดในเว็บไซต์ว่า ต้องใช้เวลาการประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาแนวคิดที่ชัดเจน และหาบรรณาธิการและทีมงาน รวมทั้งจัดหาทุนในการดำเนินการด้วย ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ท่าน อ.จอน ตระหนักอย่างมากนอกจากทุนดำเนินการ แล้วก็ นอกจากแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว ต้องมีบรรณาธิการ เขาบอกว่าโชคดีที่ได้ คุณสมเกียรติ เข้ามาในตอนแรก เชื่อไหมครับว่ามีเงินสนับสนุนแนวทาง แนวคิดนี้อย่างมาก เรียกได้ว่ามีเงินสนับสนุนเข้ามาถึง 7 ล้าน คุณแอ้มครับ เข้ามาถึง 7 ล้านบาท 70 เปอร์เซ็นต์ มาจากองค์กรภาครัฐ หรือว่าเงินภาษีประชาชน และอีก 30 เปอร์เซ็นต์ มาจากองค์กรต่างประเทศ กองทุนส่งเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ให้ทุนสนับสนุนในการดำเนินการจัดตั้งเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นการให้ครั้งเดียวแล้วก็ไม่มีการให้ต่อเนื่อง โดยสนับสนุนเป็นเงิน จำนวน 2,979,000 บาท จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ อพช. เป็นจำนวนเงิน 1,896,000 บาท และการสนับสนุนจากมูลนิธิร็อกกี้เฟนเลอร์ อีก 200,000 บาท สำหรับค่าวัสดุอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แล้วก็ได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินงานจาก โอเพิลโซไซตี้ อินสดิว สำหรับการดำเนินการโครงการ ระหว่าง 1 ตุลาคม 2548 - 30 กันยายน 2549 เป็นเงินอีกประมาณ 50,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,000,000 บาท เงินจาก 2 องค์กร เกือบ 5,000,000 บาท ต้องถือว่าเป็นการสนับสนุนจากภาษีอากรของประชาชน และถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ เพราะว่าความเชื่อมั่นในการทำงานของท่าน อ.จอน อึ้งภากรณ์ มีอุดมการณ์ ทีนี้หลังๆ เราเริ่มเห็นพื้นที่ในเว็บไซต์นี้ในการนำเสนอ อย่างที่เราเห็นกระทู้ ในการสนับสนุนคุณโชติศักดิ์ แล้วมีบทความในการสนับสนุนการกระทำของคุณโชติศักดิ์ อย่างต่อเนื่อง ในรอบประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และอย่างที่เราเรียนให้ทราบว่า มีการตั้งกระทู้ให้กำลังใจคุณโชติศักดิ์ ยังไม่นับข้อความที่โพสต์ ที่หมิ่นเหม่มากว่าจะเป็นความเหมาะสมหรือไม่ เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หลายข้อความนะครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ซึ่งทั้งหมดนี้ ขออนุญาตจริงๆ ว่า เราอัดเป็นวิดีโอทั้งหมด ให้เห็นความคืบหน้าของเว็บไซต์นี้อย่างเป็นกระบวนการ เพื่อป้องกันตัวเราเองว่า เราไม่ได้พูดชนิดที่เรียกว่า ไม่มีหลักฐาน หรือปราศจากหลักฐาน
สโรชา- จริงๆ แล้วแอ้มเชื่อว่า ทั้งอาจารย์ ทั้งตัวแอ้มเอง หรือหลายๆ ท่านที่เคยได้เห็นบทความที่ปรากฏในประชาไท โดยภาพรวมแล้ว เจตนารมณ์ของ อ.จอน นั้นดี น่าสนับสนุน แต่ว่าช่วงระยะหลังสิ่งที่เราเห็น บรรยากาศที่เปลี่ยนไป หรือสิ่งที่เปลี่ยนไปในเว็บไซต์นี้ ในช่วงระยะเวลานี้ ช่วงระยะเวลาหลังๆ เป็นที่น่าสังเกต
ปานเทพ- คืออย่างนี้ครับ ที่เป็นเหตุที่คุณสุรวิทย์ วีรวรรณ เขียน ก็มาจากเหตุตรงที่ว่า หลังจากที่เราวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมอืง ย้ำนะครับท่านผู้ชม ถ้าทบทวนกันให้ดี กรณีของ NBT ที่เสนอเนปาล ก็ไม่ใช่มาจากเราเป็นคนจุดประกายนะครับ มาจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เอง และคมชัดลึก ก็ลงรายละเอียดมากกว่านั้น ว่ามีการปฏิวัติฝรั่งเศส และที่อังกฤษอีก เราก็เพิ่งรู้นะครับ เพราะเราไม่เคยดูสถานีนี้เลย เรียนตามตรง จะว่าไปแล้วถึงกรณีเรื่องของธง ผู้จัดการถือว่าเอาบทความ หรือภาพข่าวจากมติชน และข่าวสดมา หลังจากนั้นด้วยซ้ำไป ไม่ได้เป็นการจุดประกายจากผู้จัดการด้วยซ้ำไปในกรณีนี้ เพียงแต่ว่าเรานำข่าวที่เห็นว่าหลายคนให้ความสนใจ และก็จริงๆ ครับ คนเข้าไปหลายหมื่นคนต่อกรณีต่อ 1 ข้อความ 1 ข่าวที่ปรากฏ ความคืบหน้ากรณีสิ่งเหล่านี้นะครับ เลยปรากฏว่าทางเว็บไซต์ประชาไท ซึ่งยุคก็เปลี่ยนไปตั้งมาหลายปีแล้ว ก็เลยปรากฏว่า คุณบรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์นี้ ชื่อคุณชูวัฒน์ ฤกษ์ศิริสุข ได้เขียนหัวข้อสำคัญบทความในฐานะบรรณาธิการว่า "ขอที่เล็กๆ ให้เราได้ยืนและฝันบ้าง" ก็ขออนุญาตอ่านข้อความบางส่วนให้คุณผู้ชมเข้าใจ เพื่อความเป็นธรรมด้วยว่าเขาคิดอย่างไร และเขามีความคิดต่อในการนำเสนอข่าวเราอย่างไร จะพยายามอ่านให้กระชับ และเร็วที่สุด
ปานเทพ- "เว็บไซต์ประชาไท และฟ้าเดียวกัน ตกเป็นข่าวพาดพิงในหนังสือพิมพ์ดาวสยามยุคใหม่" ซึ่งไม่รู้หมายถึงใครนะครับ "ในฐานะที่เสนอข่าวกรณีโชติศักดิ์ อ่อนสูง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง" แค่ย่อหน้าแรกผมเองก็อยากจะโต้ทันที แต่เก็บไว้ก่อน เดี๋ยวเอาให้จบก่อน "และไม่กี่วันต่อมาก็ปรากฏข่าวการฟ้องร้องดำเนินคดีกับประชาไท และฟ้าเดียวกัน" เข้าใจว่าเกิดที่ขอนแก่นนะครับ มาฟ้องร้องกัน "บัดนี้เราตระหนักดีว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเราในฐานะสื่อ ที่มุ่งมั่นปรารถนาจะปกป้องเสรีภาพในการเป็นข่าวของคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีโชติศักดิ์ กำลังถูกดึงเข้าไปในเกมการเมืองอันสามานย์ เพื่อเป็นเครื่องมือเอาชนะทางการเมือง น่าแปลกขณะที่เราเปรียบพระเดชานุภาพประดุจร่มโพธิร่มไทร ที่ไม่ว่าชนชาติใด เผ่าพันธุ์ไหน ไม่ว่าจะคิดเห็นต่างกันอย่างไร ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร เรากลับจำกัดรูปแบบความจงรักภักดีไว้ไม่กี่แบบ หากไม่เป็นอย่างนั้นคือหมิ่น หากไม่เป็นอย่างนี้คือไม่จงรักภักดี คู่ขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้พึงตระหนักเรื่องนี้ให้จงหนัก ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปั่นกระแส ตั้งแต่สือ่ทีวีเสนอข่าว การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศเนปาล ตามด้วยกรณีโชติศักดิ์ มาจนกระทั่งถึงธงชาติไทย ชื่อทักษิณ กระทั่งคนอย่างสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาตอบคำถามเรื่องความจงรักภักดีหลายครั้ง ฝ่ายพันธมิตรเองก็พึงตระหนักว่าการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอาจเป็นเชื้อไฟชั้นดี ให้ฝ่ายกุมอำนาจใช้เรื่องเดียวกันนี้สนองคืนได้ นักศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัยอาจรู้ว่า ประวัติศาสตร์ของการหยิบยกเรื่องเบื้องสูงมาเล่น ล้วนแต่เป็นเครื่องมือการเมืองทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามในท่ามกลางการเมืองแบบนี้ กลุ่มคนที่เป็นกลาง หรือที่เราเรียกว่าสองไม่เอานั่นเองที่จะตายก่อน เหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนที่ปัญญาชนจำนวนหนึ่ง ไม่มีที่ให้หนีไม่ว่าจะเป็นป่าหรือเมือง สำหรับเราไม่เอาทั้งทุนสามานย์ และชุมชนคุณธรรมสุดขั้ว เราไม่เอาระบอบเลือกตั้งอำนาจนิยม และเราก็ไม่เอาประชาสังคมใต้อุปถัมภ์อำมาตย์ เราไม่เอาระบอบทักษิณ ที่แทรกแซงองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน และเราก็ไม่เอาการรัฐประหารภายใต้เปลือกคุณธรรมประชาธิปไตย เราไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งคือทางเดียวอันชอบธรรม แต่เราก็ไม่เอาการเมืองท้องถนนที่ไม่เลือกวิธีใช้แบบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
สโรชา- คือเขากำลังประกาศตัวว่าเขาคือคนที่อยู่ตรงกลาง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าข้างพันธมิตรฯ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นพวกของโปรทักษิณ เหมือนกัน
ปานเทพ- ก็ขออนุญาตเริ่มต้นทีละประเด็นก่อนที่ผมติดใจ ประเด็นแรกที่เขาบอกว่า "เว็บไซต์ประชาไท และฟ้าเดียวกัน ตกเป็นข่าวพาดพิงในหนังสือพิมพ์ดาวสยามยุคใหม่" ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร เพราะว่าข่าวพาดพิงมันเกิดขึ้นอย่างไร และเป็นใคร ส่วนในเว็บไซต์ผู้จัดการเกิดขึ้น และก็ไม่ใช่เว็บไซต์เดียว หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็พูดถึงธง คมชัดลึกพูดถึงเนปาล พูดถึงฝรั่งเศส ก็ไม่รู้หมายถึงใครนะครับ อาจจะหมายถึงผู้จัดการก็ได้ เพราะหลังๆดูเหมือนว่าจะมีข้อความและบทความพูดถึงเครือผูจัดการ และเครือ ASTV อย่างต่อเนื่อง ดาวสยามกับเหตุการณ์ปัจจุบันต่างกันอย่างไรคุณแอ้ม หนังสือพิมพ์ดาวสยามในยุคเหตุการณ์เดือนตุลาคมในคราวนั้น เป็นการตัดต่อแต่งภาพนะครับ และบิดเบือนจากข้อเท็จจริง สิ่งที่ผู้จัดการ หรือ ASTV ก็ดี
สโรชา- หรือจะเหมาไปถึงมติชน หรือข่าวสดก็ได้
ปานเทพ- ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะไปตกแต่งภาพ แต่มันเป็นข้อเท็จจริงหรือเปล่า ตั้งแต่ที่มีข่าวเนปาล การปฏิวัติฝรั่งเศส การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือลดพระราชอำนาจในอังกฤษ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่าที่ NBT จะเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่บังเอิญอีกเหมือนกัน ที่คุณจักรภพ เพ็ญแข เป็น 1 ใน นปก. อดีต นปก.นะครับ ยังไม่นับเหตุการณ์ที่อยู่ดีๆก็มีคนมาปรากฏเป็นข่าว ยกป้ายบอกว่า "ไม่ยืนเป็นสิ่งที่ไม่เป็นอาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม" แล้วก็ชูป้ายภาษาอังกฤษ เรียกสื่อต่างประเทศมา และก็เคยทำงานกับคนบางคนต่อมาได้เป็นแกนนำ นปก.รุ่น 2 เช่นเดียวกับมีกรณีเรื่องการยื่นถวายฎีกาในการแต่งตั้งองคมนตรี ซึ่งคนๆนี้ก็เคยทำงานร่วมกับคนๆหนึ่งซึ่งต่อมาได้เป็นแกนนำ นปก.เช่นเดียวกัน นปก.รุ่น 2 ขออภัย ต่อมามีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏอยู่ใน NBT อีก แล้วใส่เสื้อตัวเดียวกัน ว่า"ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากรฯ" ปรากฏเหมือนกันว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับแกนนำ นปก.รุ่น 2 แล้วเคยมีแนวร่วมในการโค่นล้ม คมช .หรือ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ถามว่าเรื่องแบบนี้เรื่องของความละเอียดอ่อน และท้าทายกับประเด็นที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะโครงสร้างในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นข่าวได้อย่างไร ผมเห็นว่าในเว็บไซต์ประชาไท ยังได้มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจด้วยซ้ำไปว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชน เป็นครับ เราจัดให้ครับ อยู่ใน ASTV และผู้จัดการอย่างเต็มที่ เราเพิ่มพื้นที่ให้ เพียงแต่ว่าต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยว่า สังคมคิดอย่างไร แล้วพร้อมหรือเปล่า
สโรชา- คือที่ผ่านมา ประชาไทเป็นฝ่ายบ่นเองว่า ข่าวประเภทนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วๆ ไป ครั้งนี้แหละได้รับความสนใจ แล้วกลับมา
ปานเทพ- เพราะฉะนั้น ดาวสยาม เป็นการตัดแต่ง เหตุการณ์ที่นำเสนอเกิดจากข้อเท็จจริง และเป็นสิ่งที่สื่อสารมวลชนควรจะต้องนำเสนอด้วยซ้ำไปว่าเกิดอะไรขึ้น
สโรชา- นั่นคือความแตกต่าง
ปานเทพ- นั่นคือความแตกต่าง นะครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ประโยคถัดมาที่บอกว่า คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง รู้เท่าไม่ถึงการณ์
สโรชา- อันนี้หลายคนอาจจะเถียงอยู่ในใจ
ปานเทพ- อันนี้มีประเด็นนะครับ ที่ผมต้องขออนุญาตเถียง แล้วคิดแตกต่าง ขออนุญาตคิดแตกต่าง เพราะเหตุว่า 1. ผมเห็นว่ามีการสวมเสื้อและมีการเตรียมการอย่างดี มีการชูป้าย และป้ายภาษาอังกฤษ มีการเชิญสื่อต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นคดีหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะอะไร
สโรชา- อันนี้คงไม่ใช่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วแหละ
ปานเทพ- หนำซ้ำมีการแจกแถลงการณ์ อย่างน้อย 2 ฉบับ จากคน 2 กลุ่ม ทั้งจากคุณโชติศักดิ์เองและส่วนที่สนับสนุนเอง มีการรณรงค์ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในเรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างเป็นระบบ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ที่หนำซ้ำก็คือว่า มีการรณรงค์ผ่านเว็บ ในเนื้อหาทำนองเดียวกัน ผ่านประชาไท และฟ้าเดียวกัน หนำซ้ำก็คือว่า มีเสื้อ มีเสื้อขายนะครับวันนี้ แล้วก็มีโปสเตอร์ด้วย
สโรชา- มีคุณผู้ชมโทรมาถามว่า จะทำเสื้อโต้ได้ไหม
ปานเทพ- ใช้เย็นๆ ครับท่านผู้ชมครับ เราต้องเข้าใจถึงกระบวนการคิดของคนเหล่านี้ก่อน ให้ถึงแก่นก่อนว่าพวกเขาต้องการอะไรจริงๆ ผมอยากจะบอกว่า จะใช้คำว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณสุรวิชช์ บอกว่า การรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจคือว่า การนำเสนอของเขาก็ดีในเว็บไซต์ประชาไท หรือเว็บไซต์ผู้จัดการก็ดี ถือเป็นสิทธิเสรีภาพไหมในการนำเสนอ เมื่อฝั่งหนึ่งเสนออย่างหนึ่ง ในอีกข้างหนึ่งของคนที่เห็นว่าไม่สมควร มีสิทธิ์นำเสนอไหม ผมว่ามีสิทธิ์ครับ เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
สโรชา- ก็คือความเห็นที่แตกต่างนั่นเอง
ปานเทพ- ทีนี้ สิ่งที่คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ เขาตั้งข้อสังเกต เขาบอกว่า สถานการณ์แบบนี้ เขาบอกว่า ไม่เข้าใจว่า ท่านบรรณาธิการ ที่ต้องการที่ยืนของตัวเอง ก็ควรเคารพที่ยืนของคนอื่นเช่นเดียวกันว่ามีความแตกต่างกันได้
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- แล้วถ้าจะมีนักธุรกิจไปฟ้องร้อง นักธุรกิจชาวขอนแก่น ก็เป็นเรื่องของนักธุรกิจ เราเองก็ไม่ได้เกี่ยว เพราะเราเองมีหน้าที่นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ที่นี้ปัญหาคือ คุณสุรวิชช์ บอกว่า คุณสุรวิชช์ต้องขออภัยที่จะต้องบอกท่านบรรณาธิการว่า ท่านตีความว่าการรณรงค์อย่างแข็งขันคือการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมก็คิดว่า วิจารณญาณของท่านบรรณาธิการน่าจะมีปัญหาจริงๆ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ไม่ใช่แค่นี้ครับ ก็คือว่า เขาพูดถึงกระบวนการความคิดอย่างนี้ครับว่า น่าแปลก ขณะที่เราเปรียบพระเดชานุภาพประดุจร่มโพธิ์ร่มไทร ที่ไม่ว่าชนชาติใด เผ่าพันธุ์ไหน ไม่ว่าคิดเห็นต่างอย่างไร ล้วนแต่อยู่ใต้ พระบรมโพธิสมภาร อันนี้จริงครับ เพียงแต่ว่าความต่างนั้นมันต้องไม่ต่างจนกระทั่งมีความรู้สึกว่า ไปบั่นทอน หรือว่าหมิ่นเหม่ต่อการเสียความรู้สึก หรือทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ มีความรู้สึกว่า มีการกระทบกระเทือนต่อพระบรมโพธิสมภาร เช่นเดียวกัน
สโรชา- ถูก
ปานเทพ- คือต่างกันอย่างไรก็ได้
สโรชา- แต่ไม่ใช่แตกต่างอย่างตรงกันข้าม
ปานเทพ- ตรงกันข้ามไม่เป็นไรครับ แต่ว่าต้องไม่แตกต่างในหลักการว่าจะไปกระทบต่อพระบรมโพธิสมภาร ในสิ่งที่คุณบรรณาธิการคิด จะต้อง เช่นเดียวกันถ้าคิดว่า นี่คือ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทร คงไม่มีใครคิดว่าต่างกันแล้วไปฟันร่มโพธิ์ร่มไทรนั่นเองเสีย ใช่ไหมครับ จะให้คิดแตกต่างแล้วไปยอมรับ แล้วยืนอยู่เฉยๆ ผมว่า ในแง่ความคิดเห็น ต้องเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิด ความเห็น เขาบอกว่า เรากลับจำกัดรูปแบบความจงรักภักดีไว้ไม่กี่แบบ หากไม่เป็นอย่างนั้นคือหมิ่น หากเป็นอย่างนี้คือหมิ่น ไม่จงรักภักดี ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ กฎหมายเขียนครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- แล้วจริงๆ นะครับ รัฐธรรมนูญก็เขียนเช่นเดียวกัน แล้วการที่รัฐธรรมนูญเขียน บอกว่า พระมหากษัตริย์เป็นสิ่งสูงสุด คุณแอ้ม จะไปละเมิดก็คงไม่ได้ ทีนี้สิ่งที่สำคัญก็คือว่า ตอนนี้ บอกว่า พันธมิตรฯ เองพยายามปั่นกระแส แต่ผมก็เรียนซ้ำอีกแล้วว่า เราไม่ได้ปั่นกระแส มันเกิดขึ้นจากกระบวนการ ที่ไม่ใช่เราด้วยซ้ำไป ต้นตอของสาเหตุไม่ใช่เราไปแต่งภาพก็ไม่ใช่เลย
สโรชา- อาจารย์ ทำไมหลายฝ่ายถึงได้คิด หรือว่าพยายามจะตอกย้ำในประเด็นที่ว่า ฝั่งพันธมิตรฯ ฝั่งผู้จัดการ ฝั่ง ASTV พยายามจะหยิบยกประเด็นนี้มาเหมือนจะเป็นเครื่องมือในการต่อสู้
ปานเทพ- ก็เขาคิดเองครับคุณแอ้ม ถามว่าเดิมทีเรารณรงค์เรื่องอะไรคุณแอ้ม เรารณรงค์เรื่องของรัฐธรรมนูญใช่ไหมครับ
สโรชา- ค่ะ, ประเด็นที่เริ่มต้น จริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม เราเป็นฝ่ายตอบโต้ หลังจากที่เขามีความเคลื่อนไหว ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 237 , 309 ที่เริ่มต้นกันมา พันธมิตรฯ กลับมาก่อตัวอีกครั้งหนึ่งก็เนื่องจากเงื่อนไขของการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า เราเป็นฝ่ายเริ่มต้น เป็นฝ่ายจุดประกาย
ปานเทพ- ครับ, แต่ว่าเอาอย่างนี้ดีกว่าคุณแอ้ม ผมวันนี้จะต่อจิ๊กซอว์ให้ฟัง ท่านผู้ชมฟังให้ดีนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเราต้องพักกันก่อน
สโรชา- ได้ค่ะ
ปานเทพ- เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่า กระบวนการคิดมันช่างสอดคล้องกับอะไรบางอย่าง ที่บังเอิญมีแหล่งสนับสนุนทางการเงินจากคนบางกลุ่มคุณแอ้ม เดี๋ยวเรามาเล่าให้ฟังดีไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- พักกันสักครู่ดีกว่าครับ
สโรชา- ค่ะ, สักครู่เดียวค่ะ
ปานเทพ- เชิญครับคุณแอ้ม
สโรชา - ภูมิใจมากค่ะ ฉบับแรกในชีวิต
ปานเทพ- และฉบับสุดท้ายใช่ไหมครับ
สโรชา- ฉบับสุดท้าย
ปานเทพ- โทรเลขนะครับ
สโรชา- มีโทรเลขมา จริงๆ แล้วแอบดูพี่อัญกับพี่เติมจัดรายการ ก็แอบอิจฉาอยู่เล็กๆ ฉบับแรกมาถึงรายการยามเฝ้าแผ่นดิน นะคะ จากยามเกื้อกูล จ.พะเยา ก็เขียนมาว่า ขอเป็นกำลังใจให้ชาวยามและ ASTV ทุกท่าน จากยามเกื้อกูล จ.พะเยา อีกฉบับหนึ่งมาถึงแอ้ม ขึ้นไปชั้น 4 ตอนแรกเปิดแล้วก็ไม่คุ้น นึกขึ้นได้เป็นโทรเลขรุ่นสุดท้ายนั่นเอง บอกว่าก็ขอเป็นกำลังใจ และเขียนมาว่าชอบ และชื่นชอบ จากพันธมิตรฯ ศรีสะเกษ ก็ขอบพระคุณ รู้สึกเป็นปลื้มมากเลย ว่าได้รับโทรเลขกับเขาด้วย อีกเรื่องหนึ่ง อ.ปานเทพ จะไปสัมมนาที่อเมริกาเหรอคะ ไปเองไหมหรือส่งไปแค่เสียง
ปานเทพ- จะพูดคุยทางโทรศัพท์ เป็นการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับคนไทยที่สหรัฐอเมริกา
สโรชา- จะมีการจัดสัมมนาสำหรับพันธมิตรฯ สหรัฐอเมริกา ไปกันที่เมืองเบลฟลาวเวอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 4 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เวลา 14.00 น. - 20.00 น. โดยวัตถุประสงค์ในการจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อที่จะสนับสนุนการเคลื่อนไหวการการต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ การจัดหาโฆษณาอย่างต่อเนื่องสำหรับการสนับสนุน ASTV และมีการจัดสัมมนา เรื่องของการคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ แต่ว่ามันจะตรงกับเช้าวันจันทร์ที่ 5 ของเราที่เมืองไทย เพราะฉะนั้นเขาก็จะกริ๊งกร๊างมาหาอาจารย์ใช่ไหมคะ ให้ส่งเสียงไป
ปานเทพ- ก็คงจะมีการพูดคุยด้วย อะไรที่อยากจะคุย อยากจะสอบถาม อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็จะเจอวันนั้น
สโรชา- ใครเป็นพันธมิตรฯอยู่ที่สหรัฐอเมริกาก็ติดตามได้นะคะ สำหรับงานนี้ และถ้าไปกันที่แคลิฟอร์เนียเห็นในนี้บอกว่ามีการแจ้งความประสงค์ที่จะมาร่วมงานกันร้อยกว่าคน ก็ได้พบกันในวันจันทร์ สำหรับวันนี้อาจารย์คะ ข่าวคราวเรื่องของธงชาติ เรื่องความไม่พอใจก็ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เราก็จะเห็นภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้รู้สึกว่าจะเพิ่มเติมมาค่อนข้างเยอะในส่วนของภาพธงชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปปรากฏที่วันเปิดตัว คุณทักษิณ ในฐานะประธานสโมสรคนใหม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ของผู้จัดการ
ปานเทพ- นี่ครับภาพนี้ครับ มีคนถามว่า คุณทักษิณรู้ไหม ที่คุณสมัครสอบถามก่อนหน้านี้ว่า เอ๊ะ เขาเห็นหรือเปล่า
สโรชา- คือทุกคนสรุปเหมือนกันว่า ในฐานะที่เป็นคนไทย เห็นอย่างนี้แล้วต้องสะดุด
ปานเทพ- ครับ
สโรชา- ต้องไม่สบายใจ และต้องแก้ไข แต่ว่าก็มีคนถามต่อว่า แสดงว่าคุณทักษิณไม่ทราบใช่ไหม ถึงแม้ว่าวันที่แข่งกับฟูแล่มนั้นคุณทักษิณจะนั่งอยู่อัฒจันทร์ตรงกันข้ามกับธงก็ตาม แต่ว่าในงานเปิดตัวแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันนั้น ภาพที่ปรากฏก็คือ คุณทักษิณรวมไปถึงลูกๆ และผู้ที่ไปร่วมงานที่เป็นชาวไทยอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น คุณน้ำนิ่ง คุณลิเดีย ก็ปรากฏในภาพเช่นเดียวกันนะคะ ก็มีสิ่งที่เชื่อได้ว่าเป็นธงชาติที่คล้ายกับที่เราเห็นในอัฒจันทร์ของซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ สเตเดียม นะคะ
ปานเทพ- อยากให้ท่านผู้ชมไปฟังการสัมภาษณ์เมื่อวัน
สโรชา- พุธ ใช่ไหมคะ
ปานเทพ- พุธที่ผ่านมานะครับ ก็สัมภาษณ์ในฐานะคนที่เป็นทหาร ว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องธงชาติ รายการคนในข่าว นะครับ วันนั้นหลายคนบอกว่า มีความประทับใจกับการสัมภาษณ์คืนนั้นมาก เกี่ยวกับเรื่องธงนะครับ ไปรับชมกันครับ เชิญครับ
สโรชา- เชิญค่ะ
(VTR เทปสัมภาษณ์รายการคนในข่าว)
ปานเทพ- ชัดเจนไหมครับ
สโรชา- ชัดเจนคะ
ปานเทพ- แต่ว่าวันนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับธงยังไม่จบใช่ไหมครับคุณแอ้ม
สโรชา- วันนี้ก็มี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ชื่อว่า นายภิรมย์ พลวิเศษ อายุ 43 ปี เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร จ.นครราชสีมา เขต 5 พรรคพลังประชาชน เข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองปรามปราบ โดยการนำภาพที่คุณภิรมย์ อ้างว่าได้ไปค้นพบในเว็บไซต์ของพันธ์ทิพย์ และนำมาเป็นหลักฐานเพื่อมาแจ้งความในครั้งนี้ คุณภิรมย์ บอกว่า ภาพแรกที่นำมา เป็นภาพของฉากที่อยู่หลังเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นภาพฉากหลังที่มีการเพ้นท์รูปธงชาติตามแนวขวางบนเวที ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี โดยมีชื่อของวิทยากรที่ไปบรรยายเขียนทับธงชาติไทยอยู่ นั่นคือภาพแรกนะคะ ภาพที่ 2 เป็นภาพหญิงสาวที่นำผ้าพันคอมาทำเป็นเสื้อ ซึ่งไม่ได้นำธงชาติมา แต่เป็นสีธงชาติไทยที่ไปอยู่บนเสื้อ และมีข้อความว่า "ออกไป" อยู่ด้านล่าง เชื่อว่าอาจจะเป็นผู้ที่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เมื่อปีก่อน
ปานเทพ- คุณแอ้มครับ คุณภิรมย์ ผมคิดว่าศึกษากฎหมายไม่ค่อยแจ่มชัดเท่าไหร่ คุณแอ้มเคยเห็นแฟนๆพันธมิตรฯ เราไหมครับ เวลาชุมนุม เขาจะเพ้นท์อยู่ข้างๆแก้ม เป็นธงชาติ เป็นเรื่องปกติ
สโรชา- จริงๆแล้วไม่ต้องเป็นพันธมิตรฯ ก็ได้ แฟนบอลที่ไปเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยก็จะมีเหมือนกัน
ปานเทพ- ก็เป็นเรื่องปกติ บางคนทาสีบนหน้า จะเรียกธงได้ก็ต่อเมื่อตาม พ.ร.บ.ธง นะครับขออนุญาตอ่านนะครับ พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 มีรายละเอียดคือว่า มาตราที่ 5 ธงที่มีความหมายถึงประเทศไทย และชาติไทย ได้แก่ ธงชาติ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 6 ส่วน ยาว 9 ส่วน ด้านกว้างแบ่งเป็น 5 แถบ ตลอดความยาวของผืนธง ตรงกลางเป็นแถบสีน้ำเงินแก่ กว้าง 2 ส่วน ต่อจากแถบสีน้ำเงินแก่ออกไปทั้งสองข้าง เป็นแถบสีขาว กว้างข้างละ 1 ส่วน ต่อจากแถบสีขาวออกไปทั้งสองข้าง เป็นแถบสีแดง กว้างข้างละ 1 ส่วน ธงชาตินี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธงไตรรงค์
สโรชา- ใช่ค่ะ
ปานเทพ- ธง เป็นอย่างนี้ครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ผมเห็นว่า คำว่า ธง ตรงที่สุดเลยนะครับ ก็คือธงที่ใช้ที่แมนฯ ซิตี้ สีตรงเปี๊ยะ ขนาดใช่เลย เพราะว่าจะไปสั่งทำธงชาติไทยนี่หายากนะที่อังกฤษ ผมก็เห็นแต่ว่า ธงขนาดใหญ่ๆ อย่างนี้น่าจะอยู่ที่เมืองไทย แต่ว่าปัก ผมไม่แน่ใจว่าใครไปทำ ที่มีชื่อคุณทักษิณอยู่ แต่อย่างที่บอกละครับ คนที่รู้สึกกันมาก ก็มีทั้ง ทหาร คนไทยทั่วไป เขารู้สึกกันมาก ไม่ต้องพูดถึงว่า มีความถูกต้อง ผิดถูกตามกฎหมายหรือเปล่า เอาแค่รู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ในยามที่คุณทักษิณมีปัญหาในเรื่องของคดีความ กำลังถูกกล่าวหาในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยว่าผิดหรือไม่คุณทักษิณถือว่าเป็นผู้ต้องหานะครับ ที่ต้องกำลังรอพิจารณาคดีอยู่ต่างประเทศ แล้วใช้ธงชาติไทยมีชื่อตัวเองอยู่ ในการถ่ายทอดสดทั่วโลกมันทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่าคุณทักษิณ คิดอะไรอยู่ในใจ จะบอกว่าไม่รู้คงยากพอสมควร เพราะว่ามีหลายภาพปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นลายเซ็น เรื่องการอยู่ใกล้ๆกับธงชาติแบบนี้ มันทำให้หลายคนคิดจริงๆ
สโรชา- คือที่อาจารย์บอกว่าสิ่งที่มีผลต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทย หรือแม้กระทั่งความหมายตาม พ.ร.บ.ธง ก็คือเป็นสิ่งที่เป็นธง เป็นขนาดของธง
ปานเทพ- เขาถึงเรียกว่า พ.ร.บ.ธง ไงครับ
สโรชา- เป็นธงไตรรงค์ และห้ามมีสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร หรือรูป ไปประทับอยู่บนธงไตรรงค์ นี่คือสิ่งที่ผิด พ.ร.บ.
ปานเทพ- อันนี้เป็นตามกฎหมายเลยครับ ก็อยากจะให้เข้าใจว่าอย่าไปบิดเบือนประเด็นเลยครับ อย่าไปคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีหลังฉาก
สโรชา- คือเขาคงพยายามที่จะพูดทำนองว่า คนอื่นก็ทำตั้งเยอะแยะ และหยิบยกตัวอย่างมา
ปานเทพ- ไม่เหมือนกันหรอกครับ ตรงที่ว่าคุณทักษิณ เคยเป็นอดีตนายกฯ ประเทศไทย และมีข้อขัดแย้งที่กำลังถูกพิสูจน์อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ว่าผิดหรือถูก
สโรชา- ใกล้ตัวเราเลยเนี่ย
ปานเทพ- เราก็มีครับ นี่ไงครับ
สโรชา- อันนี้ไม่ถือว่าผิด พ.ร.บ.ธง
ปานเทพ- ใช่ครับ เพราะขนาดก็ไม่ใช่แล้ว และก็ไม่ใช่ธง ธงต้องเป็นธงจริงๆ ถึงใช้ พ.ร.บ.ธงได้
สโรชา- พยายามจะจับมุมกว้างให้คุณผู้ชมได้เห็นว่าฉากเรายาว และโค้ง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ธง
ปานเทพ- คำว่าธง ก็คือธง ตามขนาดเลย ไม่ต้องแปลอย่างอื่นเลย ถามเด็กอนุบาลก็รู้ว่าธงแปลว่าอะไร อย่างนี้ต่อครับ ประเด็นวันนี้ที่ผมอยากจะพูดก็เป็นประเด็นที่คุณประสงค์ สุ่นศิริ ได้พูดถึง เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ต่างๆดีกว่า วันนี้ผมอยากจะคุยเรื่องเว็บไซต์ ขออนุญาตพูดถึงสิ่งที่คุณคำนูณ ก็ดีพูดอยู่หลายครั้ง และข่าวในช่อง ASTV ด้วย ไม่ว่าจะเป็นรายการ NEWSHOUR หรือแม่กระทั่งเรา ได้พูดถึงเว็บไซต์หนึ่ง นอกจากเว็บไซต์ไฮทักษิณแล้ว อีกเว็บไซต์ชื่อว่า ประชาไท คุณแอ้มเคยเข้าไปไหม
สโรชา- ไม่เคยเข้าไป เห็นแต่ข้อความที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหลายต่อหลายครั้ง เรียนตามตรงบางครั้งว่าอ่านยังแทบไม่อยากอ่าน
ปานเทพ- คืออยากจะบอกว่าอย่างนี้คุณแอ้ม คุณคำนูณได้หยิบยกเว็บไซต์นี้ขึ้นมาในกรณีที่มีการพูดถึงคุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง และก็มีคล้ายๆกับพื้นที่ให้กำลังใจกับคุณโชติศักดิ์ เหมือนกับว่าเป็นการรณรงค์เป็นกรณีพิเศษ และคุณคำนูณ ก็วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการลงข่าวอย่างนี้ อย่างนี้
สโรชา- เป็นประเด็นเร็วมากเลยนะคะเร็วกว่าสื่ออื่นๆด้วยซ้ำไป เกิดเหตุเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีการเปิดกระทู้ค่อนข้างจะทันควันเลย
ปานเทพ- แล้วก็อยากจะบอกว่าเว็บไซต์นี้คือพื้นที่แสดงความคิดความเห็น ผมก็ดีคุณคำนูณก็ดี เราไม่ได้มีความคิดในทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราไม่เคยต่อต้านนะครับ ไม่เคยมีความคิดว่าความคิดแตกต่างอยู่ร่วมกันไม่ได้ ความคิดแตกต่างที่หลากหลายอยู่ด้วยกันได้ และนำเสนอด้วยข้อมูลและความคิดเห็นตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฐานะคนไทย เป็นเรื่องปกตินะครับ และอยากจะบอกว่า เว็บไซต์ประชาไท ที่หลายคนอยากจะรู้จักว่าเป็นใครมาอย่างไร เว็บไซต์ประชาไท เริ่มก่อตั้งโดยแนวคิดของท่าน อ.จอน อึ๊งภากรณ์
สโรชา- ในยุคแรกนะคะ
ปานเทพ- ในยุคแรก ซึ่งต้องการทำสื่อที่ไม่ถูกควบคุม แล้วก็ ไม่ถูกควบคุมโดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐ เห็นตัวอย่างจากสื่อของประเทศฟิลิปปินส์ จึงเริ่มโครงการวารสารข่าวทางอินเตอร์เน็ต เพื่อการศึกษาและสุขภาวะของชุมชน
สโรชา- นี่คือจุดเริ่มต้นของ ประชาไทด็อทคอม
ปานเทพ- จุดเริ่มต้นครับ แล้วก็ได้รับเงินสนับสนุนด้วย หลายครั้งเราจะมีความรู้สึกว่า การนำเสนอจะเป็นรูปแบบที่หลายคนมีความคาดหวังว่า จะเริ่มต้นด้วยการนำเสนอความหลากหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะครับ
สโรชา- ความแตกต่าง ใช่ไหมคะ
ปานเทพ- ขออนุญาตหยิบยกสิ่งที่คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ เขียนในผู้จัดการรายวัน มาอ้างอิง เพื่อทำให้เข้าใจถึงกระบวนการคิด มากขึ้น ท่าน อ.จอน อึ๊งภากรณ์ บอกเล่าถึงแนวคิดในเว็บไซต์ว่า ต้องใช้เวลาการประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาแนวคิดที่ชัดเจน และหาบรรณาธิการและทีมงาน รวมทั้งจัดหาทุนในการดำเนินการด้วย ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ท่าน อ.จอน ตระหนักอย่างมากนอกจากทุนดำเนินการ แล้วก็ นอกจากแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว ต้องมีบรรณาธิการ เขาบอกว่าโชคดีที่ได้ คุณสมเกียรติ เข้ามาในตอนแรก เชื่อไหมครับว่ามีเงินสนับสนุนแนวทาง แนวคิดนี้อย่างมาก เรียกได้ว่ามีเงินสนับสนุนเข้ามาถึง 7 ล้าน คุณแอ้มครับ เข้ามาถึง 7 ล้านบาท 70 เปอร์เซ็นต์ มาจากองค์กรภาครัฐ หรือว่าเงินภาษีประชาชน และอีก 30 เปอร์เซ็นต์ มาจากองค์กรต่างประเทศ กองทุนส่งเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ให้ทุนสนับสนุนในการดำเนินการจัดตั้งเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นการให้ครั้งเดียวแล้วก็ไม่มีการให้ต่อเนื่อง โดยสนับสนุนเป็นเงิน จำนวน 2,979,000 บาท จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ อพช. เป็นจำนวนเงิน 1,896,000 บาท และการสนับสนุนจากมูลนิธิร็อกกี้เฟนเลอร์ อีก 200,000 บาท สำหรับค่าวัสดุอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แล้วก็ได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินงานจาก โอเพิลโซไซตี้ อินสดิว สำหรับการดำเนินการโครงการ ระหว่าง 1 ตุลาคม 2548 - 30 กันยายน 2549 เป็นเงินอีกประมาณ 50,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,000,000 บาท เงินจาก 2 องค์กร เกือบ 5,000,000 บาท ต้องถือว่าเป็นการสนับสนุนจากภาษีอากรของประชาชน และถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ เพราะว่าความเชื่อมั่นในการทำงานของท่าน อ.จอน อึ้งภากรณ์ มีอุดมการณ์ ทีนี้หลังๆ เราเริ่มเห็นพื้นที่ในเว็บไซต์นี้ในการนำเสนอ อย่างที่เราเห็นกระทู้ ในการสนับสนุนคุณโชติศักดิ์ แล้วมีบทความในการสนับสนุนการกระทำของคุณโชติศักดิ์ อย่างต่อเนื่อง ในรอบประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และอย่างที่เราเรียนให้ทราบว่า มีการตั้งกระทู้ให้กำลังใจคุณโชติศักดิ์ ยังไม่นับข้อความที่โพสต์ ที่หมิ่นเหม่มากว่าจะเป็นความเหมาะสมหรือไม่ เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หลายข้อความนะครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ซึ่งทั้งหมดนี้ ขออนุญาตจริงๆ ว่า เราอัดเป็นวิดีโอทั้งหมด ให้เห็นความคืบหน้าของเว็บไซต์นี้อย่างเป็นกระบวนการ เพื่อป้องกันตัวเราเองว่า เราไม่ได้พูดชนิดที่เรียกว่า ไม่มีหลักฐาน หรือปราศจากหลักฐาน
สโรชา- จริงๆ แล้วแอ้มเชื่อว่า ทั้งอาจารย์ ทั้งตัวแอ้มเอง หรือหลายๆ ท่านที่เคยได้เห็นบทความที่ปรากฏในประชาไท โดยภาพรวมแล้ว เจตนารมณ์ของ อ.จอน นั้นดี น่าสนับสนุน แต่ว่าช่วงระยะหลังสิ่งที่เราเห็น บรรยากาศที่เปลี่ยนไป หรือสิ่งที่เปลี่ยนไปในเว็บไซต์นี้ ในช่วงระยะเวลานี้ ช่วงระยะเวลาหลังๆ เป็นที่น่าสังเกต
ปานเทพ- คืออย่างนี้ครับ ที่เป็นเหตุที่คุณสุรวิทย์ วีรวรรณ เขียน ก็มาจากเหตุตรงที่ว่า หลังจากที่เราวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมอืง ย้ำนะครับท่านผู้ชม ถ้าทบทวนกันให้ดี กรณีของ NBT ที่เสนอเนปาล ก็ไม่ใช่มาจากเราเป็นคนจุดประกายนะครับ มาจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เอง และคมชัดลึก ก็ลงรายละเอียดมากกว่านั้น ว่ามีการปฏิวัติฝรั่งเศส และที่อังกฤษอีก เราก็เพิ่งรู้นะครับ เพราะเราไม่เคยดูสถานีนี้เลย เรียนตามตรง จะว่าไปแล้วถึงกรณีเรื่องของธง ผู้จัดการถือว่าเอาบทความ หรือภาพข่าวจากมติชน และข่าวสดมา หลังจากนั้นด้วยซ้ำไป ไม่ได้เป็นการจุดประกายจากผู้จัดการด้วยซ้ำไปในกรณีนี้ เพียงแต่ว่าเรานำข่าวที่เห็นว่าหลายคนให้ความสนใจ และก็จริงๆ ครับ คนเข้าไปหลายหมื่นคนต่อกรณีต่อ 1 ข้อความ 1 ข่าวที่ปรากฏ ความคืบหน้ากรณีสิ่งเหล่านี้นะครับ เลยปรากฏว่าทางเว็บไซต์ประชาไท ซึ่งยุคก็เปลี่ยนไปตั้งมาหลายปีแล้ว ก็เลยปรากฏว่า คุณบรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์นี้ ชื่อคุณชูวัฒน์ ฤกษ์ศิริสุข ได้เขียนหัวข้อสำคัญบทความในฐานะบรรณาธิการว่า "ขอที่เล็กๆ ให้เราได้ยืนและฝันบ้าง" ก็ขออนุญาตอ่านข้อความบางส่วนให้คุณผู้ชมเข้าใจ เพื่อความเป็นธรรมด้วยว่าเขาคิดอย่างไร และเขามีความคิดต่อในการนำเสนอข่าวเราอย่างไร จะพยายามอ่านให้กระชับ และเร็วที่สุด
ปานเทพ- "เว็บไซต์ประชาไท และฟ้าเดียวกัน ตกเป็นข่าวพาดพิงในหนังสือพิมพ์ดาวสยามยุคใหม่" ซึ่งไม่รู้หมายถึงใครนะครับ "ในฐานะที่เสนอข่าวกรณีโชติศักดิ์ อ่อนสูง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง" แค่ย่อหน้าแรกผมเองก็อยากจะโต้ทันที แต่เก็บไว้ก่อน เดี๋ยวเอาให้จบก่อน "และไม่กี่วันต่อมาก็ปรากฏข่าวการฟ้องร้องดำเนินคดีกับประชาไท และฟ้าเดียวกัน" เข้าใจว่าเกิดที่ขอนแก่นนะครับ มาฟ้องร้องกัน "บัดนี้เราตระหนักดีว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเราในฐานะสื่อ ที่มุ่งมั่นปรารถนาจะปกป้องเสรีภาพในการเป็นข่าวของคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีโชติศักดิ์ กำลังถูกดึงเข้าไปในเกมการเมืองอันสามานย์ เพื่อเป็นเครื่องมือเอาชนะทางการเมือง น่าแปลกขณะที่เราเปรียบพระเดชานุภาพประดุจร่มโพธิร่มไทร ที่ไม่ว่าชนชาติใด เผ่าพันธุ์ไหน ไม่ว่าจะคิดเห็นต่างกันอย่างไร ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร เรากลับจำกัดรูปแบบความจงรักภักดีไว้ไม่กี่แบบ หากไม่เป็นอย่างนั้นคือหมิ่น หากไม่เป็นอย่างนี้คือไม่จงรักภักดี คู่ขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้พึงตระหนักเรื่องนี้ให้จงหนัก ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปั่นกระแส ตั้งแต่สือ่ทีวีเสนอข่าว การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศเนปาล ตามด้วยกรณีโชติศักดิ์ มาจนกระทั่งถึงธงชาติไทย ชื่อทักษิณ กระทั่งคนอย่างสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาตอบคำถามเรื่องความจงรักภักดีหลายครั้ง ฝ่ายพันธมิตรเองก็พึงตระหนักว่าการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอาจเป็นเชื้อไฟชั้นดี ให้ฝ่ายกุมอำนาจใช้เรื่องเดียวกันนี้สนองคืนได้ นักศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัยอาจรู้ว่า ประวัติศาสตร์ของการหยิบยกเรื่องเบื้องสูงมาเล่น ล้วนแต่เป็นเครื่องมือการเมืองทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามในท่ามกลางการเมืองแบบนี้ กลุ่มคนที่เป็นกลาง หรือที่เราเรียกว่าสองไม่เอานั่นเองที่จะตายก่อน เหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนที่ปัญญาชนจำนวนหนึ่ง ไม่มีที่ให้หนีไม่ว่าจะเป็นป่าหรือเมือง สำหรับเราไม่เอาทั้งทุนสามานย์ และชุมชนคุณธรรมสุดขั้ว เราไม่เอาระบอบเลือกตั้งอำนาจนิยม และเราก็ไม่เอาประชาสังคมใต้อุปถัมภ์อำมาตย์ เราไม่เอาระบอบทักษิณ ที่แทรกแซงองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน และเราก็ไม่เอาการรัฐประหารภายใต้เปลือกคุณธรรมประชาธิปไตย เราไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งคือทางเดียวอันชอบธรรม แต่เราก็ไม่เอาการเมืองท้องถนนที่ไม่เลือกวิธีใช้แบบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
สโรชา- คือเขากำลังประกาศตัวว่าเขาคือคนที่อยู่ตรงกลาง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าข้างพันธมิตรฯ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นพวกของโปรทักษิณ เหมือนกัน
ปานเทพ- ก็ขออนุญาตเริ่มต้นทีละประเด็นก่อนที่ผมติดใจ ประเด็นแรกที่เขาบอกว่า "เว็บไซต์ประชาไท และฟ้าเดียวกัน ตกเป็นข่าวพาดพิงในหนังสือพิมพ์ดาวสยามยุคใหม่" ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร เพราะว่าข่าวพาดพิงมันเกิดขึ้นอย่างไร และเป็นใคร ส่วนในเว็บไซต์ผู้จัดการเกิดขึ้น และก็ไม่ใช่เว็บไซต์เดียว หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็พูดถึงธง คมชัดลึกพูดถึงเนปาล พูดถึงฝรั่งเศส ก็ไม่รู้หมายถึงใครนะครับ อาจจะหมายถึงผู้จัดการก็ได้ เพราะหลังๆดูเหมือนว่าจะมีข้อความและบทความพูดถึงเครือผูจัดการ และเครือ ASTV อย่างต่อเนื่อง ดาวสยามกับเหตุการณ์ปัจจุบันต่างกันอย่างไรคุณแอ้ม หนังสือพิมพ์ดาวสยามในยุคเหตุการณ์เดือนตุลาคมในคราวนั้น เป็นการตัดต่อแต่งภาพนะครับ และบิดเบือนจากข้อเท็จจริง สิ่งที่ผู้จัดการ หรือ ASTV ก็ดี
สโรชา- หรือจะเหมาไปถึงมติชน หรือข่าวสดก็ได้
ปานเทพ- ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะไปตกแต่งภาพ แต่มันเป็นข้อเท็จจริงหรือเปล่า ตั้งแต่ที่มีข่าวเนปาล การปฏิวัติฝรั่งเศส การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือลดพระราชอำนาจในอังกฤษ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่าที่ NBT จะเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่บังเอิญอีกเหมือนกัน ที่คุณจักรภพ เพ็ญแข เป็น 1 ใน นปก. อดีต นปก.นะครับ ยังไม่นับเหตุการณ์ที่อยู่ดีๆก็มีคนมาปรากฏเป็นข่าว ยกป้ายบอกว่า "ไม่ยืนเป็นสิ่งที่ไม่เป็นอาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม" แล้วก็ชูป้ายภาษาอังกฤษ เรียกสื่อต่างประเทศมา และก็เคยทำงานกับคนบางคนต่อมาได้เป็นแกนนำ นปก.รุ่น 2 เช่นเดียวกับมีกรณีเรื่องการยื่นถวายฎีกาในการแต่งตั้งองคมนตรี ซึ่งคนๆนี้ก็เคยทำงานร่วมกับคนๆหนึ่งซึ่งต่อมาได้เป็นแกนนำ นปก.เช่นเดียวกัน นปก.รุ่น 2 ขออภัย ต่อมามีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏอยู่ใน NBT อีก แล้วใส่เสื้อตัวเดียวกัน ว่า"ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากรฯ" ปรากฏเหมือนกันว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับแกนนำ นปก.รุ่น 2 แล้วเคยมีแนวร่วมในการโค่นล้ม คมช .หรือ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ถามว่าเรื่องแบบนี้เรื่องของความละเอียดอ่อน และท้าทายกับประเด็นที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะโครงสร้างในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นข่าวได้อย่างไร ผมเห็นว่าในเว็บไซต์ประชาไท ยังได้มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจด้วยซ้ำไปว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชน เป็นครับ เราจัดให้ครับ อยู่ใน ASTV และผู้จัดการอย่างเต็มที่ เราเพิ่มพื้นที่ให้ เพียงแต่ว่าต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยว่า สังคมคิดอย่างไร แล้วพร้อมหรือเปล่า
สโรชา- คือที่ผ่านมา ประชาไทเป็นฝ่ายบ่นเองว่า ข่าวประเภทนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วๆ ไป ครั้งนี้แหละได้รับความสนใจ แล้วกลับมา
ปานเทพ- เพราะฉะนั้น ดาวสยาม เป็นการตัดแต่ง เหตุการณ์ที่นำเสนอเกิดจากข้อเท็จจริง และเป็นสิ่งที่สื่อสารมวลชนควรจะต้องนำเสนอด้วยซ้ำไปว่าเกิดอะไรขึ้น
สโรชา- นั่นคือความแตกต่าง
ปานเทพ- นั่นคือความแตกต่าง นะครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ประโยคถัดมาที่บอกว่า คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง รู้เท่าไม่ถึงการณ์
สโรชา- อันนี้หลายคนอาจจะเถียงอยู่ในใจ
ปานเทพ- อันนี้มีประเด็นนะครับ ที่ผมต้องขออนุญาตเถียง แล้วคิดแตกต่าง ขออนุญาตคิดแตกต่าง เพราะเหตุว่า 1. ผมเห็นว่ามีการสวมเสื้อและมีการเตรียมการอย่างดี มีการชูป้าย และป้ายภาษาอังกฤษ มีการเชิญสื่อต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นคดีหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะอะไร
สโรชา- อันนี้คงไม่ใช่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วแหละ
ปานเทพ- หนำซ้ำมีการแจกแถลงการณ์ อย่างน้อย 2 ฉบับ จากคน 2 กลุ่ม ทั้งจากคุณโชติศักดิ์เองและส่วนที่สนับสนุนเอง มีการรณรงค์ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในเรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างเป็นระบบ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ที่หนำซ้ำก็คือว่า มีการรณรงค์ผ่านเว็บ ในเนื้อหาทำนองเดียวกัน ผ่านประชาไท และฟ้าเดียวกัน หนำซ้ำก็คือว่า มีเสื้อ มีเสื้อขายนะครับวันนี้ แล้วก็มีโปสเตอร์ด้วย
สโรชา- มีคุณผู้ชมโทรมาถามว่า จะทำเสื้อโต้ได้ไหม
ปานเทพ- ใช้เย็นๆ ครับท่านผู้ชมครับ เราต้องเข้าใจถึงกระบวนการคิดของคนเหล่านี้ก่อน ให้ถึงแก่นก่อนว่าพวกเขาต้องการอะไรจริงๆ ผมอยากจะบอกว่า จะใช้คำว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แปลก ไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณสุรวิชช์ บอกว่า การรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจคือว่า การนำเสนอของเขาก็ดีในเว็บไซต์ประชาไท หรือเว็บไซต์ผู้จัดการก็ดี ถือเป็นสิทธิเสรีภาพไหมในการนำเสนอ เมื่อฝั่งหนึ่งเสนออย่างหนึ่ง ในอีกข้างหนึ่งของคนที่เห็นว่าไม่สมควร มีสิทธิ์นำเสนอไหม ผมว่ามีสิทธิ์ครับ เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
สโรชา- ก็คือความเห็นที่แตกต่างนั่นเอง
ปานเทพ- ทีนี้ สิ่งที่คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ เขาตั้งข้อสังเกต เขาบอกว่า สถานการณ์แบบนี้ เขาบอกว่า ไม่เข้าใจว่า ท่านบรรณาธิการ ที่ต้องการที่ยืนของตัวเอง ก็ควรเคารพที่ยืนของคนอื่นเช่นเดียวกันว่ามีความแตกต่างกันได้
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- แล้วถ้าจะมีนักธุรกิจไปฟ้องร้อง นักธุรกิจชาวขอนแก่น ก็เป็นเรื่องของนักธุรกิจ เราเองก็ไม่ได้เกี่ยว เพราะเราเองมีหน้าที่นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ที่นี้ปัญหาคือ คุณสุรวิชช์ บอกว่า คุณสุรวิชช์ต้องขออภัยที่จะต้องบอกท่านบรรณาธิการว่า ท่านตีความว่าการรณรงค์อย่างแข็งขันคือการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมก็คิดว่า วิจารณญาณของท่านบรรณาธิการน่าจะมีปัญหาจริงๆ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- ไม่ใช่แค่นี้ครับ ก็คือว่า เขาพูดถึงกระบวนการความคิดอย่างนี้ครับว่า น่าแปลก ขณะที่เราเปรียบพระเดชานุภาพประดุจร่มโพธิ์ร่มไทร ที่ไม่ว่าชนชาติใด เผ่าพันธุ์ไหน ไม่ว่าคิดเห็นต่างอย่างไร ล้วนแต่อยู่ใต้ พระบรมโพธิสมภาร อันนี้จริงครับ เพียงแต่ว่าความต่างนั้นมันต้องไม่ต่างจนกระทั่งมีความรู้สึกว่า ไปบั่นทอน หรือว่าหมิ่นเหม่ต่อการเสียความรู้สึก หรือทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ มีความรู้สึกว่า มีการกระทบกระเทือนต่อพระบรมโพธิสมภาร เช่นเดียวกัน
สโรชา- ถูก
ปานเทพ- คือต่างกันอย่างไรก็ได้
สโรชา- แต่ไม่ใช่แตกต่างอย่างตรงกันข้าม
ปานเทพ- ตรงกันข้ามไม่เป็นไรครับ แต่ว่าต้องไม่แตกต่างในหลักการว่าจะไปกระทบต่อพระบรมโพธิสมภาร ในสิ่งที่คุณบรรณาธิการคิด จะต้อง เช่นเดียวกันถ้าคิดว่า นี่คือ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทร คงไม่มีใครคิดว่าต่างกันแล้วไปฟันร่มโพธิ์ร่มไทรนั่นเองเสีย ใช่ไหมครับ จะให้คิดแตกต่างแล้วไปยอมรับ แล้วยืนอยู่เฉยๆ ผมว่า ในแง่ความคิดเห็น ต้องเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิด ความเห็น เขาบอกว่า เรากลับจำกัดรูปแบบความจงรักภักดีไว้ไม่กี่แบบ หากไม่เป็นอย่างนั้นคือหมิ่น หากเป็นอย่างนี้คือหมิ่น ไม่จงรักภักดี ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ กฎหมายเขียนครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- แล้วจริงๆ นะครับ รัฐธรรมนูญก็เขียนเช่นเดียวกัน แล้วการที่รัฐธรรมนูญเขียน บอกว่า พระมหากษัตริย์เป็นสิ่งสูงสุด คุณแอ้ม จะไปละเมิดก็คงไม่ได้ ทีนี้สิ่งที่สำคัญก็คือว่า ตอนนี้ บอกว่า พันธมิตรฯ เองพยายามปั่นกระแส แต่ผมก็เรียนซ้ำอีกแล้วว่า เราไม่ได้ปั่นกระแส มันเกิดขึ้นจากกระบวนการ ที่ไม่ใช่เราด้วยซ้ำไป ต้นตอของสาเหตุไม่ใช่เราไปแต่งภาพก็ไม่ใช่เลย
สโรชา- อาจารย์ ทำไมหลายฝ่ายถึงได้คิด หรือว่าพยายามจะตอกย้ำในประเด็นที่ว่า ฝั่งพันธมิตรฯ ฝั่งผู้จัดการ ฝั่ง ASTV พยายามจะหยิบยกประเด็นนี้มาเหมือนจะเป็นเครื่องมือในการต่อสู้
ปานเทพ- ก็เขาคิดเองครับคุณแอ้ม ถามว่าเดิมทีเรารณรงค์เรื่องอะไรคุณแอ้ม เรารณรงค์เรื่องของรัฐธรรมนูญใช่ไหมครับ
สโรชา- ค่ะ, ประเด็นที่เริ่มต้น จริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม เราเป็นฝ่ายตอบโต้ หลังจากที่เขามีความเคลื่อนไหว ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 237 , 309 ที่เริ่มต้นกันมา พันธมิตรฯ กลับมาก่อตัวอีกครั้งหนึ่งก็เนื่องจากเงื่อนไขของการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า เราเป็นฝ่ายเริ่มต้น เป็นฝ่ายจุดประกาย
ปานเทพ- ครับ, แต่ว่าเอาอย่างนี้ดีกว่าคุณแอ้ม ผมวันนี้จะต่อจิ๊กซอว์ให้ฟัง ท่านผู้ชมฟังให้ดีนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเราต้องพักกันก่อน
สโรชา- ได้ค่ะ
ปานเทพ- เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากครับ
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่า กระบวนการคิดมันช่างสอดคล้องกับอะไรบางอย่าง ที่บังเอิญมีแหล่งสนับสนุนทางการเงินจากคนบางกลุ่มคุณแอ้ม เดี๋ยวเรามาเล่าให้ฟังดีไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น
สโรชา- ค่ะ
ปานเทพ- พักกันสักครู่ดีกว่าครับ
สโรชา- ค่ะ, สักครู่เดียวค่ะ