นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล" ว่า สำหรับการจัดการการผลิตอ้อยและน้ำตาลที่จะมีบทบาทสำคัญกับพลังงานทดแทน ท่ามกลางปัญหาน้ำมันแพง กระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางการปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับเอทานอลที่นำมาใช้ผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล เนื่องจากปัจจุบันการผลิตเอทานอลเพื่อเป็นพลังงานทดแทนยังเสียภาษีเท่ากับการผลิตและจำหน่ายเอทานอลเพื่อใช้ผลิตสุรา
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีนโยบายจะลดการส่งออกน้ำตาล จากปัจจุบันการผลิตน้ำ ตาลส่งออกไปต่างประเทศร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่ปัจจุบันราคาน้ำตาลในตลาดโลกค่อนข้างผันผวนและตกต่ำ ดังนั้น หากการส่งออกน้ำตาลไม่สามารถสร้างกำไรให้ประเทศหรือเกษตรกรผู้ปลูกได้ ก็ควรลดปริมาณการส่งออกเพื่อนำน้ำตาลเหล่านี้มาผลิตเอทานอลใช้เป็นพลังงานทดแทนมากกว่า ซึ่งทั้ง 2 แนวทางจะมีการหารือรายละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้พิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มราคารับซื้ออ้อยที่จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 700-800 บาทต่อตัน ก็จะหาแนวทางเพิ่มราคารับซื้ออีกอย่างน้อย 100 บาท ซึ่งจะมีการหารือร่วมกับคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อพิจารณาว่า จะมีแหล่งเงินจากที่ใดมาช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีนโยบายจะลดการส่งออกน้ำตาล จากปัจจุบันการผลิตน้ำ ตาลส่งออกไปต่างประเทศร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตทั้งหมด แต่ปัจจุบันราคาน้ำตาลในตลาดโลกค่อนข้างผันผวนและตกต่ำ ดังนั้น หากการส่งออกน้ำตาลไม่สามารถสร้างกำไรให้ประเทศหรือเกษตรกรผู้ปลูกได้ ก็ควรลดปริมาณการส่งออกเพื่อนำน้ำตาลเหล่านี้มาผลิตเอทานอลใช้เป็นพลังงานทดแทนมากกว่า ซึ่งทั้ง 2 แนวทางจะมีการหารือรายละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้พิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มราคารับซื้ออ้อยที่จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 700-800 บาทต่อตัน ก็จะหาแนวทางเพิ่มราคารับซื้ออีกอย่างน้อย 100 บาท ซึ่งจะมีการหารือร่วมกับคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อพิจารณาว่า จะมีแหล่งเงินจากที่ใดมาช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
