ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในระยะหลังคนไทยได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อนมากขึ้น เนื่องจากมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง ประกอบกับหลายประเทศทั่วโลกก็ประสบกับภัยธรรมชาติที่เริ่มมีความรุนแรง และถี่มากขึ้น อาทิ กรณีเกิดหิมะตกในประเทศอาร์เจนติน่า หรือ การเกิดคลื่นความร้อนในแถบทวีปยุโรป อเมริกา ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมั่นใจว่าปรากฎการณ์เหล่านี้ไม่ใช่ความแปรปรวนของอากาศ แต่เป็นผลจากภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยก็มีปรากฎการณ์หลายอย่างที่เราสามารถรับรู้ ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ถึงผลที่ตามมาจากภาวะโลกร้อน แต่ที่ผ่านมายังขาดการศึกษาในเชิงลึก ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดว่าจะรวบรวมปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งเรื่องดิน น้ำ ป่า ระบบนิเวศน์ ผลกระทบทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจให้ได้ ประมาณ 100 กรณี เช่น ฤดูร้อนที่ร้อนจัด ฤดูหนาวสั้นลง หรือ การหายไปของปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งตัวซึ่งเป็นการสังเกตของคนในพื้นที่ รวมทั้งงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาแยกแยะและตอบให้ได้ว่าสัมพันธ์หรือเป็นผลจากโลกร้อนหรือไม่ โดยจะสรุปเป็นหนังสือ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของไทยโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูล สำหรับใช้อ้างอิง ศึกษาเพิ่มเติมต่อไปได้
ส่วนข้อถกเถียงถึงสาเหตุ การลดลงของระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้เพิ่งได้รับข้อมูลจากกรมชลประทานที่อิงหลักฐานการบันทึกข้อมูลระดับน้ำเฉลี่ยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และตรวจหลักหินวัดระดับน้ำ พบว่าใน 150 ปีนี้ ระดับน้ำลดลงประมาณ 3 เมตร โดยส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการสร้างเขื่อนทางตอนบนของลุ่มเจ้าพระยาด้วย จึงยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าเป็นผลจากภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยก็มีปรากฎการณ์หลายอย่างที่เราสามารถรับรู้ ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ถึงผลที่ตามมาจากภาวะโลกร้อน แต่ที่ผ่านมายังขาดการศึกษาในเชิงลึก ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดว่าจะรวบรวมปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งเรื่องดิน น้ำ ป่า ระบบนิเวศน์ ผลกระทบทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจให้ได้ ประมาณ 100 กรณี เช่น ฤดูร้อนที่ร้อนจัด ฤดูหนาวสั้นลง หรือ การหายไปของปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งตัวซึ่งเป็นการสังเกตของคนในพื้นที่ รวมทั้งงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาแยกแยะและตอบให้ได้ว่าสัมพันธ์หรือเป็นผลจากโลกร้อนหรือไม่ โดยจะสรุปเป็นหนังสือ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของไทยโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูล สำหรับใช้อ้างอิง ศึกษาเพิ่มเติมต่อไปได้
ส่วนข้อถกเถียงถึงสาเหตุ การลดลงของระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้เพิ่งได้รับข้อมูลจากกรมชลประทานที่อิงหลักฐานการบันทึกข้อมูลระดับน้ำเฉลี่ยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และตรวจหลักหินวัดระดับน้ำ พบว่าใน 150 ปีนี้ ระดับน้ำลดลงประมาณ 3 เมตร โดยส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ลุ่มน้ำ รวมทั้งการสร้างเขื่อนทางตอนบนของลุ่มเจ้าพระยาด้วย จึงยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าเป็นผลจากภาวะโลกร้อน
