คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ผ่านความเห็นชอบในแผนการปฏิรูประบบการเงิน ซึ่งอาจส่งผลให้ไอเอ็มเอฟต้องนำทองคำที่มีสำรองอยู่ ออกเทขายร้อยละ 12 หรือประมาณ 400 ตัน แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ และจาก 185 ประเทศสมาชิกเสียก่อน
ภายใต้แผนการดังกล่าว จะระบุให้ไอเอ็มเอฟ เทขายทองคำประมาณ 400 ตัน หรือเกือบ 13 ล้านออนซ์ คิดเป็นมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเก็บใส่บัญชีไว้ และอีก 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะนำออกมาลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ แต่ไอเอ็มเอฟจะใช้วิธีทยอยเทขายทองคำในช่วงหลายปีข้างหน้า เพราะถ้าเทขายรวดเดียว 400 ตัน อาจทำให้ตลาดปั่นป่วนได้
ทองคำเคยสร้างสถิติมีราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่กว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เมื่อเดือนมีนาคมแต่หลังจากนั้น ทองคำก็มีราคาผันผวนมาโดยตลอด โดยการซื้อขายที่ตลาดเอเชีย ล่าสุดทองคำมีราคาอยู่ที่ 923 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ส่วนไอเอ็มเอฟนั้น ปัจจุบันถือครองทองคำมากถึง 103.4 ล้านออนซ์ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 95,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านนายโดมินิก สเตราซ์ คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนไอเอ็มเอฟ ก็ยืนยันว่าจำเป็นต้องนำทองคำออกเทขายบางส่วน เพื่อนำเงินมาลงทุนสร้างรายได้เข้าองค์กร เพราะในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา รายได้หลักของไอเอ็มเอฟ จะมาจากการปล่อยกู้ให้กลุ่มประเทศที่ยากจน แต่ในช่วง 10 ปี ให้หลังนี้ ไอเอ็มเอฟปล่อยกู้ได้น้อยลง สืบเนื่องจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเอเชียมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศขนาดใหญ่ขึ้นมาเอง เพื่อลดการพึ่งพาไอเอ็มเอฟ หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในอนาคต
ภายใต้แผนการดังกล่าว จะระบุให้ไอเอ็มเอฟ เทขายทองคำประมาณ 400 ตัน หรือเกือบ 13 ล้านออนซ์ คิดเป็นมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเก็บใส่บัญชีไว้ และอีก 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะนำออกมาลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ แต่ไอเอ็มเอฟจะใช้วิธีทยอยเทขายทองคำในช่วงหลายปีข้างหน้า เพราะถ้าเทขายรวดเดียว 400 ตัน อาจทำให้ตลาดปั่นป่วนได้
ทองคำเคยสร้างสถิติมีราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่กว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เมื่อเดือนมีนาคมแต่หลังจากนั้น ทองคำก็มีราคาผันผวนมาโดยตลอด โดยการซื้อขายที่ตลาดเอเชีย ล่าสุดทองคำมีราคาอยู่ที่ 923 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ส่วนไอเอ็มเอฟนั้น ปัจจุบันถือครองทองคำมากถึง 103.4 ล้านออนซ์ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 95,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านนายโดมินิก สเตราซ์ คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนไอเอ็มเอฟ ก็ยืนยันว่าจำเป็นต้องนำทองคำออกเทขายบางส่วน เพื่อนำเงินมาลงทุนสร้างรายได้เข้าองค์กร เพราะในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา รายได้หลักของไอเอ็มเอฟ จะมาจากการปล่อยกู้ให้กลุ่มประเทศที่ยากจน แต่ในช่วง 10 ปี ให้หลังนี้ ไอเอ็มเอฟปล่อยกู้ได้น้อยลง สืบเนื่องจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเอเชียมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศขนาดใหญ่ขึ้นมาเอง เพื่อลดการพึ่งพาไอเอ็มเอฟ หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในอนาคต
