ซีน่าเน็ต – ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลงเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับเงินหยวนที่ยังเดินหน้าแข็งค่าทำนิวไฮเป็นระยะๆ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ๆของจีน ที่ถือเงินตราต่างประเทศในมือเป็นจำนวนมากอาจต้องเผชิญหน้ากับการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนถึง 20,000 ล้านหยวนในปลายปีนี้
ในไตรมาสแรกที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานสำหรับปี 2008 อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลเหรินหมินปี้ ของจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้แข็งค่าขึ้นไปแล้วเกือบ 4% ซึ่งในบรรดาผู้ที่คาดการณ์การแข็งค่าของเงินหยวนหลายสำนัก ผู้ที่ประเมินไว้ต่ำที่สุดก็ยังระบุว่าในปีนี้เงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่ำ 7.5% กล่าวคือ หากใครที่มีสินทรัพย์เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐฯในมือ เมื่อถึงปลายปีจะมีมูลค่าที่ละลายหายไปอย่างน้อย 7.5%
นอกจากธนาคารกลางของจีนที่มีเงินสำรองเป็นดอลลาร์สหรัฐฯจำนวนมหาศาลแล้ว ยังมีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ต่างๆอาทิธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์จีน (ไอซีบีซี) ,ธนาคารก่อสร้างจีน (ซีซีบี) ธนาคารแห่งประเทศจีน (บีโอซี) และธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศรายอื่น ที่ตามรายงานได้ระบุว่ามีเงินดอลลาร์อยู่ในมือราว 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจีนต่อดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น 7.5% ก็จะทำให้เกิดความสูญเสียจากอัตราแลกเปลี่ยมากกว่า 20,000 ล้านหยวนทันที
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีนักวิจัยบางท่านได้ชี้ว่าในปีที่แล้ว ได้มีการเตรียมตัวที่ดีขึ้น ทำให้มูลค่าความสูญเสียน้อยลง ทว่าเมื่อดูจากรายงานของธนาคารแต่ละแห่งในปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าแต่ละธนาคารกลับมีความสูญเสียอย่างหนัก
โดยเฉพาะธนาคารไอซีบีซีที่มีตัวเลขความสูญเสียอันเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 6,881 ล้านหยวน มากกว่าความสูญเสียในปี 2006 ที่มีเพียง 1,329 ล้านหยวน ในขณะที่ซีซีบีนั้นมีตัวเลขความสูญเสียในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วถึง 5,490 ล้านหยวน ซึ่งเชื่อว่าจนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา น่าจะมีมูลค่าความสูญเสียที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนพอๆกับไอซีบีซี
สำหรับธนาคารพาณิชย์ วิธีการแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินหยวนนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือพยายามที่จะแปลงเงินตราต่างประเทศที่อ่อนค่า โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐฯให้กลายเป็นเงินสกุลเหรินหมินปี้ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวก็จะเป็นการถ่ายโอนแรงกดดันและความเสี่ยงไปให้กับธนาคารกลางแทน ซึ่งแหล่งข่าววงในได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้ แม้แต่ธนาคารกลางเองก็พยายามใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกีดกันการแลกเงินกับธนาคารกลางของธนาคารพาณิชย์ อย่างเช่นมาตรการให้เงินสำรองธนาคารพาณิชย์นั้นให้ใช้เงินต่างชาติในการสำรองมากขึ้น
